วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

วัถุประสงต์ของชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลก





1. ส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกคนเข้าใจและเข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระศาสดา แห่งศาสนาที่แต่ละคนนับถืออยู่นั้น โดยไม่เชิญชวนให้ท่านเปลี่ยนศาสนาโดยเด็ดขาด
 2. เราถือว่าศาสนาทุกศาสนาล้วนยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่อยู่แล้ว พวกเราจึงไม่ได้มีความคิดที่จะตั้งศาสนาใหม่หรือลัทธิใหม่ใดๆ ทั้งสิ้น
 3. เรา เชื่อว่าศาสนาทุกศาสนาล้วนเป็นสากล เพราะพระธรรมคำสอนของพระศาสดาทุกพระองค์ล้วนสอนมนุษย์ให้เป็นคนดี มีความรักต่อกัน สอนให้รู้จักใช้เหตุผล สอนให้ไม่โง่และงมงาย และสอนไม่ให้ก้าวล่วงผู้อื่น (มีศีล) เหมือนกันเลย แต่ที่เราต้องเรียนรู้คำสอนรวมกันทั้งสามศาสนา เพราะพวกเราบางคนนับถือคนละศาสนากัน จึงได้นำเอาพระธรรมของแต่ละศาสดามาเติมเต็ม หรือบูรณาการให้เข้าใจกันลึกซึ้งยิ่งขึ้นนั่นเอง เราจึงจำเป็นต้องใช้คำศัพท์เฉพาะที่พระศาสดาพระองค์นั้นๆ ทรงตรัสไว้ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระศาสดาพระองค์นั้นๆเป็นสำคัญด้วย มิได้มีเจตนาจะเอามาต้มยำทำแกง ตะแบงคำ อย่างที่บางคนร้อนตัวร้อนใจแต่อย่างใด และการที่เราไม่คิดบัญญัติคำใหม่ขึ้นมาแทนคำนั้นๆ ก็เพราะต้องการยืนยันว่า เรามิได้ต้องการสร้างลัทธิใหม่หรือตั้งศาสนาใหม่ หรือต้องการทำลายศาสนาดีๆ ที่มีอยู่อย่างที่บางคนคิดแต่อย่างใดทั้งสิ้น (เรื่องนี้สมาชิกของเราทุกคน ยืนยันได้ว่าจริงอย่างที่เรากล่าวมาใช่มั้ย?) หากใครจะสร้างลัทธิใหม่ศาสนาใหม่จริงๆแล้วยังดันไปลอกเลียนคำศัพท์คำสอนของ พระศาสดาพระองค์อื่นๆ นั้น แค่คิดก็น่าอายแล้ว และคงไม่มีใครโง่ไปเชื่อตามแน่ๆ เพราะทุกท่านล้วนมีภูมิปัญญาทั้งนั้น
 4. สิ่ง สุดท้ายที่อยากกราบเรียนท่านผู้เจริญทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ก็คือ พระผู้ทรงเป็นองค์ความรู้ของเรา คือ องค์จิตจักรวาลนั้น พวกเราเรียกพระองค์ท่านว่า พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งมิได้เกี่ยวข้องกับลัทธิไหนศาสนาใดทั้งสิ้น พระองค์ทรงเป็นเพียงองค์ความรู้ของพวกเรา ที่ช่วยเมตตาสื่อสอนให้พวกเราได้รู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ และทรงสอนให้พวกเราได้คิด คิดได้ และคิดเป็น เพื่อทำความเข้าใจในข้อธรรมะของพระศาสดาแต่ละพระองค์ให้กระจ่างมากขึ้นแทน ที่จะงมงาย และยึดติดอยู่กับสัญลักษณ์หรือพิธีกรรม โดยที่พระองค์มิใช่ศาสดาใหม่ของโลกที่จะมาทำลายศาสนาไหนๆ ทั้งสิ้น เพราะพระองค์ทรงเป็นที่สุดแห่งที่สุดอยู่แล้ว
 5. พวกเราทุกคนเชื่อว่า พระศาสดาพระองค์ต่อไปก็คือ พระศาสดาศากยมุณีศรีอริยเมตไตรย์ เท่านั้นครับ
 6. พวกเรายินดีต้อนรับศาสนิกชนคนประพฤติธรรมทุกคน ที่พร้อมจะยกระดับสติปัญญา พัฒนาจิตสำนึกร่วมกัน ไม่ว่าท่านจะรับถือศาสนาใดอยู่ก็ตาม เพื่อจะช่วยกันปฏิบัติตามปริศนาธรรมของพระพุทธองค์ที่ว่า "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก เราคือโลก โลกคือเรา" อย่างเป็นรูปธรรมกันจริงๆ เสียที แทนที่จะมีดีแต่ที่ปากเท่านั้น
 7. จง อย่าระแวงพวกเราเลยเพราะจะเกิดทุกข์ใจโดยเปล่าดาย ติดตามพฤติกรรมพวกเราไปเรื่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ท่านจะรู้จักเรามากขึ้น และอาจเป็นอีกคนหนึ่งที่สักวันท่านจะรักพวกเราเหมือนที่เรารักท่านอยู่เช่น กัน

HMDC : จัดฝึกอบรม เเละพัฒนาบุคลากร



HMDC : จัดฝึกอบรม เเละพัฒนาบุคลากร
มีคนถามเราว่า....
ถ้าพนักงานเป็นคนไม่ตรงต่อเวลา อืดอาด เฉื่อยชา
จะอบรมด้วยกระบวนการไซโคโชว์ ช่วยแก้ไขได้หรือไม่?
...........................................................................
คำตอบ คือ ได้แน่นอน!
แต่มีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง คือ เราจะต้องวิเคราะห์
ค้นหาสาเหตุแท้จริงที่พวกเขาไม่ตรงต่อเวลาให้พบ
ไซโคโชว์ จะแก้ไขตรงสาเหตุนั้นให้

ตัวอย่างเช่น:
สาเหตุที่พนักงานส่วนใหญ่ไม่ตรงเวลา มีประมาณนี้ คือ

1.ทำงานในหน้าที่เดิมมานานปีจึงเบื่องานที่ทำนั้น
2.รายได้ไม่เพิ่ม เงินเดือนไม่ขึ้น ไม่พอใจผลประโยชน์
3.อยากลาออกแต่ยังหางานใหม่ไม่ได้

4.มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานบางคน
5.ไม่พอใจหัวหน้างานหรือผู้บังคับบัญชา
6.งานที่ได้รับมอบหมายมากเกิน หรือยากเกิน

7.ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่
8.ผู้บังคับบัญชาหรือหัวหน้างานบกพร่อง ไม่ใส่ใจลูกน้อง
9.เอาอย่างเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่เหลวไหลให้เห็น

10.ทำดีหรือขยันแต่ไม่ได้ดี
11.ขาดกำลังใจในการทำงาน
12.มีปัญหาชีวิตส่วนตัวบางอย่างที่ยังแก้ไขไม่ได้

ถ้าผู้บริหาร หรือผู้รับผิดชอบงานฝึกอบรม
ตรวจสอบว่าสาเหตุของพนักงานแต่ละคน
ที่ไม่ตรงต่อเวลา ไม่กระตือรือร้นในการทำงาน
มีสาเหตุจาก 1 ใน 12 ข้อที่เรากล่าวมาข้างต้นนั้น

สถาบันฯก็จะดีไซน์หลักสูตร
สร้างโปรแกรมไซโคโชว์ขึ้นมารองรับ Training Needs นั้นๆ
ในรูปของกิจกรรมทางจิตวิทยาที่แยบยลต่อไป เช่น

ถ้าปัญหาเกิดจากความเบื่อหน่าย
ก็จะออกแบบหลักสูตรช่วย Refresh ให้

ถ้าเขาไม่รักบริษัท
ก็จะสร้างสำนึกแห่งการเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรให้
(Sense of belonging) ด้วยการกระตุ้นที่จิตสำนึกให้ เป็นต้น

อ.ปริญญา ตันสกุล

นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญพิเศษ
ด้านการปรับเปลี่ยนพฤตินิสัยของมนุษย์
ด้วยกระบวนการ Psycho-show
Tel.081-9349789, 089-1052727

อยู่กับทุกข์ก็สุขได้




เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ตราบใดที่ท่านยังปฏิเสธ
ในทุกสิ่งที่ท่านไม่ชอบ

ตราบใดที่ท่านยังปรารถนา
ในทุกสิ่งที่ท่านชอบ

ตราบนั้น
ท่านก็จักยังคงมีความทุกข์อยู่

ตราบนั้น
ท่านก็จักยังต้องดิ้นรนเพื่อการ "พ้นทุกข์" อยู่

ทั้งนี้....ไม่ว่าแก่นแท้ของท่าน
จะผ่านการมีภพชาติมาแล้วจนนับไม่ถ้วนก็ตาม

เพราะทุกสิ่งและเรื่องราวในชีวิตประจำวัน
ที่ท่านทั้งชอบและไม่ชอบ
มันล้วนเป็น "บททดสอบ"
ที่แก่นแท้ของท่านกับคนใกล้ตัว
ขีดเขียนกันขึ้นมาเองจากภพอดีตทั้งสิ้น

เพื่อเป็นบททดสอบ
จิตสำนึกแห่งการ "รักได้ ให้เป็น"

เพื่อเป็นบททดสอบ
จิตสำนึกแห่งการเป็นมนุษย์ผู้มีจิตใสใจสวย

เพื่อเป็นบททดสอบ
การยกระดับภูมิธรรมและภูมิปัญญา

เพื่อเป็นบททดสอบ
การยกระดับสภาวะจิตหยาบสู่จิตวิญญาณ

เพื่อเป็นบททดสอบ
การสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน

ดังนั้น....
เป็นอันแน่นอนว่า
บททดสอบหลากหลายในชีวิตท่าน
ทั้งอดีตที่ผันผ่านตราบกระทั่งปัจจุบัน คือ วันนี้นั้น
มันจึงมีผลต่อความชอบ-ไม่ชอบของท่านโดยตรง

เนื่องเพราะท่านยังมีชอบไม่ชอบอยู่
เนื่องเพราะท่านยังไม่รู้ว่า
มันเป็นแผนการที่ท่านรังสรรค์กันขึ้นมาเองใช่ใครอื่น

นักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย
จงรู้ว่าการสั่นสะเทือนทางจิตใจ
เป็นทุกข์เมื่อเผชิญกับสิ่งที่ไม่ชอบไม่พอใจ
เป็นสุขเมื่อเผชิญกับสิ่งที่ชอบที่พอใจ
มันมิใช่ "หน้าที่" อะไรของท่านเลย

แม้ท่านจะทุกข์ หรือท่านจะสุขแค่ไหน
ท่านก็มิมีอำนาจใดที่จะเปลี่ยนแปลงบททดสอบนั้นๆได้
ท่านยังจักต้องเผชิญกับมันอยู่ดี
หน้าที่หลักของท่านคือ
ต้องข้ามผ่านหรือฟันฝ่ามันไปอย่างไรดีต่างหากล่ะ

จงยอมรับความจริงของตนเองเสียให้ได้
แล้วใช้ควาย 7 ตัวที่เราเคยสื่อสอนไว้
จัดการกับทุกอุปสรรคหรือทุกปัญหานั้นๆอย่างเบิกบาน
ไม่เกลียด ไม่กลัว ไม่ทุกข์ ไม่สุข
โดยก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของท่านด้วย "มหาสติ"
ยึดปณิธานแห่งนิพพานเป็นสำคัญ
เมื่อแก้ปัญหาได้จบ
ท่านจักพบหนทางสว่างแจ้งได้ดังหมาย

เอเมน....สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
11-02-2015