วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560

สะพานทอดจากภูกระต่ายข้ามไปสุญตา


#สะพานทอดจากภูกระต่ายข้ามไปสุญตา

ขอนำรัก ถักสาน สะพานเมฆ
ตั้งจิตเสก โอกาส ใครยาตรผ่าน
"ภูกระต่าย" ตั้งต้น บนสะพาน
ปลายอีกด้าน ถึงสวรรค์ นิรันดร

จิตจักรวาล สถานธรรม นำสัมฤทธิ์
ยุวจิต จักรวาล ใฝ่การสอน
ไซโคโชว์ เชิญธรรม นำสัญจร
สิ้นทุกข์ร้อน เพลินใจ ใกล้นิพพาน

สะพานนี้ มีนิพพาน เป็นมั่นหมาย
รักเรียงราย ร้อยจิต ผู้คิดผ่าน
สู่ปลายทาง ชื่นชิด "จิตจักรวาล"
คืนสู่บ้าน สุญตา ในบัดดล

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-09-2017

สนทนาประสาจิตจักรวาล-ความฉลาดทางปัญญา




#สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

มนุษย์ส่วนใหญ่
ชอบโทษผู้อื่นที่ทำร้ายตน
แต่ไม่เคยโทษตนเอง
ที่เป็นเหตุให้เขาทำร้ายเลย

มนุษย์ส่วนใหญ่
ไม่ยอมเรียนรู้ว่าทำไมเขาจึงทำร้ายตน
ไม่ยอมเรียนรู้ว่าเขาทำร้ายตนได้อย่างไร
เพื่อจะได้รู้วิธีป้องกันตนเองไว้
มิให้ถูกทำร้ายอีกในครั้งต่อๆไป

แต่กลับเสียเวลาให้กับการก่อกรรมใหม่
ด้วยการคิดหาหนทางทำร้ายเขากลับคืน
ซึ่งเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ร้าย
แทนการใช้ความรักกับปัญญา
จัดการปัญหาระหว่างกันและกั
เพื่อรักษาสัมพันธ์ระหว่างกันเอาไว้

จึงทำให้ความเลวของทั้งสองฝ่าย
ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
ทั้งยังไม่ทำให้ใครฉลาดขึ้นมาได้
เพราะการเรียนรู้กันเลยสักนิดเดียว

จิตมนุษย์จึงไม่ใสใจมิอาจสวยขึ้นมาได้
เพราะต่างคนต่างฝ่ายขาดมหาสติ
จิตใจจึงถูกไฟโทสะเผาสุมรุมเร้า
จึงคิดแต่จะหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
คิดนึกอย่างอื่นไม่เป็นเห็นธรรมไม่ได้
แม้จะปฏิบัติบำเพ็ญธรรมมานา
ก็นำพาจิตวิญญาณไปถึงแดนสุญตามิได้

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เมื่อท่านจะออกจากบ้านไปทำธุระข้างนอก
ถ้ารู้ว่าฝนจะตกท่านยังรู้จักพกพาร่มไปด้วย
เพราะท่านไม่ต้องการเปียกฝนใช่หรือไม่
แต่ถ้าท่านไม่ต้องการเปียกฝ
ท่านก็คงจะต้องเก็บตัวอยู่กับบ้าน
ส่วนเรื่องธุระนั้นก็เก็บเอาไว้ก่อน

มันจึงไม่ต่างจากการออกไปใช้ชีวิตในสังคม
ซึ่งมีผู้คนทั้งดีและร้ายปะปนกันอยู่มากมาย
เมื่ออยู่ในสังคมย่อมพบเจอทั้งคนดีที่เราชอบ
และต้องพบเจอคนไม่ดีที่เราไม่ชอบด้วย

ดังนั้น
เมื่ออยู่ในสังคมท่านจึงต้องมีสติระวังตน
เพราะท่านรู้ดีว่าต้องพบเจอคนชั่วแน่ๆ
ไม่ต่างจากการถือร่มไว้กันฝ
เมื่อท่านต้องออกนอกบ้าน
เพราะท่านรู้ดีว่าฝนจะต้องตกแน่ๆ

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
เมื่อท่านมีปัญหากับใครหรือสิ่งใดก็ตาม
มันมีสองทางเลือกให้ท่านทำ
หนึ่ง เลือกทำที่ตัวเอง
เพื่อให้ปัญหานั้นลุล่วง

สอง เลือกทำที่คนอื่นสิ่งอื่น
เพื่อให้ปัญหานั้นลุล่วง

ตรึกตรองเถิดว่า
ถ้าทุกปัญหาจะสิ้นสุดยุติได
ควรจะจัดการแก้ไขที่ใครง่ายกว่ากัน
ระหว่างตัวท่านเองกับคนอื่น

ด้วยเหตุนี้เอง
ท่านจึงเลือกจัดการที่ตนเอง
ด้วยการพกพาร่มออกจากบ้านไปด้วย
แทนที่จะไปจัดการห้ามฝนมิให้ตก
เพราะท่านรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้

มันจึงไม่ต่างอะไรกันกับการใช้ชีวิตในสังคม
ที่ท่านจักต้องจัดการแก้ไขป้องกันที่ตนเอง
โดยครองสติเอาไว้ให้มั่นคงตลอดเวลา
เมื่อได้เผชิญหน้ากันกับคนชั่ว
ก็จักไม่พลาดท่าเสียทีถูกทำร้ายง่ายนัก
ซึ่งท่านไม่เลือกใช้วิธีไปเที่ยวบังคับคนชั่ว
มิให้มายั่วยุทำร้ายท่าน
เพราะมันมิใช่เรื่องง่ายดายเลย

ดังนั้น
เมื่อใดที่ท่านตกเป็นฝ่ายถูกก้าวล่วงทำร้าย
ท่านจึงไม่ควรติโทษคนอื่นอยู่ฝ่ายเดียว
เพราะตัวท่านเองซึ่งมีหน้าที่ปกป้องระวังตน
ก็บกพร่องจนเปิดช่องให้เขาทำร้ายเอาได้

หากท่านยอมรับสัจธรรมความจริงนี้ได้
จิตใจของท่านก็จักใสสวยสงบเย็นทันที
ความอาฆาตพยาบาทก็จะไม่บังเกิด
ให้ต้องเสียเวลาทำใจเพื่อให้อภัยในภายหลัง
ซึ่งแค้นฝังใจมันมิอาจถอนแค้นกันได้ง่ายนัก

มนุษย์ส่วนใหญ่พยายามแก้ไขปัญหา
ด้วยการพยายามจะจัดการที่คนอื่นตลอดมา
แต่ทั้งชีวิตก็ยังเต็มไปด้วยปัญหา
เพราะว่าไม่เคยจัดการใครได้สำเร็จเลยสักราย

มนุษย์ส่วนใหญ่เหล่านี้
จึงต้องเลือกใช้วิธีบำเพ็ญธรรม
ด้วยการนำพาตนเองขึ้นเขาเข้าป่า
เพื่อแสวงหาวิธีดับทุกข์แบบแปลกๆ

วิธีที่มักนิยมใช้เป็นเครื่องมือดับทุกข์กัน
คือการฝึกเท็คนิกสมาธิแบบ "ไม้ทับหญ้า"
ด้วยการใช้จิตข่มจิตเอาไว้มิให้พลุ่งพล่าน
เพื่อสัมผัสถึงอาการเบาสบายเมื่อจิตสงบ
ซึ่งเป็นการพบความสุขสงบแค่ชั่วคราว

เมื่อออกจากสมาธิไปใช้ชีวิตปกติในสังคม
แรงอาฆาตพยาบาทก็ยังคงอยู่
นิสัยการดำเนินชีวิตแบบเข้าข้างตัวก็ยังอยู่
เพราะมัวแต่ไปนั่งสมาธิอย่างคร่ำเคร่ง
แต่ยังมิได้จัดการแก้ไขที่จิตใจตนเองเลย
พอมีคนชั่วคนใหม่มายั่วยุยียวนกวนใจอีก
พลันก็ปรี๊ดแตก! สติแตก! อยู่ซ้ำซาก
เนื่องจากแก้ปัญหาไม่ถูกจุด

เพราะหนทางดับทุกข์ใจจากไฟพยาบาทนั้น
แท้จริงแล้วต้องหยิบปัญญามาดับมัน
มิใช่เอาอะไรมากลบๆไฟนั้นไว
เพราะเชื้อไฟนั้นมันยังอยู่
มันพร้อมจะลุกพรึบขึ้นมาใหม่ได้เสมอ
หากถูกยั่วยุยียวนเหมือนถูกราดด้วยน้ำมัน

มรรควิถีจิตจักรวาล
จึงเน้นให้ท่านปฏิบัติธรรมชาติสมาธิ
ด้วยการครองมหาสติในชีวิตประจำวัน
และช่วยติดอาวุธทางปัญญาให้ท่าน
เพื่อสามารถหยิบปัญญามาดับทุกข์ได้
เพราะเรามั่นใจว่า
ความฉลาดทางปัญญาเท่านั้น
ที่จะช่วยท่านดับการเกิดดับได้อย่างสิ้นเชิง

ลองเปลี่ยนแปลงวิธีคิด 
ลดละทิฐิของท่านลงเสียบ้าง
วิถีชีวิตของท่านทั้งหลายจะเปลี่ยนไป

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
30-09-2017

สนทนาประสาจิตจักรวาล บทบาทนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง





#สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

การเป็นฆราวาสผู้ครองเรือน
ในบทบาทนักสู้เพื่อการรู้แจ้งนั้น
หน้าที่หลักๆที่ต้องทำในชีวิตประจำวัน
#เพื่อการปฏิบัติบำเพ็ญธรรม
ให้เกิดความก้าวหน้าจนกว่าจะหลุดพ้นได้
มีคำแนะนำให้ท่านดังต่อไปนี

1.ท่านต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันกับใครก็ได้
ไม่ว่าใครคนนั้นจะมีนิสัยใจคออย่างไร
ท่านจะชอบหรือไม่ชอบนิสัยของเขา
ท่านก็ต้องรักษาสัมพันธ์อันดีนั้นไว้เท่าชีวิต

จงอย่าตัดสัมพันธ์กันกับใครง่ายๆ
จงอย่าทำลายความสัมพันธ์อันดีกับใคร

หมายความว่า
ในการเป็นมนุษย์ของพวกท่านนั้น
ความสัมพันธ์อันดีต่อกันนั้นเป็นเรื่องใหญ่

จงอย่ายอมให้อารมณ์รู้สึกนึกคิดต้องการ
รวมทั้งอุปนิสัยใจคอที่ต่างกันของพวกท่าน
สบั้นความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน

หากท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าเป็นผู้บรรลุธรรมข้อหนึ่ง
เพราะท่าน #หมุนธรรมจักร ได้แล้ว

2.ท่านต้องเลิกละการแสวงหาความสุข
อีกทั้งละเลิกการหนีทุกข์ทั้งปวงให้สิ้น

เพราะการมุ่งแสวงสุขและการหนีทุกข์นั้น
ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรท่านจะมิอาจพบ
นอกจากอยู่อย่างสงบโดยไม่หนีไม่หา
เพราะเหตุว่าทุกข์กับสุขมันอยู่ที่ใจท่าน
มันมิได้อยู่ที่คนอื่น สิ่งอื่น ที่อื่นไงล่ะ

#ท่านจะไม่สามารถบรรลุธรรมสูงสุดได้หรอก
#ถ้าท่านไม่เปล่งแสงธรรมออกมาจากข้างใน

พินิจดูดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์สิ
ความร้อน ความเย็น แสงสว่าง กับรังสี
ที่โดดเด่นเห็นสง่าก็เปล่งมาจากข้างใน

ดอกไม้น้อยใหญ่ซึ่งมีสีสันสดใสสวยงาม
ล้วนต้องบานเบ่งเปล่งสีออกมาจากข้างใน

แล้วใยความสุขที่ในจิตใจท่า
ยังต้องการ "นำเข้า" เอามาจากข้างนอก
ยังต้องให้สิ่งนอกคนนอกหยิบยื่นมาให้

รู้มั้ยว่า....มันอันตรายต่อจิตใจท่านมาก
เพราะสิ่งที่รับเข้าสู่ใจโดยมิได้คัดกรอง
ใช่ว่าจะถูกต้องตรงใจท่านไปเสียทั้งหมด

เขายื่นดีมาให้พอรับไว้ก็สุขใจโดยพลัน
เขายื่นร้ายมาให้พอรับไว้ก็ทุกข์ใจทันที
มันเหมือนตัวท่านไม่มีอำนาจในตนเองเลย

แล้วท่านจะเป็น #สรรพสิ่งหนึ่ง ในจักรวาล
ที่ต้องมีพลังอำนาจในตนเองได้อย่างไร
อีกทั้งท่านยังประพฤติผิดธรรมชาติอีกด้วย

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
เพียงแค่ท่านอยากจะมีความสุขก็ทุกข์แล้ว
เพียงแค่ท่านอยากจะหนีทุกข์ก็สิ้นสุขแล้ว

ทางเลือกของท่านมีทางเดียวเท่านั้น
คือต้องอยู่กับทุกข์และสุขนั้นให้ได้
โดยต้องไม่เกลียดกลัวความทุกข์
ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่กับความทุกข์
ไม่ละโมบมักมากในความสุข
ไม่ยินดียินร้ายในสุขและทุกข์

หากท่านทำสำเร็จ
ด้วยการไม่ติดสุขไม่ติดทุกข
ไม่จำต้องดิ้นรนที่จะหาหนทางพ้นทุกข์
ท่านจักได้ชื่อว่าเป็นผู้บรรลุธรรมอีกข้อหนึ่ง
เพราะท่านเข้าถึง #การดับทุกข์ ได้แล้ว

3.ไม่ว่าชีวิตประจำวันของท่าน
เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งใดเรื่องใดก็ตาม
จงทำตนกลมกลืนไปกับมันให้ได
โดยไม่ขัดข้อง ไม่ขัดขืน ไม่ขัดขวาง
โดยไม่ต่อสู้ ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อต้าน

จงฉลาดใช้ปัญญาหาทางออกจากปัญหา
อย่างแยบยลและสง่างามเถิด

จงฉลาดใช้ความรักแทนการใช้อารมณ์ขยะ
เข้าจัดการกับคนที่ทำตนไม่น่ารักต่อท่าน
โดยไม่มีการยกเว้นแม้เพียงหนึ่งคน
โดยไม่ต้องสนใจในรายละเอียดว่าใครถูกผิด

เพราะเรื่องผิดถูกนั้นมันเป็นแค่สิ่งสมมติ
แต่เรื่องความสัมพันธ์ต่อกันนั้นเป็นเรื่องจริง
เพราะเหตุว่าทุกสรรพสิ่งในจักรวาล
ต่างล้วนรัดรึงดึงดูดซึ่งกันและกันไว้
จึงอยู่ร่วมกันเป็นระบบเดียวกันได้
ที่ท่านทั้งหลายเรียกว่า #เอกภพ นั่นแหละ

ถ้าท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าบรรลุธรรมอีกข้อหนึ่ง
เพราะท่านเข้าถึง #อำนาจในตนเอง ได้แล้ว
นั่นคือ "ความรัก" กับ "ความเฉลียวฉลาด"
เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าท่านเป็นมนุษย์

4.ท่านจะต้องไม่ก้าวก่าย "หน้าที่" ของผู้อื่น
ท่านต้องไม่หยิบยื่นเงื่อนไขร้ายๆให้ใคร
ทั้งคำพูดจาและการแสดงออกทั้งหลาย
จักต้องสงบ สำรวม และมีมหาสติไว้ตลอด

จะได้ไม่ทำตนเป็นเงื่อนไขร้ายๆให้ใคร
ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
ท่านจะได้ไม่ชักชวนใครให้ไปนรก
เพราะต้องอกตรมขมขื่นจากท่านเป็นเหตุ

ถ้าท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าบรรลุธรรมอีกข้อหนึ่ง
เพราะท่านเข้าถึง #สันติสุข ได้แล้ว

5.ท่านจักต้องเรียนรู้ให้ได้ว่า
จะหยิบปัญญามานิพพานบางสิ่ง
ที่เกิดขึ้นอยู่ภายในจิตใจท่านได้อย่างไร
เป็นต้นว่า

1) ดับการเกิดดับของกิเลสตัณหา
2) ดับการเกิดดับของราคะจริต
3) ดับการเกิดดับของอารมณ์ขยะ
4) ดับการเกิดดับของทุกข์และสุ
5) ดับการเกิดดับของนิวรณ์

ท่านมีแนวคิดแนวทางดับอาการทั้ง 5 นี้
ที่มันคอยจะผุดโผล่ขึ้นมาในจิตใจท่าน
ในช่วงเวลาระหว่างวันได้อย่างไร
ที่มันจะค่อยๆเลือนลับดับหา
โดยมันทั้งห้าไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลยชั่วชีวิต

ถ้าท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าบรรลุธรรมอีกข้อหนึ่ง
เมื่อท่านเข้าถึงซึ่ง #การพ้นทุกข์ ได้แล้ว

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เพียงท่านปฏิบัติบำเพ็ญทั้ง 5 ข้อใหญ่
ที่เราสาธยายไว้ตั้งแต่ต้นนี้
ให้เรียบร้อยสมบูรณ์พูนผลในระหว่างวัน

โดยไม่ต้องหนีทุกข์ไปเข้าป่
โดยไม่ต้องหนีปัญหาไปเข้าดงพงไพร
โดยมิต้องนั่งหลับตาภาวนาใด
คงใช้ชีวิตไปตามปกติอยู่กับคนรอบข้าง
แสงสว่างก็จะบังเกิดขึ้นในจิตตปัญญา
ท่านก็สะกดคำว่า #นิพพาน เป็นแล้วล่ะ

     
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-09-2017