วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สายใยรัก "พลังจิตใต้สำนึก"





พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ไม่ว่าท่านจะยังจดจำพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ที่เราถวายพระนามว่า "องค์จิตจักรวาล" ไม่ได้
ทั้งๆที่พระองค์ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ของท่านเองก็ตาม

ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้ปฏิเสธการดำรงอยู่จริง
ของพระผู้ทรงเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
ของทุกถ้วนสรรพสิ่งในจักรวาลอันไพศาลนี้

ทั้งๆที่พระองค์ทรงเป็นดั่งแกนกลางของจักรวาล
ซึ่งยึดโยงประดาทุกสรรพสิ่ง
ที่ทรงกำหนดสร้างขึ้นไว้ทั้งหมด
จนเป็นที่มาของการที่ตัวเรา
ได้ถวายพระนามต่อพระองค์ว่า "จิตจักรวาล" ก็ตาม

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ตัวท่านเองโดยแก่นแท้คือจิตวิญญาณนั้น
จะยังคงมีสายสัมพันธ์แห่งรัก
ในรูปของคลื่นความถี่ทางพลังงาน
ยึดโยงกับองค์จิตจักรวาลอยู่ตลอดเวลา

เนื่องจากตัวท่านนี้ถือกำเนิดจากพระองค์
จึงไม่ต่างจากทารกน้อยทุกคน
ที่ถือกำเนิดมาจากแม่ของตนนั่นแหละนะ
โดยเมื่อแรกเกิดก็จักต้องมี
"สายรก" แสดงความผูกพันไว้กับแม่เสมอ
ต่อเมื่อถัดจากนั้นแม้สายรกจะถูกตัดออกจากกาย
แต่สายใยแห่งจิตใจที่เราเรียกว่า "สายรัก"
ระหว่างลูกกับแม่ก็ยังผูกพันมั่นคงเสมอ

ด้วยเหตุนี้เอง
ทุกลมหายใจเข้าออกของท่าน
จนแม้ทุกการสั่นสะเทือนทางจิตสาม (สำ) นึก
พระบิดาก็จะทรงรับรู้แรงสั่นสะเทือนนั้นๆ
ด้วยพลังงานทางจิตวิญญาณหรือ #พลังจิตใต้สำนึก
ที่พวกท่านเหวี่ยงกันออกมานี่เอง

เมื่อคลื่นพลังจิตของท่าน
ซึ่งอยู่ในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก
ที่เป็นคลื่นความถี่ด้านบวก
อันเกิดจากการที่ท่านสามารถ "รักได้ ให้เป็น" นั้น
เคลื่อนที่เดินทางไปจนถึงพระองค์เมื่อไหร่
คลื่นพลังจิตใต้สำนึกด้านบวกดังกล่าว
ก็จะวกกลับย้อนคืนมาสู่เจ้าของมันคือตัวท่าน
โดยที่พระบิดาจะทรงประทาน #บำเหน็จ
ซึ่งเป็นรางวัลแห่งความดีงามของท่านมาให้ด้วย

ในทางกลับกันถ้าคลื่นพลังจิตใต้สำนึกของท่าน
ที่สั่นสะเทือนไปถึงพระองค์นั้นมีคุณสมบัติเป็นลบ
คลื่นพลังจิตใต้สำนึกด้านลบดังกล่าว
ก็จะวกกลับย้อนคืนมาสู่เจ้าของมันคือตัวท่าน
ซึ่งแน่นอนว่า #บำเหน็จ ที่จะทรงประทานมาให้
มันย่อมเป็นรางวัลแห่งความไม่ดีงาม
เป็นรางวัลที่ท่านเองก็ไม่พึงประสงค์มันหรอก

นี่ไงล่ะ...
จึงเป็นที่มาของประโยคทองของเราที่ว่า
"กรรมดีกรรมชั่ว เป็นของตัวเอง
ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้" นั่นล่ะนะ

ที่เราต้องนำเอาความจริงเรื่องนี้มากล่าวเผย
เพราะเรารู้ดีว่ามันเป็นองค์ความรู้อีกสิ่งหนึ่ง
ซึ่งมนุษย์โลกส่วนใหญ่ "ไม่รู้ว่าตนไม่รู้"

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
กระบวนการแห่งรักที่ถักทอสายใย
ระหว่างท่านทั้งหลายแต่ละคนไว้กับพระบิดาเช่นนี้
มันถูกกำหนดไว้ให้เป็นไปตั้งแต่เมื่อแรกสร้างแล้วล่ะ

เพราะนอกจากกระบวนการที่ว่านี้
จะช่วยให้บุตรมนุษย์ทุกรูปธรรม
สามารถยึดโยงอยู่กับพระบิดา
ผู้ให้กำเนิดอย่างใกล้ชิดได้ตลอดเวลาแล้ว
พระองค์ก็จักเติมเต็มพลังทางจิตวิญญาณแก่ท่าน
ในทุกครั้งทุกคลื่นพลังจิตใต้สำนึกที่ดีๆ
จากการที่ท่านได้กระทำสิ่งดีๆนั้นผ่านจิตสำนึกเสมอ
เสมือนดั่งการชาร์จแบ็ตเตอรี่เพื่อเติมเต็ม
พลังอำนาจทางจิตวิญญาณของท่านโดยแท้

แต่น่าเสียดายนัก
ที่พฤติกรรมหลักๆในการดำเนินชีวิตประจำวันนั้น
พวกท่านได้แทรกแซงกระบวนการของ #พระเจ้า
เพราะตกเป็นทาสกิเลสตัณหาโดยไม่รู้ตัว
ท่านจึงติดต่อกับพระบิดาหรือพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้
ท่านจึงมีพลังงานทางวิญญาณที่อ่อนแอลงทุกที
ท่านจึงลืมพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่านเอง

ความผิดบาปของท่านมี 2 ข้อ คือ

1.ถ้าท่านทำสิ่งใดแล้วหวังผลตอบแทน
หมายถึงทำสิ่งใดก็ตั้งเป้าหมายให้รางวัลตัวเองเสมอ
มันจึงยังผลให้พลังจิตใต้สำนึกไม่มุ่งตรงไปหาพระเจ้า
แต่มันจะมุ่งไปเที่ยวหาสิ่งที่ท่านต้องการนั้นแทน
พลังทางวิญญาณจะถูกใช้เปลืองไปแล้วไม่ได้คืน

2.ถ้าท่านใช้วิธี #สั่งจิตใต้สำนึก ให้เขาน้อมนำเอา
สิ่งดีใดๆในชีวิตที่ท่านต้องการมาให้
โดยมิได้สั่นสะเทือน #จิตสำนึก ของท่านเลย
ท่านจะสูญเสียพลังทางจิตวิญญาณมากกว่า
ความผิดบาปในข้อ 1

เพราะพระบิดาจะทรงเก็บพลังงาน
ส่วนที่ท่านเหวี่ยงมันออกมากลับคืนไปทั้งหมด
ยิ่งท่านใช้มันออกมามากเท่าใด
มันก็จะถูกเก็บคืนไปมากมายเท่านั้นแหละนะ

ที่เรากล่าวมาทั้งหมด
ล้วนเป็นความจริงที่จริงแท้

จะติดตามความรู้เรื่อง "พลังจิตใต้สำนึก"
บทเรียนต่อเนื่องกันอีกละก็
ยกมือขึ้นสูงๆอีกครั้งนะ...Hands Up!

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
9-08-2016