พระศาสดาแบ่งเป็น 2 ประเภท

พระศาสดาแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

1.ผู้มาจุติเป็นมนุษย์
เพื่อกล่าวพระโอวาทต่อมวลมนุษย์
ในพระนามพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
หรือพระผู้เป็นเจ้า

2.ผู้นำทางจิตวิญญาณ
ที่มนุษย์โลกยอมรับและยอมปฏิบัติตาม
โดยพร้อมเอาเยี่ยงอย่างหรือก้าวตาม
เพื่อการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13-05-2017

ถือศีล แต่ยังกินเนื้อสัตว์

ตอบคำถาม: คุณบุญธรรม ทองคำ

Question:
เพื่อนชาวต่างชาติถามว่า
ชาวพุทธถือศีลไม่ฆ่าสัตว์
แต่ทำไมกินเนื้อสัตว์
จะอธิบายเขาว่าอย่างไรดีครับ

Answer:
1.ให้ตอบเขาไปว่า
เป็นความเข้าใจผิดของคนส่วนใหญ่
ที่ยังกินเลือดเนื้อของสัตว์อยู่
แม้แต่ผู้ทรงศีลเองด้วย

2.คนส่วนใหญ่รู้ดีว่าศีลข้อแรกคือ
ห้ามหรือให้งดเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
แต่ที่ยังคงกินเลือดเนื้อของสัตว์อยู่
เป็นเพราะพวกเขาเข้าใจกันเอาเองว่า
การกินเลือดเนื้อสัตว์ที่ตายแล้ว
โดยพวกเขามิได้เป็นผู้ฆ่าสัตว์เหล่านั้น
จึงมิได้เป็นการผิดบาปแต่อย่างใด

เพราะพวกเขาเข้าใจผิดว่า
ศีลห้ามมิให้ฆ่าสัตว์
แต่มิได้ห้ามพวกเขา
กินเลือดเนื้อของสัตว์นั่นเอง

3.เพราะคนส่วนใหญ่ลืมคิดไปว่า
ความผิดบาปใดๆในชีวิตที่เกิดขึ้นนั้น
มันมิได้เกิดจากการที่ตนเอง
เป็นผู้กระทำการ #ก้าวล่วง ผู้อื่น
ให้เกิดการเสียสมดุลไป
ทั้งทางร่างกายและจิตใจเท่านั้น

แต่การเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียสมดุล
ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
แม้ว่าตนจะมิได้เป็นผู้ลงมือกระทำเอง
ก็จัดว่าเป็นผู้ผิดบาปด้วยเช่นกัน

ดังนั้น
ทั้งผู้ฆ่าและผู้จ้างวานให้ฆ่า
ย่อมมีความผิดบาปด้วยกันทั้งคู่
เพราะถ้าไม่มีคนกินก็จะไม่มีคนฆ่า

เพราะถ้าไม่มีใครฆ่าสัตว์
คนก็ไม่มีเลือดเนื้อสัตว์ที่จะกิน

4.นอกจากนั้น
พระพุทธองค์ก็ยังมิได้เคยตรัสไว้ว่า
ทุกคนสามารถกินเลือดเนื้อของสัตว์ได้
มีแต่บัญญัติไว้ในศีลข้อแรกว่า #ห้ามฆ่า
แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเอง

ดังนั้น
การโมเมเข้าข้างตนเองว่า
ไม่ฆ่าเองแต่กินที่คนอื่นฆ่าแล้วได้

ยังจะเป็นการกล่าวอ้างอย่างมิบังควร
ต่อองค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกด้วย
เพราะพระองค์มิได้ทรงกล่าวอนุญาตไว้
เป็นความคิดเข้าใจที่ผิดโดยแท้

5.จงตอบเพื่อนต่างชาติเขาไปเถิดว่า
พระศาสดามิได้ทรงอนุญาตให้พวกท่าน
กินเนื้อสัตว์กันอย่างอร่อยลิ้นหรอก
ซึ่งเรามีเหตุผลมากมายที่จะกล่าวแย้ง
พวกบริโภคเนื้อสัตว์นิยมเหล่านี้

เช่นพวกเขาตีความเข้าข้างตนเองว่า
ถ้าพระศาสดามิห้ามว่าอย่ากิน
แสดงว่าพวกเขาต้องกินได้
นี่ทรงห้ามไว้เพียงว่า "อย่าฆ่า" เท่านั้น
พวกเขาจึงย่อมไม่ผิดบาปที่กินเนื้อสัตว์
เราจึงขอกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า
การเหมาเอาเช่นว่านี้
เป็นการผิดบาปอย่างไร้สติโดยแท้

นอกจากนั้น
ยังมีหลายคนเช่นกันที่มักกล่าวอ้างว่า
เขาสามารถจะกินเนื้อสัตว์ได้
เพราะว่าสัตว์เกิดมาเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์

คนจำพวกนี้จึงผิดบาปอย่างขาดสติเช่นกัน
เนื่องจากพวกเขา "คิดกันเอาเอง"
โดยไม่สามารถหาหลักฐานมาอ้างอิงได้เลยว่า
สัตว์ตัวไหนกันที่บอกพวกเขาไว้เช่นนั้นว่า
ทุกๆสัตว์ทุกๆตัวที่เกิดมา
เพื่อที่จะเป็นอาหารของมนุษย์

6.เพราะเห็นแก่กินและใจร้าย
หลายคนยังอ้างที่จะกินเนื้อสัตว์ไว้อีกว่า
มันเป็นกงกรรมกงเกวียนระหว่างคนกับสัตว์
ที่ต้องผลัดกันมาเกิดเพื่อฆ่ากินกัน

โดยอ้างว่าผู้ฆ่าย่อมต้องกลับมาถูกฆ่า
ผู้ที่กินเขาก็ต้องกลับมาเป็นฝ่ายถูกกินบ้าง
ทั้งๆที่แท้จริงนั้นเป็นความคิดอุตริอ้างเอง
มิใช่การอ้างอิงกฎแห่งกรรมที่ถูกต้องเลย
เพราะผู้เคยถูกฆ่ามิได้กลับมาเกิดใหม่
เพื่อหมายใจจะฆ่าคืนเพราะคิดแค้น
เยี่ยงการคิดแบบจิตมนุษย์เสมอไปหรอก

คนที่ชอบกินเนื้อสัตว์เป็นประจำ
กับคนที่ทำร้ายชีวิตสัตว์อยู่เป็นนิจ
มักจะมีชีวิตอยู่ด้วยอายุขัยอันแสนสั้น
ต้องเผชิญกับอุบัติเหตุบ่อยๆ
ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะป่วยไข้บ่อยๆ
อายุขัยที่ถือติดตัวมาจึงถูกตัดทอน
เพราะชอบตัดรอนชีวิตสัตว์
อันเป็นบริบทของกฎแห่งกรรม
ที่นำแสดงผลต่อทุกคนในชาตินี้
มันก็มีความเป็นธรรมต่อทุกสรรพชีวิตอยู่แล้วนะ

เราจึงขอกล่าวต่อท่านว่า
ยอมรับกับคนต่างชาติเขาไปเถอะว่า
ที่เขาเห็นแย้งนั้นถูกต้องแล้ว

ความถูกต้องตามครรลองพระศาสนายังคงอยู่
ส่วนผู้หลงผิดคิดผิดบิดเบือนคำสอนก็มีอยู่

จงพิทักษ์ความถูกต้องเอาไว้เถิด
เพราะความถูกต้องไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้
แต่ความคิดความเชื่อที่ไม่ถูกต้องของผู้คน
ท่านจักต้องยอมรับมัน
เพื่อการปรับเปลี่ยนให้ถูกต้องต่อไป

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
14-05-2017