วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ธรรมวิถีจิตจักรวาล - การดับการเกิดดับ








ธรรมวิถีจิตจักรวาล
*******************
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านปรารถนานิพพานแท้จริง
ท่านก็จะต้องรู้เอาไว้ว่า
การดับการเกิดดับ (นิพพาน) ของกิเลสตัณหานี่แหละ
คือ ภารกิจแรกของจิตหยาบ
ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านต้องการ

หน้าที่ของท่านจึงต้องเรียนรู้ให้เข้าใจ
แล้วต้องปฏิบัติให้ได้ด้วยว่า
ท่านจะดับการเกิดดับของกิเลสตัณหาอย่างสิ้นเชิง
ที่จิตหยาบของท่านคุ้นชินกับมันอยู่ได้อย่างไร

คำตอบ คือ ท่านจะต้องฝึกฝนตนเองให้
มีกลไกอายตนะทั้งหมดที่ใช้การได้ดี
โดยไม่ทำตนเป็นคนหูหนาตาเซ่อ
แต่ต้องทำให้มันมีอยู่โดยเสมือนว่าไม่มีให้จงได้
ซึ่งท่านจะทำได้ก็ต่อเมื่อ
สัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งใดแล้วต้องไม่มีการ "รับเอา" เกิดขึ้น

การรับเอาเมื่อจิตหยาบรับรู้นั้น
มันเกิดจากการปรุงแต่งของจิต
ไปตามจริตหรือสันดานของจิตในแต่ละคนนั่นเอง

ถ้าท่านเห็นสิ่งใดแล้ว
แทนที่จะเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไรในสิ่งที่เห็นนั่น
แต่กลับสั่นไหวให้เกิดเป็นอารมณ์รู้สึกขึ้นมาแทน

นี่แหละ...
ตัวตนหรืออัตตาของสิ่งที่เห็นนั้น
มันจะเกิดขึ้นฉับพลันก็ตรงนี้เอง
เมื่ออัตตาเกิดแล้ว
จิตท่านก็จะเข้ายึดเกาะอัตตาที่จิตสร้างเองนี้ไว้
ด้วยการสั่นสะเทือนเป็นความอยากไม่อยากต่อไป
ประสบการณ์การรับรู้ด้วยอายตนะตัวอื่น
ที่ผิดพลาดล้มเหลวก็ล้วนเป็นแบบนี้ทั้งสิ้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-10-2015

ธรรมวิถีจิตจักรวาล - เส้นทางสายวิมุตติ์





ธรรมวิถีจิตจักรวาล
*******************
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลาย
ผู้เลือกเส้นทางสายวิมุตติ์
ในบทบาทของ "นักสู้เพื่อการรู้แจ้ง"
ด้วยบริบทของฆราวาสหรือผู้ครองเรือนว่า

ความพยายามที่จะเข้าถึง
คุณสมบัติแห่งสุญญตาของจิตนั้น
ท่านจักควรต้องทำให้ได้ในชีวิตประจำวัน
ด้วยการไม่เลือกที่จะ "ไปสวรรค์คนเดียว"

การปิดกั้นทวารที่เป็นอายตนะภายนอกทั้งห้าเอาไว้
จนเหลือแต่จิตเพียงอย่างเดียวนั้น
มันมิใช่วิถีที่ถูกต้องตามครรลองธรรมชาติเลย

วิธีการปิดกั้นสองตาของท่านไว้
ก็ไม่ต่างจากการทำให้ตาเสีย
ทั้งๆที่ต้องใช้ตาเพื่อแสวงหาองค์ความรู้ที่มีอยู่รอบตัว

วิธีการปิดกั้นสองหูของท่านไว้
ก็ไม่ต่างจากการทำให้หูเสียหรือหูหนวก
ทั้งๆที่ท่านยังต้องใช้หูเพื่อการเรียนรู้ผู้อื่น

วิธีการปิดกั้นสองรูจมูกของท่านไว้
ก็ไม่ต่างจากการทำให้จมูกเสีย
ทั้งๆที่ท่านยังต้องใช้จมูก
เป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งเพื่อการเรียนรู้สรรพสิ่ง

วิธีการปิดกั้นปากของท่านไว้
ก็ไม่ต่างจากการทำให้ตนเองเป็นใบ้
ทั้งๆที่ต้องใช้ปากเพื่อสื่อสารสัมพันธ์กับคนอื่นๆ

วิธีการปิดกั้นตนเองเอาไว้ไม่ยอมสุงสิงกับใคร
ด้วยการเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียวตามลำพัง
ก็ไม่ต่างจากการทำให้ตนเองโดดเดี่ยวจากสังคม
ทั้งๆที่มนุษย์ถูกกำหนดให้เป็นสัตว์สังคม

เราจึงกล่าวต่อนักสู้ผู้เป็นฆราวาสเสมอมาว่า
ท่านจะสามารถดำเนินไปบนเส้นทางสายวิมุตติ์
ขณะที่ท่านยังมีครอบครัวและมีสังคมได้
เพราะการใช้ชีวิตในสังคมและการทำงาน
มันก็คือการปฏิบัติธรรมเช่นกัน

จะโดดเดี่ยวตนเองไปทำไม
ท่านจะทิ้งสังคมครอบครัวไปได้ก็แค่บางเวลา
สู้ท่านเลือกเผชิญหน้ากับทุกคน
ทุกสถานการณ์ในระหว่างวัน
ด้วย "มหาสติ"
และยึดปณิธานแห่งนิพพานไว้ให้มั่นคง
จงฝึกการรับรู้แล้วไม่รับเอาให้เชี่ยวชาญไว้
โดยไม่ต้องทิ้งสังคมไปหลบหลับอยู่คนเดียว

เคาะจิตปัญญาของตนเองสิ
แล้วท่านจะประสบผลสำเร็จในเร็ววัน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-10-2015

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ธรรมวิถีจิตจักรวาล ความแตกต่างกัน ระหว่าง "จิตสงบ" กับ "จิตว่าง"




ธรรมวิถีจิตจักรวาล
*******************
เหตุผลของความแตกต่างกัน
ระหว่าง "จิตสงบ" กับ "จิตว่าง" ก็คือ

จิตสงบ เป็นอาการของจิต
ที่ถูกกำกับควบคุมไว้มิให้สั่นไหวไปตามสิ่งเร้า
ทั้งภายนอกภายในชั่วขณะใดขณะหนึ่ง
ซึ่งท่านจะเกิดอาการเช่นว่านี้ได้
ในขณะที่กำลังปฏิบัติสมถะกรรมฐานอยู่

แต่ "จิตว่าง" เป็น "คุณสมบัติ" ของจิตหยาบ
อันเกิดจากทักษะในการใช้กลไกอายตนะ
เพื่อการสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งใดๆแล้ว
สามารถนำเอาสิ่งนั้นมาสร้างกระบวนการเรียนรู้
ให้เกิดองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์อย่างหลากหลายได้
โดยไม่ตกเป็นทาสของสิ่งที่ตนสัมผัสรู้ดูเห็นนั้น
จนก่อให้เกิดกิเลสตัณหาหรืออุปาทานขึ้นมาแทน

คุณสมบัติของ "จิตว่าง" จึงหมายถึง
การที่จิตรับรู้สิ่งใดๆผ่านทางอายตนะแล้ว
ไม่มีการ "รับเอา" มาปรุงแต่ง
จนทำให้จิตเสียสมดุลไปจากความสงบ
นอกจากรับรู้เพื่อเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเท่านั้น

มันจึงยังผลให้เสมือนหนึ่งว่า
ตัวท่านนั้นมีตาก็เหมือนไม่มี
มีหูก็เหมือนไม่มี
มีปากมีลิ้นก็เหมือนไม่มี
มีจมูกก็เหมือนไม่มี
มีกายสัมผัสก็เหมือนไม่มี
ดั่งนี้เอง....

นี่จึงเป็นคุณสมบัติของจิต
ที่เป็น "สุญญตา" ขนานแท้แน่นอน
อันเป็นคุณสมบัติหนึ่งของจิตนิพพาน
ซึ่งมันต่างจากการนั่งหลับตาทำสมาธิกรรมฐาน
แล้วกำหนดจิตให้มันอยู่ในอาการนิ่งสงบนานๆ
เพราะมันไม่อาจยกระดับ
จนเข้าถึง "ความว่าง" ที่แท้จริงได้นั่นเอง

สภาวะนิพพานของจิตที่จะหลุดพ้นได้นั้น
เพียงแค่นั่งหลับตาอยู่เป็นอาจิณทั้งวี่วัน
จนดื่มด่ำอยู่กับความสงบวิเวกได้
มันก็หาใช่คุณสมบัติของจิตนิพพานแต่อย่างใด

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-10-2015

ธรรมวิถีจิตจักรวาล - ความสงบของจิต



ธรรมวิถีจิตจักรวาล
*******************
การปฏิบัติกรรมฐานสมาธิขั้นต้น
คือ สมถะกรรมฐานนั้น
เป็นเพียงการฝึกควบคุมจิตตนเองให้สงบ
ด้วยการกำกับมันให้อยู่ในโอวาทเท่านั้นเอง
เมื่อจิตสงบได้ พลังอำนาจของจิตก็จะบังเกิด
เมื่อจิตมีพลังอำนาจเกิดขึ้นมาได้แล้ว
ท่านก็จะนำมันไปสร้างแรงสั่นสะเทือนที่สมอง
เพื่อก่อให้เกิดพลังอำนาจทางปัญญาต่อไป

ดังนั้น
ความสงบของจิต
อันเกิดจากกรรมฐานสมาธิดังกล่าวนี้
จึงเป็นเพียงความสงบ
ซึ่งบังเกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้นเอง

คนที่เข้าใจว่าสภาวะจิตสงบเพียงชั่วคราวนี้
เป็น "ความว่าง" หรือ เป็นอาการของจิตที่เป็นสุญญตา
อันเป็นการเข้าถึง "จิตนิพพาน" ได้แล้วนั้น
ก็นับว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่ง
เพราะอาการ "จิตสงบ" กับ "จิตว่าง" มันต่างกัน

เอเมน สา่ธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-10-2015

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ออกพรรษา หาอะไร




**ออกพรรษา หาอะไร ให้ชีวิต
สิ่งเสพติด ยาเหล้า เข้าบาร์บ่อน
หรืออิ่มหนำ ค่ำเช้า เอาแต่นอน
พรรษาสอน อะไรไว้ จงใฝ่ทำ

ที่เคยผิด คิดร้าย จงถ่ายโทษ
ที่เคยโหด อำมะหิต อย่าผิดซ้ำ
ที่เคยพลาด ขาดสติ จงริจำ
จึงขอย้ำ.... "ออกพรรษา หาอะไร?"

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-10-2015

ปีศาจคาบคัมภีร์




โอ้...ว่า...อนิจจายาจิต
ดวงชีวิต ดับดิ้น เพราะดินไหว
เจ้าเคราะห์ร้าย โอหนอ เป็นเพราะใคร
ก็ผู้ใหญ่ ใจร้าย กระหายสงคราม

อวดกันหนา ว่าตนนี้ มีพระเจ้า
กลับทำเขลา ฆ่ากันเอง ไม่เกรงขาม
แผ่นดินเดือด คนคด จนหมดงาม
เหมือนหมิ่นหยาม ศาสนา ดั่งซาตาน

รบกันเอง ฆ่ากันเอง ไม่เกรงฟ้า
จนประชา สิ้นชาติ ขาดอาหาร
รักไม่ได้ ให้ไม่เป็น ไม่เว้นวาร
แคว้นของท่าน จึงต้องล่ม จมแผ่นดิน

เอเมน
ป.วิสุทธิปัญญา
27-10-2015

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ประโยชน์ ผู้ที่ทานพืชผัก ผลไม้ และถั่วทุกชนิด




ผู้ที่ทานพืชผัก ผลไม้ ถั่วทุกชนิด
เมล็ดธัญพืชต่างๆ จะเกิดประโยชน์ดังนี้

1.จะช่วยลดผลกรรมชั่วๆของมนุษย์โลกโดยรวมลงได้ทันที
จะช่วยให้โลกไม่เสียสมดุลทางพลังงานมากเกินไป

2.จะช่วยให้ตนเองมีสุขภาพพลานามัยดีขึ้นทันที
เพราะไม่ได้กินสารพิษ Adrenaline ที่สัตว์นั้นหลั่งออกมา
เมื่อเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน โกรธแค้น และกลัวตาย
ขณะกำลังถูกฆ่า.....

เธอจะไม่ป่วยด้วยโรคโลหิตเป็นพิษ
เลือดเธอจะไม่เข้มข้นผิดมนุษย์.....
เพราะมนุษย์หรือแม้แต่สัตว์นั้นแต่เดิม
พระบิดาทรงกำหนดให้มีความเข้มข้นของเลือดเสมือนกัน
ทุกคนทุกเพศวัย นั่นคือ มีเลือดกรุ้ปโอนั่นเอง
ทั้งคนทุกคน และสัตว์ จึงสามารถถ่ายเทโลหิตให้กันและกันได้

ยุคนี้พวกเธอมีเลือดหลายกรุ้ปแล้ว
แถมยังมีเลือดเนกาตีฟเป็นสับกรุ้ปอีกด้วย
เพราะกินเลือดเนื้อของสัตว์มากนี่แหละ
เลือดจึงมีความเข้มข้นผิดปกติ
รหัสพันธุกรรมหรือ ดีเอ็นเอ ในเผ่าพันธุ์มนุษย์
จึงผิดเพี้ยนผ่าเหล่าออกไปเสียไกลจากต้นพันธุ์เดิม

3.เธอจะรู้สำนึกในผิดชอบดีชั่วได้ง่ายกว่าคนกินเลือดเนื้อสัตว์หลายเท่า
ที่เธอฉลาดกว่าก็เพราะว่า จิตของเธอจะเชื่อมต่อกับกลไกการใช้ปัญญา
ของสมองได้ดีกว่าคนกินเลือดเนื้อของสัตว์นั่นเอง

เอเมน....สาธุ....

ป.วิสุทธิปัญญา
17-08-2014