#สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่น้องที่รักทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านท ั้งหลายว่า
สัจธรรมความจริงขั้นสูงสุด
ที่มนุษย์ไม่รู้ว่าตนไม่รู้ ก็คือ #อนุตรธรรม
ท่านทั้งหลายจะต้องรู้ว่า
สัจธรรมความจริงระดับอนุตรธ รรมนี้
จะแตกต่างจากความจริง
ในระดับโลกียธรรมและโลกุตรธ รรม
เพราะสัจธรรมระดับอนุตรธรรม นั้น
ท่านจะไม่สามารถใช้สมองสองซ ีก
วิเคราะห์และสังเคราะห์ความ จริงได้เอง
เหมือนโลกียธรรมกับโลกุตรธร รม
ซึ่งเราได้กล่าวต่อท่านทั้ง หลาย
เอาไว้ในบทก่อนๆที่ผ่านมาแล ้ว
ถ้าจะเปรียบเทียบความต่างให ้เห็นชัดเจน
ระหว่างสัจธรรมความจริงทั้ง 3 ระดับ
ก็อาจจะกล่าวได้ว่า
1.สัจธรรมระดับโลกียธรรมนั้ น
เป็นความจริงในสิ่งที่สัมผั สรู้ดูเห็นได้ง่าย
จากการสังเกตแล้วนำมาวิเครา ะห์แยกแยะ
อย่างมีหลักคิดและเหตุผล
ด้วยสมองซีกซ้ายของตนเอง
ตาม #ChickModel by Parinya
2.สัจธรรมระดับโลกุตรธรรมนั ้น
เป็นความจริงที่จริงแท้
ที่ต้องสังเคราะห์ออกมาจากโ ลกียธรรม
ด้วยความสามารถในการใช้สมอง ซีกขวา
ซึ่งเป็นระบบกดปุ่มอีกทอดหน ึ่ง
โดยผู้ใดที่สามารถเข้าถึงสั จธรรม
ในระดับโลกุตรธรรมได้อย่างช ำนาญแล้ว
ท่านจะสามารถต่อยอด "ปัญญาญาณ"
ด้วยการยกระดับถึงขั้น "การหยั่งรู้"
ซึ่งภาษาฝรั่งใช้คำว่า Intuition ได้ด้วย
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
แต่สำหรับความจริงที่สูงสุด ลึกสุด
ในระดับที่เรียกว่า "อนุตรธรรม" นี้
ไม่สามารถคิดเชื่อมโยงหรือต ่อยอดการคิด
ไปจากสัจธรรมทั้งสองระดับที ่ว่ามาได้
เพราะความจริงที่จริงแท้ทั้ งสองระดับ
เป็นความจริงที่จริงแท้เฉพา ะในระบบเอกภพ
ทั้งมิติทางกายภาพและมิติทา งพลังงาน
ซึ่งมนุษย์สามารถเข้าถึงได้ ไม่ยากนัก
ไม่ว่าจากการสังเกตแล้วคิดว ิเคราะห์
วิเคราะห์ได้แล้วก็นำมาร่อน มาสังเคราะห์
จนเป็นสัจธรรมอันล้ำลึกได้ร ะดับหนึ่ง
ถ้าสัจธรรมใดที่มีอยู่ในเอก ภพนี้
แต่สุดความสามารถที่จะสังเก ต
ด้วยกลไกอายตนะของตนเองได้
มนุษย์ก็จะใช้วิธีตั้งสมมติ ฐานเอา
เหมือนดั่งวิชาวิทยาศาสตร์ก ายภาพ
ของนักวิชาการโลกเขาทำกันนั ่นแหละ
เห็นวงแหวนของดาวเสาร์ด้วยก ล้องส่อง
ก็บรรจงตั้งสมมติฐานกันเอาเ องว่า
มันคือนั่นนี่โน่นจิปาถะ
เห็นดวงดาราประดับฟ้าวับๆแว มๆมากมาย
ก็ตั้งสมมติฐานเอาเองว่าคือ เป็นดวงอาทิตย์
โดยเรียกใหม่ว่า "ดาวฤกษ์" แทน
ซึ่งคาดเดาเอาเองว่าต้องใช่ ดวงอาทิตย์แน่ๆ
จริงหรือไม่ ถูกหรือผิด ไม่รู้
แต่ถ้าใช้ปัญญาญาณได้
หรือมีญาณหยั่งรู้จริงแท้แน ่แล้ว
ท่านคงไม่กล้าสรุปหรอกว่า
ที่ระยิบระยับนับล้านดวงนั้ นเป็นดวงอาทิตย์
เพราะในระบบสุริยจักรวาลโลก
แค่มีดวงอาทิตย์ดวงเดียวเท่ านั้นเอง
พอถึงหน้าร้อนมนุษย์ก็ร้อนแ ทบตับแลบแล้ว
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
แต่สำหรับความจริงระดับ "อนุตรธรรม"
อันเป็นความจริงที่อยู่นอกร ะบบเอกภพนี้
ปัญญาญาณหยั่งรู้ของมนุษย์ท ั่วไป
จะมิอาจเข้าถึงด้วยตนเองได้ หรอก
ท่านเคยได้ยินคำว่า "สุดเอื้อม" มั้ย?
เคยได้ฟังคำว่า "เกินกว่าจะหยั่งถึง" มั้ย?
ทั้ง 2 ถ้อยความนี้เป็นอภิปรัชญานะ
เพราะเรามิได้หมายถึง
การเอามือล้วงรูแล้วสุดที่ม ือจะหยั่งถึงได้
การเอาไม้หยั่งดูแล้วสุดที่ ไม้จะหยั่งถึงได้
เพราะรูนั้นมันลึกเกินไปนั่ นเอง
ความจริงระดับอนุตรธรรมนี้
ถ้าจะกล่าวง่ายๆให้สมองซีกซ ้ายเข้าใจ
ก็พอจะกล่าวได้ว่า
1.เป็นความจริงที่ถ้าไม่มีใ ครบอกก็จะไม่รู้
เพราะสัมผัสรู้เห็นความจริง นี้ด้วยตนเองไม่ได้
จะคาดเดาเอาเองตั้งสมมติฐาน เองก็ไม่ได้
2.เป็นความจริงที่ผู้บอกเล่ ากล่าวเผย
จักต้องเป็นหนึ่งเดียวกันกั บความจริงนั้น
จักต้องเกี่ยวข้องกันกับควา มจริงนั้น
3.เป็นความจริงที่ผู้บอกเล่ ากล่าวเผย
รู้เห็นเป็นจริงอยู่ดุจดั่ง ความลับเฉพาะตน
ซึ่งคนทั่วๆไปที่ไม่เกี่ยวข ้องก็มิอาจรู้ได้
ต่อให้มีปัญญาญาณฉลาดล้ำลึก แค่ไหน
ก็จะมิอาจเรียนรู้ มิอาจหยั่งรู้เองได้
จักต้องมี "ครูจำเพาะตน" เมตตาให้เท่านั้น
เราขอกล่าวความจริงว่า
สัจธรรมระดับอนุตรธรรมนี่แห ละ
เป็นความจริงที่มนุษย์โลกไม ่รู้ว่าตนไม่รู้
เป็นความจริงที่มิอาจคิดด้ว ยจิตมนุษย์ได้
เป็นความจริงที่บรรดานักวิช าการส่วนใหญ่
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร ์กายภาพ
จะพากันแอนตี้ต่อต้านหรือไม ่เชื่อ
เพราะใช้สมองซีกซ้ายของตนเป ็นมาตรฐาน
ด้วยเหตุนี้เอง
องค์เยซูคริสต์เจ้าในกาลอดี ต
เมื่อทรงกล่าวสัจธรรมระดับอ นุตรธรรม
ก็จะทรงอาศัยความเชื่อมั่นแ ละศรัทธา
ที่พี่ๆน้องๆชาวโลกเสรีทั้ง หลายในยุคนั้น
พึงน้อมถวายต่อองค์พระผู้เป ็นเจ้า
พึงมอบให้พระองค์ผู้ทรงกล่า วพระโอวาท
เป็นปัจจัยสำคัญเสมอ
เนื่องจากพระองค์ทรงรู้แจ้ง ดีว่า
อนุตรธรรมความจริงนั้น
มนุษย์โลกทั้งหลายจะมิอาจเข ้าถึง
ด้วยปัญญาของสมองทั้งสองซีก ได้เอง
จักต้องเชื่อในพระเจ้าซึ่งเ ป็นพระผู้สร้าง
จักต้องเชื่อในพระองค์ซึ่งเ ป็นบุตรเอก
ผู้เข้ามากล่าวพระโอวาทแทนเ ท่านั้น
พี่น้องที่รักทั้งหลาย
ถ้ามันเป็นความจริงอันแสนพิ เศษแล้ว
ความจริงในระดับสูงสุดอนุตร ธรรมนี้
ซึ่งมีเพียงแต่พระผู้เป็นเจ ้าเท่านั้นที่ทรงรู้
มันคืออะไรบ้างหนอ....
เราขอยกบางตัวอย่างมากล่าวต ่อท่าน
ไว้ในที่นี้บ้าง ดังนี้
1.จิตวิญญาณของท่านเป็นใคร
2.ใครเป็นผู้ให้กำเนิดจิตวิ ญญาณของท่าน
3.จิตวิญญาณของท่านมาจากไหน
4.จิตวิญญาณท่านมาเกิดเป็นม นุษย์ทำไม
5.ใครอนุญาตให้จิตวิญญาณท่า นมาเกิด
6.มาเกิดแล้วมีหน้าที่ต้องท ำสิ่งใดบ้าง
7.มนุษย์ โลกและจักรวาลสัมพันธ์กันยั งไง
8.ทำไมจิตวิญญาณมนุษย์ต้องน ิพพาน
หากท่านพิจารณาทั้ง 8 คำถามแล้ว
ท่านจะทราบด้วยตนเองทันทีว่ า
จะต้องมีครูคนพิเศษเท่านั้น
ที่จะสามารถช่วยตอบคำถาม
ที่จะสามารถเล่าความจริงต่อ ตัวท่านได้
นี่ไง...
จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่า
ทำไมพระศาสดาจึงต้องขันอาสา พระบิดา
ลงมาช่วยเหลือมนุษย์ผู้ไม่ร ู้ให้ได้รู้
ด้วยการเข้ามาทำหน้าที่กล่า วพระโอวาท
ในพระนามแห่งพระบิดาให้ท่าน ฟัง
นอกจากนั้น
ในปลายยุคพลังงานเก่านี้
ความจริงเรื่องโลกกับมนุษย์ กำลังถูกชำระ
ด้วยภัยพิบัติที่รุนแรงขนาด แผ่นดินหาย
รุนแรงขนาดผู้คนต้องล้มตายจ ำนวนมาก
ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับดา วโลกมาก่อน
ความจริงที่โลกและมนุษย์
จักต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแ ปลงในทุกมิติ
เป็นความจริงที่มนุษย์บางพว ก
จักต้องทำตัวเป็นปลาที่ถูกค ัดไว้
แม้จะยังหายใจด้วยปอด
แต่ก็มีชีวิตรอดปลอดภัยอยู่ ในน้ำลึกๆได้
เป็นความจริงที่โลกและมนุษย ์
จักต้องทำตัวเป็นแกะ
ซึ่งจำเสียงเพรียกจากเจ้าขอ งที่ร้องหา
แล้วรีบแจ้นกลับมาเข้าคอกได ้ทันเวลา
ที่สำคัญคือ ยังมีความจริงอยู่อีกว่า
ขณะนี้สิ้นยุคพลังงานเก่า
เพราะครบจำนวนเวลา 6 หมื่นปี
ท่านจึงหมดเวลาวาระการทำหน้ าที่
ตามพันธะสัญญา 6 ที่ให้ไว้ต่อพระบิดาแล้ว
ท่านต้องรีบนำพาจิตวิญญาณกล ับบ้าน
ในสภาวะนิพพานก่อนวันสิ้นยุ คให้ได้
นี่ก็เป็นความจริงในระดับ "อนุตรธรรม"
ที่ท่านทั้งหลายทั่วทั้งโลก าในปลายยุคนี้
ยังไม่รู้ว่าตนเองยังไม่รู้
ยังไม่รู้ว่าทำไมจะต้องรู้
ยังไม่รู้ว่าตนกับโลกจะต้อง เผชิญกับสิ่งใด
นี่ไงล่ะ....
เป็นเหตุให้เราต้องกลับมาอี กครั้ง
มาเพื่อช่วยภารกิจพระบิดา
ในการพิพากษาโลก
เพื่อเปลี่ยนโลกไปสู่ยุคพลั งงานใหม่
ยุคแห่งความศิวิไลซ์แห่งจิต ใจผู้เหลือรอด
และโลกใหม่ที่มีฟ้าใหม่ในพิ กัดใหม่
บนสนามพลังงานที่สมดุลมากขึ ้น
มาเพื่อช่วยคัดปลาขึ้นจากน้ ำ
มาเพื่อร้องเรียกแกะหลงฝูงก ลับเข้าคอก
มาเพื่อพาเจ้าสาวเข้าสู่ประ ตูด่านนภาลัย
ปลาทุกตัวที่ไม่เอาไหน
แกะตัวใดที่ไม่เอาถ่าน
เจ้าสาวตนใดที่เกียจคร้าน
คงได้แต่หลับไหลถือตะเกียงท ี่ไร้น้ำมัน
ล้วนจะได้รับการพิพากษาจากต ัวท่านเอง
ช่างเท็คนิกของพระบิดา
จะช่วยกันทำเครื่องหมาย
กากะบาทบนหน้าผากให้
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
9-10-2017
พี่น้องที่รักทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านท
สัจธรรมความจริงขั้นสูงสุด
ที่มนุษย์ไม่รู้ว่าตนไม่รู้
ท่านทั้งหลายจะต้องรู้ว่า
สัจธรรมความจริงระดับอนุตรธ
จะแตกต่างจากความจริง
ในระดับโลกียธรรมและโลกุตรธ
เพราะสัจธรรมระดับอนุตรธรรม
ท่านจะไม่สามารถใช้สมองสองซ
วิเคราะห์และสังเคราะห์ความ
เหมือนโลกียธรรมกับโลกุตรธร
ซึ่งเราได้กล่าวต่อท่านทั้ง
เอาไว้ในบทก่อนๆที่ผ่านมาแล
ถ้าจะเปรียบเทียบความต่างให
ระหว่างสัจธรรมความจริงทั้ง
ก็อาจจะกล่าวได้ว่า
1.สัจธรรมระดับโลกียธรรมนั้
เป็นความจริงในสิ่งที่สัมผั
จากการสังเกตแล้วนำมาวิเครา
อย่างมีหลักคิดและเหตุผล
ด้วยสมองซีกซ้ายของตนเอง
ตาม #ChickModel by Parinya
2.สัจธรรมระดับโลกุตรธรรมนั
เป็นความจริงที่จริงแท้
ที่ต้องสังเคราะห์ออกมาจากโ
ด้วยความสามารถในการใช้สมอง
ซึ่งเป็นระบบกดปุ่มอีกทอดหน
โดยผู้ใดที่สามารถเข้าถึงสั
ในระดับโลกุตรธรรมได้อย่างช
ท่านจะสามารถต่อยอด "ปัญญาญาณ"
ด้วยการยกระดับถึงขั้น "การหยั่งรู้"
ซึ่งภาษาฝรั่งใช้คำว่า Intuition ได้ด้วย
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
แต่สำหรับความจริงที่สูงสุด
ในระดับที่เรียกว่า "อนุตรธรรม" นี้
ไม่สามารถคิดเชื่อมโยงหรือต
ไปจากสัจธรรมทั้งสองระดับที
เพราะความจริงที่จริงแท้ทั้
เป็นความจริงที่จริงแท้เฉพา
ทั้งมิติทางกายภาพและมิติทา
ซึ่งมนุษย์สามารถเข้าถึงได้
ไม่ว่าจากการสังเกตแล้วคิดว
วิเคราะห์ได้แล้วก็นำมาร่อน
จนเป็นสัจธรรมอันล้ำลึกได้ร
ถ้าสัจธรรมใดที่มีอยู่ในเอก
แต่สุดความสามารถที่จะสังเก
ด้วยกลไกอายตนะของตนเองได้
มนุษย์ก็จะใช้วิธีตั้งสมมติ
เหมือนดั่งวิชาวิทยาศาสตร์ก
ของนักวิชาการโลกเขาทำกันนั
เห็นวงแหวนของดาวเสาร์ด้วยก
ก็บรรจงตั้งสมมติฐานกันเอาเ
มันคือนั่นนี่โน่นจิปาถะ
เห็นดวงดาราประดับฟ้าวับๆแว
ก็ตั้งสมมติฐานเอาเองว่าคือ
โดยเรียกใหม่ว่า "ดาวฤกษ์" แทน
ซึ่งคาดเดาเอาเองว่าต้องใช่
จริงหรือไม่ ถูกหรือผิด ไม่รู้
แต่ถ้าใช้ปัญญาญาณได้
หรือมีญาณหยั่งรู้จริงแท้แน
ท่านคงไม่กล้าสรุปหรอกว่า
ที่ระยิบระยับนับล้านดวงนั้
เพราะในระบบสุริยจักรวาลโลก
แค่มีดวงอาทิตย์ดวงเดียวเท่
พอถึงหน้าร้อนมนุษย์ก็ร้อนแ
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
แต่สำหรับความจริงระดับ "อนุตรธรรม"
อันเป็นความจริงที่อยู่นอกร
ปัญญาญาณหยั่งรู้ของมนุษย์ท
จะมิอาจเข้าถึงด้วยตนเองได้
ท่านเคยได้ยินคำว่า "สุดเอื้อม" มั้ย?
เคยได้ฟังคำว่า "เกินกว่าจะหยั่งถึง" มั้ย?
ทั้ง 2 ถ้อยความนี้เป็นอภิปรัชญานะ
เพราะเรามิได้หมายถึง
การเอามือล้วงรูแล้วสุดที่ม
การเอาไม้หยั่งดูแล้วสุดที่
เพราะรูนั้นมันลึกเกินไปนั่
ความจริงระดับอนุตรธรรมนี้
ถ้าจะกล่าวง่ายๆให้สมองซีกซ
ก็พอจะกล่าวได้ว่า
1.เป็นความจริงที่ถ้าไม่มีใ
เพราะสัมผัสรู้เห็นความจริง
จะคาดเดาเอาเองตั้งสมมติฐาน
2.เป็นความจริงที่ผู้บอกเล่
จักต้องเป็นหนึ่งเดียวกันกั
จักต้องเกี่ยวข้องกันกับควา
3.เป็นความจริงที่ผู้บอกเล่
รู้เห็นเป็นจริงอยู่ดุจดั่ง
ซึ่งคนทั่วๆไปที่ไม่เกี่ยวข
ต่อให้มีปัญญาญาณฉลาดล้ำลึก
ก็จะมิอาจเรียนรู้ มิอาจหยั่งรู้เองได้
จักต้องมี "ครูจำเพาะตน" เมตตาให้เท่านั้น
เราขอกล่าวความจริงว่า
สัจธรรมระดับอนุตรธรรมนี่แห
เป็นความจริงที่มนุษย์โลกไม
เป็นความจริงที่มิอาจคิดด้ว
เป็นความจริงที่บรรดานักวิช
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร
จะพากันแอนตี้ต่อต้านหรือไม
เพราะใช้สมองซีกซ้ายของตนเป
ด้วยเหตุนี้เอง
องค์เยซูคริสต์เจ้าในกาลอดี
เมื่อทรงกล่าวสัจธรรมระดับอ
ก็จะทรงอาศัยความเชื่อมั่นแ
ที่พี่ๆน้องๆชาวโลกเสรีทั้ง
พึงน้อมถวายต่อองค์พระผู้เป
พึงมอบให้พระองค์ผู้ทรงกล่า
เป็นปัจจัยสำคัญเสมอ
เนื่องจากพระองค์ทรงรู้แจ้ง
อนุตรธรรมความจริงนั้น
มนุษย์โลกทั้งหลายจะมิอาจเข
ด้วยปัญญาของสมองทั้งสองซีก
จักต้องเชื่อในพระเจ้าซึ่งเ
จักต้องเชื่อในพระองค์ซึ่งเ
ผู้เข้ามากล่าวพระโอวาทแทนเ
พี่น้องที่รักทั้งหลาย
ถ้ามันเป็นความจริงอันแสนพิ
ความจริงในระดับสูงสุดอนุตร
ซึ่งมีเพียงแต่พระผู้เป็นเจ
มันคืออะไรบ้างหนอ....
เราขอยกบางตัวอย่างมากล่าวต
ไว้ในที่นี้บ้าง ดังนี้
1.จิตวิญญาณของท่านเป็นใคร
2.ใครเป็นผู้ให้กำเนิดจิตวิ
3.จิตวิญญาณของท่านมาจากไหน
4.จิตวิญญาณท่านมาเกิดเป็นม
5.ใครอนุญาตให้จิตวิญญาณท่า
6.มาเกิดแล้วมีหน้าที่ต้องท
7.มนุษย์ โลกและจักรวาลสัมพันธ์กันยั
8.ทำไมจิตวิญญาณมนุษย์ต้องน
หากท่านพิจารณาทั้ง 8 คำถามแล้ว
ท่านจะทราบด้วยตนเองทันทีว่
จะต้องมีครูคนพิเศษเท่านั้น
ที่จะสามารถช่วยตอบคำถาม
ที่จะสามารถเล่าความจริงต่อ
นี่ไง...
จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่า
ทำไมพระศาสดาจึงต้องขันอาสา
ลงมาช่วยเหลือมนุษย์ผู้ไม่ร
ด้วยการเข้ามาทำหน้าที่กล่า
ในพระนามแห่งพระบิดาให้ท่าน
นอกจากนั้น
ในปลายยุคพลังงานเก่านี้
ความจริงเรื่องโลกกับมนุษย์
ด้วยภัยพิบัติที่รุนแรงขนาด
รุนแรงขนาดผู้คนต้องล้มตายจ
ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับดา
ความจริงที่โลกและมนุษย์
จักต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแ
เป็นความจริงที่มนุษย์บางพว
จักต้องทำตัวเป็นปลาที่ถูกค
แม้จะยังหายใจด้วยปอด
แต่ก็มีชีวิตรอดปลอดภัยอยู่
เป็นความจริงที่โลกและมนุษย
จักต้องทำตัวเป็นแกะ
ซึ่งจำเสียงเพรียกจากเจ้าขอ
แล้วรีบแจ้นกลับมาเข้าคอกได
ที่สำคัญคือ ยังมีความจริงอยู่อีกว่า
ขณะนี้สิ้นยุคพลังงานเก่า
เพราะครบจำนวนเวลา 6 หมื่นปี
ท่านจึงหมดเวลาวาระการทำหน้
ตามพันธะสัญญา 6 ที่ให้ไว้ต่อพระบิดาแล้ว
ท่านต้องรีบนำพาจิตวิญญาณกล
ในสภาวะนิพพานก่อนวันสิ้นยุ
นี่ก็เป็นความจริงในระดับ "อนุตรธรรม"
ที่ท่านทั้งหลายทั่วทั้งโลก
ยังไม่รู้ว่าตนเองยังไม่รู้
ยังไม่รู้ว่าทำไมจะต้องรู้
ยังไม่รู้ว่าตนกับโลกจะต้อง
นี่ไงล่ะ....
เป็นเหตุให้เราต้องกลับมาอี
มาเพื่อช่วยภารกิจพระบิดา
ในการพิพากษาโลก
เพื่อเปลี่ยนโลกไปสู่ยุคพลั
ยุคแห่งความศิวิไลซ์แห่งจิต
และโลกใหม่ที่มีฟ้าใหม่ในพิ
บนสนามพลังงานที่สมดุลมากขึ
มาเพื่อช่วยคัดปลาขึ้นจากน้
มาเพื่อร้องเรียกแกะหลงฝูงก
มาเพื่อพาเจ้าสาวเข้าสู่ประ
ปลาทุกตัวที่ไม่เอาไหน
แกะตัวใดที่ไม่เอาถ่าน
เจ้าสาวตนใดที่เกียจคร้าน
คงได้แต่หลับไหลถือตะเกียงท
ล้วนจะได้รับการพิพากษาจากต
ช่างเท็คนิกของพระบิดา
จะช่วยกันทำเครื่องหมาย
กากะบาทบนหน้าผากให้
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
9-10-2017
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"
จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น