วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ระหัสแห่งพุทธทำนาย2





พุทธทำนายพอสังเขปทั้ง  13  บทที่จะะเปิดเผยนี้ 
ล้วนเป็นภาพของความบอบ ช้ำภายในระบบโลก  ซึ่งองค์พระศาสดาได้ทรงทำนายไว้ล่วงหน้านับพันปีมาแล้ว  เพื่อเตือนสติมนุษย์ให้เกิดจิตสำนึกใหม่  ซึ่งมนุษย์เองสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์  เลวร้ายใด ๆ ได้  หากลงมือกระทำที่จิตสำนึกของตนเอง  แต่มนุษย์  กลับละเลยกันมาตลอด  มหันตภัยจึงไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย  ดาวเคราะห์โลกเป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี  มีกฏแห่งกรรมเป็นรางวัลการกระทำทางจิตสำนึกมนุษย์ไว้รองรับทั้งในทางกายภาพ ของมนุษย์เองและในมิติคู่ขนาน  การพยากรณ์ใด ๆ ไว้ล่วงหน้านั่นคือสิ่งที่จิตจักรวาลทุกรูปธรรมย่อมรู้แต่การที่เหตุการณ์ใด ๆ เหล่านั้นมันจะเกิดขึ้น  หรือไม่เกิดขึ้นมันอยู่ที่การตัดสินใจของมนุษย์เองทั้งสิ้น
  รหัสรับแห่งพุทธทำนาย
ความสำคัญในพุทธทำนายแยกได้เป็นประเด็นสำคัญ  13  ประการ
ซึ่งทรงทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเอาไว้ล่วงหน้าวันเวลาที่ตรัสถึงคือช่วงเวลาแห่งยุคสมัยปัจจุบันนี่เอง.
.  [1]." ไฟจะลุกลามมาทางตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม  นักบวช  และพระจะอดอยากยากเข็ญ  "  ไฟในที่นี้คือ   ภัย   จากการคลั่งวัตถุนิยม   อันเกิดจากมนุษย์อีกซีกโลกหนึ่งที่มีสมองซีกซ้ายนำขวาเป็นผู้สร้างเพื่อชัก จูงจิตวิญญาณของผู้คนที่ไม่สมดุลให้ลุ่มหลงมัวเมาไปกับมันจนกลายเป็นทาสของ วัตถุ   และถูกผู้สร้างมันขึ้นมาชักจูงจิตวิญญาณไปในทางต่ำ  จนทำให้เกิดความขาดสมดุลจิตวิญญาณไป  จิตสำนึกคลั่งตะวันตกเป็นไปอย่างรุนแรง  ตั่งแต่ระดับผู้นำลงมาถึงระดับล่างแทบทุกชนชั้น   มนุษย์ซีกตะวันออกมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น  ที่ยังคงใกล้ชิดกับศาสนาถือปฎิบัติธรรมะอย่างเข้าใจและซึ้งในรสพระธรรม   ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบมักไม่ได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่  นอกจากมีอำนาจเหนือ  ศีลธรรมเสื่อมทรามมีผู้คนที่ศรัทธาในพระศาสนาเข้าวัดทำบุญน้อยลง  เนื่องจากจิตใจไม่ฝักใฝ่และมีทัศนคติไม่ถูกต้องต่อผู้สืบทอดศาสนา  ทีมีพฤติกรรมนอกรีตให้เห็นอยู่กลาดเกลื่อนเหมือนเป็นเรื่องปกติมองเห็นใคร ที่พูดถึงเรื่องศาสนาและธรรมมะเป็นหัวโปราณคร่ำครึ  และความเสือมโทรมในจิตใจของผู้คนที่แสดงพฤติกรรมโหดร้ายก้าวร้าวต่อเพื่อน มนุษย์ด้วยกันเหมือนไม่ไช่มนุษย์  หนักขึ้นทุกวัน    นักบวชและพระมีโอกาศเยียวยาจิตใจมนุษย์ในสังคงน้อยลงกว่าเดิม   เนื่องจากมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่เข้าวัดเพราะเสื่อมศรัทธา  ไม่ไส่ใจ  และใฝ่การทำมาหากินเพื่อชีวิต  ไม่ได้ทำอะไรเพื่อจิตวิญญาณของตนเลย    บทบาทของพระในการเผยแพร่พระธรรมจึงถูกปิดกั้นมนุษย์มีพระไว้เพื่อการประกอบ พิธีกรรมในการสวดที่ศักดิ์สิทธิ์และใฝ่หาแต่พระที่มีอิทธิฤทธิ์ไว้เป็นที่ พึ่งเท่านั้น    การอดอหยากยากเข็ญของพระ  จึงหมายถึง   การที่พระไม่มีโอกาศได้กระทำหน้าที่ของตนในการเผยแพร่ธรรมมะนั่นเอง..
   [2].. " ลูกไฟจะตกจากฟากฟ้าเป็นเพลิงผลาญเหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ "พุทธทำนาบบทนี้  กล่าวถึงการทำศึกสงความระหว่างเผ่าพันธ์มนุษย์ด้วยกันเอง  ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎเกณฑ์ทางกายภาพของจักวาล  ว่าด้วยเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกสรรพสิ่งในระบบโลก  ไม่เว้นแม้แต่มนุษย์  การขัดแย้งรบราฆ่าฟันกัน  ทั้งชนในชาติเดียวกัน  ไปจนถึงระหว่างประเทศ  พล่าผลาญชีวิตกันอย่างไร้จิตสำนึกแห่งเมตาธรรมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์  ที่ค้นคิดขึ้นจนนับวันอาวุธที่ผลิตขึ้นจะมีพลังอำนาจในการทำลายล้างอย่างน่า กล้วมากขึ้น  อาวุธนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ และอาวุธเชื้อโรค คือความร้ายแรงและเป็นภัยมหันต์  แต่ละชนชาติที่ก้าวร้าวเหล่านั้นเคยรู้บ้างหรือไม่ว่าศาสตราวุธทันสมัยที่ แต่ละรายสะสมกันไว้นั้นหากกดปุ่มพร้อมกันมันสามารถทำลายโลกใบนี้ได้แค่เพียง นาทีเดียว สำหรับมนุษย์ที่กำลังหวั่นกลัวจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามคำพยากรณ์ในยุคพลังงานเก่า  จงรับรู้ไว้ด้วยว่า โรงเรียนโลกใบนี้มิได้โดดเดี่ยว  โดยปราศจากผู้ดูแลอย่างการคิดแบบจิตมนุษย์เลย  จิตจักวาลและรูปธรรมชั้นสูงในมิติคู่ขนาน  จะไม่มีวันปล่อยให้ผู้มีจิตวิญญาณอธรรมกระทำการเช่นนั้นได้อีกต่อไป 
    3." มหาสมุทรจะชอกช้ำ " พุทธทำนายบทนี้ทรงเน้นความเน่าเสียของน้ำจากปฎิกูลเคมีสังเคราะห์ ที่มนุษย์สร้างขึ้นทำลายความสมดุลของระบบโลก ทำให้น้ำทะเลเป็นพิษ น้ำเน่าเสีย สัตว์ทะเลต้องจบชีวิตลงเพราะสารพิษและขาดออกซิเจน เนื่องจากกากปฎิกูลต่างๆ จะมีมากเกินกว่ากายภาพของแผ่นดินจะซึมซับโอบอุ้มเอาไว้ได้ มันจะค่อยๆเคลื่อนไหลสู่ท้องทะเล อำนาจเงิน ผลประโยชน์ ความบ้าคลั่งทางปัญญาอุตสาหกรรมหนัก คือ ตัวการก่อมลภาวะทางน้ำของมนุษย์ซึ่งปัจุปันนี้กำลังเป็นปัญหาระบบนิเวศน์ เสียสมดุลจาก มลพิษ สนาการณ์โลกในขณะนี้ปัญหามลภาวะมันหนักหนาจนสุดเยียวยาได้ มหันตภัยกำลังคืบคลานสู่มวลมนุษย์ชาติแล้ว จงเตรียมตัวกันไว้ให้ดี.4 " ศึกจะติดเมือง " พุทธทำนายบทนี้  ทรงหมายถึง ความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆทั่วโลกมันจะก่อตัวขึ้นแทบทุกแห่งที่ชนชั้น ผู้นำขาดความสมดุลในจิตใจการต่อสู้รบพุ่งกันกระทบกระทั่งกันมีให้เห็นไม่ ว่างเว้น โดยมองเห็นความมีอำนาจเหนือเปรียบดั่งขนมหวาน  ศึกสงความบนโลกจะไม่มีวันสงบทั่วแผ่นดินใด้ หากยังมีการคิดค้นมีการผลิตเพื่อขายกันหยู่ เหยื่อแห่งสงครามแม้ไม่ไช่สงครามโลก  ก็ยังจะคงมีหยู่บนแผ่นดินโลกตลอดไป.
    5 " ข้าวจะขาดแคลน " พุทธทำนายบทนี้  ทรงหมายถึงการทำลายระบบนิเวศน์อย่างไม่บันยะบันยัง เพื่อดูดซับพลังงานและการเก็บเกี่ยวทรัพยากรธรรมชาติ บนแผ่นดินจะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกธัญญาหารเสื่อม สลายเสียสมดุลไป มนุษย์ใช้ผืนแผ่นดินรองรับความเจริญทางวัตถุ จนแทบไม่มีที่ใดเหมาะสมต่อการเพราะปลูกและเกษตรกรรม เพื่อการยังชีพอีกต่อไป  ในที่สุดความขาดแดลนอาหารบริโภคจะเป็นปัญหาของมนุษย์โลกที่ทุกคนต้องเผชิญ แม้ในยามที่ยังไม่มีศึกสงความให้เกิดข้าวยากหมากแพงเลยก็ตาม.
    6 " ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง " พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง ภูมิอากาศโลกแปรเปลี่ยนไป จะก่อให้เกิดเชื้อโรคร้ายชนิดใหม่ๆ ที่เป็นภัยต่อสุขภาพร่างกายมนุษย์ จนถึงขั้นชีวิต โดยไม่อาจเยียวยารักษาได้มากมายหลายโรค มีทั้งโรคร้ายชนิดใหม่ที่มนุษย์ไม่เคยรู้จัก และโรคร้ายชนิกเก่าๆ ที่มนุษย์เอาชนะมันได้จนทำให้มันเสียสมดุลไปในอดีตแล้ว มันจะแอบซุ่มวิวัฒนาการสายพันธ์ของตัวมันเองตามกฎทางกายภาพของจักวาล ยกระดับตัวมันเองสู่ความสมดุลกับมนุษย์ได้อีกครั้ง ที่มันสามารถจะมีอำนาจต้านทานฤทธิ์ยาตัวเก่าได้เป็นหย่างดียิ่งกว่าเดิม.
    7 " พระเสื้อเมืองพระทรงเมืองจะหนีเข้าไพร " พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง ความสับสนเสียสมดุลในจิตใจของผู้คนในสังคมถึงจุดที่ยากจะแก้ไขเยียวยาได้ จะทำไห้ผู้มีความสมดุลทางจิตวิญญาณต่างๆ เกิดความท้อแท้ในการทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของตนให้ลุล่วงได้อีกต่อไป เพราะไม่มีผู้ฝักไฝ่ศาสนา ไม่มีใครใฝ่หาการรู้แจ้ง บนเส้นทางของนักรบแห่งแสงสว่างตามแนวทางของพระศาสดา พวกเขาจึงจะพากันละไปจากสังคมเมือง แสวงหาความวิเวกและสุขสงบกันแต่เพียงลำพัง เหมือนอยากไปสววค์คนเดียว จนทำให้สังคมเสือมทรามลงอย่างรวดเร็ว เพราะต่างล้วนขาดจิตสำนึกที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต.
    8. " ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกผีเสื้อเหล็กนับแสนตัวมาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ " พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง การกระทำต่อกันของมนุษย์โลก ทั้งทางกายภาพและในมิติคู่ขนาน ก่อให้เกิดมลภาวะทางพลังงานด้านลบและปฎิกูลทางกายภาพในระบบโลกเป็นจำนวนมาก มาย  มนุษย์ส่วนใหญ่จะมีจิตสำนึกที่สั่นสะเทือนต่อกันทางด้านลบ  เกิดพลังงานกรรมคุณสมบัติด้านลบในมิติคู่ขนานอย่างมากมาย  และทำให้ระบบโลกเสียสมดุลทางพลังงานที่จำเป็นไปมาก  จนอาจทำลายความสมดุลของระบบโลกเองและจักรวาลทั้งระบบ
    9."ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับใหลมาเป็นนานจะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก"    พุทธทำนายบทนี้  ตรัสถึงการสั่นสะเทือนของกายภาพโลกคือผืนแผ่นดิน  จะเกิดความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจะทำให้มนุษย์โลกได้รับ เคราะห์ภัยรุนแรงอย่างไม่คาดคิด  ปรากฏการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงนี้  จะเกิดจากแท่งแม่เหล็กในใจกลางโลกซึ่งเป็นแท่งโลหะร้อนระดับ  4,000  องศาเซลเซียสซึ่งเคยแน่นิ่งอยู่  จะถูกกระทำให้มันเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิมเพื่อการปรับเปลี่ยนระบบโครง ข่ายสนามแม่เหล็กโลกสู่ระบบใหม่  ดังได้กล่าวไว้แล้วนั้น  เมื่อเกิดการเคลื่อนตัวด้วยแรงขับเคลื่อนอันมหาศาล  มันจะทำให้แผ่นพื้นทวีปและท้องมหาสมุทรเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนพื้น โลกเกิดการบิดตัวอย่างรุนแรงตามไปด้วย  มันจะทำให้แผ่นดินบางทวีปแยกตัวออกจากกัน  น้ำทะเลจะไหลบ่าเข้าไปแทนที่  ตึกรามสูงใหญ่และเทคโนโลยีอันสูงส่ง  พร้อมด้วยสารเคมีพิษร้ายต่าง ๆ จะถูกทับถมกันไว้ใต้พื้นโลกและแผ่นน้ำตราบนิรันดร์พร้อมกับชีวิตของผู้สร้าง มันขึ้นมา  ด้วยจิตไร้สำนึกจำนวนนับล้านคนจะถูกกลืนหายไปเช่นกัน  มันเป็นการดับอหังการ์ของมนุษย์ผู้มีจิตวิญญาณไม่บริสุทธิ์  ที่ฝ่าฝืนกฎทางกายภาพของจักรวาล  คิดสร้างลัทธิซาตานขึ้นในระบบโลก  ชักจูงจิตวิญญาณมนุษยชาติไปในเส้นทางที่ผิดพลาดโดยแท้  และเป็นการหยุดยั้งการทำลายโลกใบนี้ของพวกเขา  ในอันที่จะก้าวไปสู่การทำลายความสมดุลของจักรวาลอื่นต่อไปในเวลาเดียวกัน.
     10."ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน"   ปรากฏการณ์นี้มนุษย์สามารถสำเหนียกรู้ได้โดยไม่ต้องตีความ  เพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติของคลื่นความร้อนคลื่นความเย็นที่ผ่านมา  และพายุแม่เหล็กรุนแรงในบรรยากาศทำให้ผู้คนทุกข์ยากล้มตาย  พืชพันธุ์เสียหายและอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่เกิดขึ้นไปแล้วและที่กำลังจะ เกิดต่อไป  เมื่อฝ่าเข้าไปท่ามกลางพายุแม่เหล็กที่รุนแรงนั้น  หรือหิมะตกหนักและพายุลูกเห็บขนาดยักษ์ต่าง ๆ ล้วนเป็นความวิปริตแปรปรวนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  ซึ่งวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมนุษย์จะไม่มีวันเอาชนะได้  หลังการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคพลังงานใหม่  เมื่อแผ่นดินและจิตวิญญาณมนุษย์ถูกชำระให้บริสุทธิ์เรียบร้อยแล้วฤดูกาลต่าง ๆ บนโลกจะเปลี่ยนไป  แผนที่โลกจะต้องได้รับการแก้ไขใหม่หลายส่วน.
     11."ตลิ่งจะพัง"   จากการสั่นสะเทือนที่รุนแรงของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่มันจะเกิดต่อเนื่อง กันนานนับชั่วโมง  ผู้คนทั้งโลกจะรับรู้มันได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องจ้องดูทางทีวีอีกต่อไป  แผ่นดินใหม่จะปรากฏตัวขึ้นกลางมหาสมุทร  ซึ่งเป็นอาณาจักรที่เคยต้องคำสาปให้จมอยู่ใต้มหาสมุทรมานานนับหมื่นปี  จากเหตุการณ์ที่จักรวาลชำระโลกเป็นครั้งที่สาม  ตั้งแต่เกิดมีมนุษย์บนดาวเคราะห์โลก  โดยอาศัยอำนาจแรงดึงดูดของดวงจันทร์ช่วยเหลือ  นอกจากจุดศูนย์กลางอันเป็นเป้าหมายของแผ่นดินไหวที่จะถล่มทลายลงไปใต้แผ่น น้ำแล้ว  บริเวณสองทวีปที่เป็นชายฝั่งมหาสมุทร  และเกาะบางเกาะจะจมหายไปใต้ท้องทะเลเช่นเดียวกัน.
      12."แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล"  โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ   ประเทศที่คลั่งวัตถุนิยม  คลั่งไคล้เทคโนโลยี  ทั้งผู้สร้างมันขึ้นมา  ผู้งมงายกับการใช้มัน  และประเทศที่ผู้นำมีจิตสำนึกบกพร่อง  บ้าอำนาจและกระทำการก้าวร้าวต่อจิตวิญญาณผู้คนที่บริสุทธิ์ให้ต้องจบชีวิตลง เพราะศึกสงคราม  นั่นคือดินแดนหายนะอันเป็นเป้าหมายของจักรวาลด้วยเช่นกัน  ทุกอย่างจะถูกกลบฝังไว้ใต้โลกท่ามกลางผงฝุ่นและเปลวเพลิง  อันเกิดจากแผ่นดินแยกยุบตัวและภูเขาไฟระเบิดซ้ำ  ความหายนะจะเกิดขึ้นแทบทั่วแผนดินนี้  ทั้งผู้ได้รับเคราะห์กรรมโดยตรงและโดยอ้อม  จนแทบจะมองหาใครมาคอยช่วยเหลือใครไม่ได้เลย . 
      13."นักปราชญ์จะถูกทำลายให้สิ้นสูญ"   มนุษย์จะเห็นได้ว่า  ยุคปัจจุบันนั้นสังคมเต็มไปด้วยการอยู่ร่วมกันด้วยผลประโยชน์มากกว่าความรัก ที่มีต่อกันเพื่อร้อยเรียงกันไว้เป็นหนึ่งเดียว  ต่างต้องคอยระแวงกันตลอดเวลาด้วยการคอยมองหาว่า  ใครชั่วน้อยกว่าใคร  แทนที่จะมองหาความดีงามของกันและกัน  มนุษย์โลกส่วนใหญ่พากันเร่งพัฒนาภูมิปัญญาของตนโดยไม่ใส่ใจพัฒนาสติกับ ปัญญา  คิดสร้างขยะพลังงานกรรมด้านลบและขยะเทคโนโลยีที่เน้นวัตถุขึ้นมามากมาย  เพื่อสร้างโอกาสและอำนาจ  เอาไว้บงการจิตวิญญาณมนุษย์คนอื่นที่ด้อยกว่า  โดยไม่ได้ใช้พลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ในตนเอง  อันเกิดจากจิตสำนึกแท้จริงและสติทางวิญญาณที่มีพลังงานความรักเป็นตัวขับ เคลื่อนพฤติกรรม  ให้ผู้อื่นยอมรับ  เชื่อมั่นและศรัทธาเลยนอกจากนั้นกลับใช้พลังอำนาจจากจิตไร้สำนึก  ผลักไสคนดี ๆ ออกไปไกลจากเส้นทางของตัว  ทำลายคนดีด้วยจิตสำนึกที่ผิดพลาดโดยไม่รู้ว่าความดีงามแท้จริงคืออย่างไร  สังคมมนุษย์  คลั่งอำนาจ  ลาภยศ  สินทรัพย์และวัตถุนิยมมากยิ่งกว่าแสวงหาความดีงาม  กิเลสตัณหา  อบายมุข  สารพิษ  ยาเสพติดหาได้กลาดเกลื่อน  มนุษย์เพาะบ่มสำนึกแห่งความชั่วร้ายไว้ในจิตใจที่พร้อมจะนำมันออกมาแสดงได้ ง่ายกว่า  การจะมองหาความดีงามคือความรักบริสุทธิ์  หยิบยื่นให้แก่ใคร ๆ มนุษย์ที่สมดุลและคนดี ๆ กลับไม่ได้การยอมรับจากผู้คนเพราะมนุษย์ใช้ตนเองที่จิตสำนึกขาดความสมดุล ตัดสินมนุษย์ผู้อื่น  ที่มีความสมดุลกว่าผิดพลาดไปหมด  ความเป็นธรรมในสังคมจึงหายากยิ่ง  แม้แต่นักบวชมากรายก็ยังทุศีลของพระพุทธองค์หนักขึ้นทุกวัน  ยุคพลังงานเก่าที่ผ่านมา  มันจึงเป็นสังคมที่ไม่ได้ส่งเสริมคนดีที่เหลือน้อย  ทำให้คนดีเกิดความท้อแท้สงบงันเหมือนการเห็นแก่ตัวเพราะต้องระมัดระวังตน  โดยหยุดบทบาทตนเองไว้  การที่มนุษย์จะแสดงความดีงามสู่สังคมสักครั้งสักคนจะต้องใช้ความกล้าหาญและ การเสียสละที่ยิ่งใหญ่เกินจริง  จึงจะพอฟันฝ่าอำนาจด้านลบที่เกาะกุมจิตใจผู้คนส่วนใหญ่ได้. ที่พุทธทำนายพอสังเขปทั้ง  13  บทที่เผยนัยมานี้  ล้วนเป็นภาพของความบอบช้ำภายในระบบโลก  ซึ่งองค์พระศาสดาได้ทรงทำนายไว้ล่วงหน้านับพันปีมาแล้ว  เพื่อเตือนสติมนุษย์ให้เกิดจิตสำนึกใหม่  ซึ่งมนุษย์เองสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์  เลวร้ายใด ๆ ได้  หากลงมือกระทำที่จิตสำนึกของตนเอง  แต่มนุษย์  กลับละเลยกันมาตลอด  มหันตภัยจึงไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย  ดาวเคราะห์โลกเป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี  มีกฏแห่งกรรมเป็นรางวัลการกระทำทางจิตสำนึกมนุษย์ไว้รองรับทั้งในทางกายภาพ ของมนุษย์เองและในมิติคู่ขนาน  การพยากรณ์ใด ๆ ไว้ล่วงหน้านั่นคือสิ่งที่จิตจักรวาลทุกรูปธรรมย่อมรู้แต่การที่เหตุการณ์ใด ๆ เหล่านั้นมันจะเกิดขึ้น  หรือไม่เกิดขึ้น     มันอยู่ที่การตัดสินใจของมนุษย์เองทั้งสิ้น  เมื่อมนุษย์ละเลยไม่แก้ไขตั้งแต่ต้น  ก็เท่ากับว่ามนุษย์เป็นผู้เลือกสถานการณ์เลวร้ายกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ด้วยตนเองโดยแท้.                                              

4 ความคิดเห็น:

  1. (ป.วิสุทธิปัญญา)

    การที่มนุษย์ดำเนินชีวิตอยู่ท่ามกลางผู้อื่นแล้วมีความปรารถนาจะให้ผู้อื่นมีความสุขเป็นสำคัญ มนุษย์จึงพร้อมและเต็มใจช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ พร้อมเสียสละแบ่งปัน ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ไม่เบียดเบียนผู้อื่น และไม่ก้าวล่วงผู้อื่น เป็นต้น แม้ว่าการกระทำที่ดีงามของตนต่อผู้อื่นด้วยปรารถนาจะให้เขามีความสุขโดยตนเองจะต้องแลกกับความทุกข์ยากบ้างแต่ตนก็พึงพอใจที่ได้กระทำอาการอย่างนี้เรียกว่า “ความเมตตา” นั่นเอง

    ตอบลบ
  2. การที่มนุษย์เมื่อรู้เห็นว่าผู้อื่นตกทุกข์ได้ยากแล้วไม่เกิดความเศร้าหมองใด ๆ เพราะเข้าใจสัจธรรมดีว่ามันต้องเป็นของมันเช่นนั้นเอง แต่ก็ยังมีความรู้สึกว่าอยากให้เขาพ้นไปจากทุกข์นั้นอาการอย่างนี้เรียกว่า “ความกรุณา”...
    .(ป.วิสุทธิปัญญา)

    ตอบลบ
  3. การที่มนุษย์เมื่อได้รู้เห็นว่าผู้อื่นได้ดีมีสุข ประสบความสำเร็จหรือสมหวังใด ๆ ในสิ่งที่ประสงค์แล้วพลอยรู้สึกยินดีมีความสุขไปกับเขาด้วย อาการอย่างนี้เรียกว่า “มุทิตา” (ป.วิสุทธิปัญญา)

    ตอบลบ
  4. การเข้าถึงสัจธรรมสูงสุดในเรื่องทุกข์และสุขของมนุษย์โดยเห็นเป็นเรื่องปกติโลก จนสามารถทำจิตใจให้สงบและสำรวมอยู่ได้แม้จะรู้เห็นอยู่ว่าผู้อื่นนั้นกำลังมีทุกข์หรือมีสุขอยู่ก็ตาม อาการอย่างนี้เรียกว่า “อุเบกขา” (ป.วิสุทธิปัญญา)

    ตอบลบ

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น