วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2560

ความเชื่อส่วนตัว








ตอบคำถาม: Anothai Bunjong
ขอเรียนสอบถามท่าน อาจารย์ ค่ะ
Question1:
************
1.1 การเฝ้าที่ตั้งแห่งดวงจิตธรรมญาณ
จะส่งผลให้ตรงดิ่งสู่ประตูนิพพานได้
จริงหรือไม่?
1.2 เป็นวิธีนักรบแห่งสว่าง
หรือนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง?
1.3 ปัจจุบันวิธีนี้ยังใช้ได้อยู่หรือไม่
อาจเป็นเรื่องของคนในอดีตหรือไม่?
Answer:
1.1 เรื่อง "การเฝ้า" นั้นเป็นความเชื่อ
เพราะที่จริงแล้วที่ตั้งของจิตวิญญาณมนุษย์
ก็คือ "ต่อมพิทูอิทารี"
ถ้าท่านสามารถครองมหาสติ
และรักษาปณิธานแห่งนิพพาน
ตามมรรควิถีจิตจักรวาลเป็นผลสำเร็จ
จิตของท่านก็จักรู้สถิตย์อยู่
ณ ที่ตั้งนี้ตามปกติอยู่แล้ว
ท่านจึงไม่จำเป็นจะต้องสิ้นเปลืองพลังจิต
เพื่อประคองจิตไว้รอคอยยามตาย
เพียงหวังจะให้จิตวิญญาณละกายสังขาร
ผ่านออกมาในช่องทางนี้
เพื่อมุ่งสู่ประตูนิพพาน ณ ด่านนภาลัย
เพราะมันต้องเป็นของมันเช่นนั้นอยู่แล้ว
ช่องทางการดีดตัวออก
จากกายสังขารรูปธรรมมนุษย์
ของดวงจิตธรรมญาณ
กรณีละทิ้งกายสังขารเพื่อการหลุดพ้น
ก็คือ "ประตูที่สาม" หรือ ตาที่สาม
ซึ่งมันก็เป็นของมันเช่นนั้นอยู่แล้ว
คนที่ไม่มีศีลธรรม
คนที่คนตนเองให้เป็นมนุษย์ไม่สำเร็จ
คนที่วันๆเอาแต่หมุน "กรรมจักร"
โดยไม่สามารถหมุน "ธรรมจักร" ได้
จิตวิญญาณก็จะไร้พลังอำนาจ
จนไม่สามารถผ่านออกมา
ทางประตูที่สามที่ว่านี้ได้
1.2 วิธี "เฝ้า" ที่ตั้งของดวงจิตวิญญาณ
ตามที่ท่านไถ่ถามเรามาในข้อเดียวกันนี้
มันเป็น "ความเชื่อส่วนตัว" เฉพาะกลุ่มบุคคล
ไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นนักรบแห่งแสงสว่าง
หรือเป็นนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
1.3 ท่านถามเรามาว่า
ปัจจุบันวิธีนี้ยังใช้ได้ผลอยู่รึไม่นั้น
เรามิอาจกล่าวก้าวล่วง
"ความเชื่อ" ของผู้อื่นได้
อัน "ความเชื่อ" นั้น
มักขาดตัวชี้วัดความจริงที่จริงแท้
อย่างเป็นรูปธรรมและเหตุผลเสมอ
แม้ความเชื่อนั้นพอจะมีความจริงอยู่บ้างก็ตาม
ซึ่งต่างจาก "ความจริงที่จริงแท้"
มันจะมีเหตุผลรองรับให้ท่านจับมาวิเคราะห์
เพื่อเข้าถึงความจริงนั้นได้ด้วยปัญญาเสมอ
แต่เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ตั้งแต่อดีตกาลผ่านมาจนปัจจุบันนี้นั้น
มีผู้ที่ผ่านบททดสอบและบทเรียนโลก
จนเข้าสู่สภาวะนิพพานทางจิตวิญญาณได้
เพียงแค่มือสิบนิ้วก็ใช้นับยังไม่หมดเลย
ไม่ทราบว่าไปเฝ้าผิดประตูกันอยู่รึเปล่านะ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23-3-2017

ช่องทางการหลุดพ้น ของดวงจิตธรรมญาณ





ตอบคำถาม: Anothai Bunjong
ขอเรียนสอบถามท่าน อาจารย์ ค่ะ
Question2:
************
2.1 ประตูเกิดตาย 
ทางเข้าออกของจิตญาณ บนกายสังขาร
คือประตูอีกมิติของประตูด่านนภาลัยหรือไม่?
2.2 หรือแท้จริงแล้วการที่จิตสถิตย์
ณ ที่ตั้งแห่งดวงจิตธรรมญาณ
คือบอกถึงผลลัพธ์สุดท้ายที่จะต้องเป็น
คือการแนบแน่นรวมเป็นหนึ่ง
ของ จิต และ จิตวิญญาณ
แต่ไม่ได้หมายความถึงการเฝ้า
แล้วทุกอย่างจะจบและกลับบ้านได้?
Answer:
2.1 ประตูที่สาม
ซึ่งเป็นรูเล็กๆขนาดเท่าเส้นผมผ่าซีก
ตรงกระโหลกศีรษะบริเวณหน้าผาก
เหนือระหว่างคิ้วขึ้นไปเล็กน้อยนั้น
เป็นช่องทางหลุดพ้นออกจากกายสังขาร
ของดวงจิตธรรมญาณของมนุษย์
ส่วนประตูมิติตรงด่านนภาลัยนั้น
เป็นช่องทางแห่งการหลุดพ้น
ออกไปจากระบบ "เอกภพ"
ของดวงจิตธรรมญาณทุกรูปธรรม
เพื่อคืนกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนที่ตนจากมา
ซึ่งองค์จิตจักรวาลหรือพระเจ้า
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ทรงรอคอยพวกท่านอยู่นานแล้ว
2.2 แท้จริงนั้นดวงจิตธรรมญาณของทุกคน
สถิตย์ประทับอยู่ตรงต่อมพิทูอิทารี
โดยสถิตย์อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่แรกเกิดแล้วล่ะ
หน้าที่ของท่านทั้งหลายก็คือ
ยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ให้เกิดเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านบวกให้ได้
เมื่อสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งใดๆในชีวิตประจำวัน
ด้วยกลไกอายตนะชิ้นใดๆที่มีอยู่
ถ้าท่านทำเช่นนี้เป็นผลสำเร็จในทุกขณะจิต
จิตหยาบของท่านก็จะยกระดับแรงสั่นสะเทือน
ให้สูงขึ้นจนเป็นหนึ่งเดียวกัน
กับดวงจิตธรรมญาณได้แล้วนั่นเอง
นี่ไง...หน้าที่ของท่าน
หน้าที่ของมนุษย์ที่แท้จริงไงล่ะ
การจะทำเช่นนี้ได้สำเร็จนั้น
ท่านจักต้องรู้วิธีแทรกแซง
กระบวนการของขันธ์ 5 ในชีวิตประจำวันให้ได้
ซึ่งหมายถึง "การหมุนธรรมจักร" นั่นแหละ
แต่การยกระดับจิตหยาบ
จนเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณได้
มิได้หมายความว่าจะ "นิพพาน" ได้ทันที
เพียงแต่ผู้ที่จะเข้าถึงนิพพานได้
จักต้องสอบผ่านการเป็นหนึ่งเดียวกัน
ของจิตหยาบกับจิตวิญญาณ
ให้ได้เสียก่อนเท่านั้นเอง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23-3-2017

มายา ของผู้ที่เข้าถึงสภาวะแห่งนิพพาน






ตอบคำถาม: Cjw Surin ·
เรียนถามท่าน อาจารย์ว่า
*************************
Question:
1. ผู้บำเพ็ญแบบ นักรบแห่งแสงสว่าง
จนสามารถกลับนิพพานได้นั้น
จะมีมายาหลงเหลือไว้ให้คนประจักษ์
คือ ศพจะอ่อนนิ่ม ทิ้งไว้หลายวัน
ก็ไม่เน่าเหม็นทั้งที่ไม่ได้ฉีดยาใดๆ เลย
หรือถ้านำไปเผา
กระดูกก็จะกลายเป็นพระธาตุ
แบบต่างๆ
จะสามารถอธิบายแบบอภิปรัชญาได้
ว่าอย่างไรครับ
Answer:
1.จงอย่าด่วนสรุปว่าผู้ปฏิบัติบำเพ็ญ
บนเส้นทางนักรบแห่งแสงสว่าง
เมื่อจบสิ้นอายุขัยและทิ้งกายสังขารไปแล้ว
ยังมีมายาหลงเหลือไว้ให้คนประจักษ์
ในแบบที่ท่านกล่าวถึงในคำถามข้างบนนั้น
เป็นตัวชี้วัดว่าผู้นั้นเข้าถึงสภาวะนิพพานได้แล้ว
เพราะในความเป็นจริงแล้ว
มันมิได้เป็นอย่างที่ท่านคิดเชื่อกันอยู่เสมอไป
บางรูปธรรมที่เข้าถึงสภาวะนิพพานได้
เมื่อละทิ้งกายสังขารไปแล้ว
มิได้ทิ้งมายาใดๆให้หลงเหลือไว้เลยก็มี
นอกจากชื่อนามกับความดีงามของเขา
เอาไว้ให้คนรุ่นหลังจดจำและทำตามเท่านั้น
ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์จะมีจิตใสใจสวย
ผู้มีจิตใสใจสวยจะมีปัญญาวิสุทธิ์
และสังขารบริสุทธิ์
ผู้มีจิตตปัญญาอันวิสุทธิ์
กับกายสังขารอันบริสุทธิ์
จักเป็นผู้เข้าถึงซึ่งความว่างอันยิ่งยวด
ความว่างอันยิ่งยวดของผู้เข้าถึงนิพพานได้
ได้จากความมีตัวตนอยู่แต่เสมือนไม่มี
นั่นหมายความว่าจักต้องมี "อัตตาเป็นศูนย์"
ดังนั้น
ผู้ที่เข้าถึงสภาวะแห่งนิพพานได้จริงแท้
ต้องไม่ทิ้งมายาแห่งอัตตาใดๆไว้เบื้องหลัง
เพราะเข้าถึงความว่างจากสิ่งที่ตนมีอยู่ได้แล้ว
ถ้าจิตยังคิดอธิษฐานให้
เถ้ากระดูกของตนเป็นผลึกพระธาตุ
จะเพื่อกิจการใดก็แล้วแต่
มันเป็นตัวชี้วัดว่าจิตยังไม่ใสมิใช่หรือ
จิตยังไม่สามารถเข้าถึงความว่างได้มิใช่หรือ
หรือแม้ว่ารูปธรรมนั้นมิได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้
แต่เวลาเผาสังขารให้มอดไหม้
เถ้าถ่านกลับกลายเป็นพระธาตุหรือผลึกสี
นี่ก็เป็นไปตามคุณสมบัติทางพลังงานของจิต
อันเกิดจากการฝึกฝนและสั่งสม
หรือบางรูปธรรมตายแล้วสังขารไม่เน่าสลาย
แถมเล็บและเส้นผม-ขนงอกยาวได้เรื่อยๆ
นี่ก็มิใช่ตัวชี้วัดว่ารูปธรรมนี้นิพพานแล้ว
ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการปฏิบัติบำเพ็ญ
ด้วยการเคร่งครัดในการครองศีล
อิ่มเอิบเบิกบานอยู่ในพระธรรม
ลึกล้ำดื่มด่ำอยู่ในกรรมฐานสมาธิเป็นนิจ
โดยครองความสันโดษมายาวนาน
ทำการผลิตสร้างพลังงานด้านบวก
ขึ้นมามากมายในแต่ละวัน
แต่ที่แผ่เมตตาแบ่งปันออกไปนั้น
มันน้อยกว่าที่ตนสร้างใหม่เพิ่มขึ้น
เมื่อตายไปพลังงานไฟฟ้าด้านบวก
ที่ตนสร้างสะสมไว้ในกายสังขารมากๆ
มันก็จะถูกนำมาใช้เป็นพลังงานชีวิต
เหมือนแบตเตอรี่ที่มีไฟหล่อเลี้ยงรถยนต์
ในขณะที่ดับเครื่องแล้วนั่นเอง
ซึ่งปกติแล้วพลังงานชีวิตนี้
จิตวิญญาณแก่นแท้จะเป็นผู้ผลิตสร้างให้
เครื่องยนต์แห่งกรรมนั้นมีชีวิต
เมื่อตายแล้วแต่ยังมีพลังงงานหล่อเลี้ยงอยู่
การไม่เน่าเปื่อยของเซล
การที่มีเล็บและขนงอกยาวได้เรื่อยๆ
จึงไม่น่าแปลกประหลาดอะไรเลย
และไม่ใช่ตัวชี้วัดคุณสมบัติแห่งนิพพาน
อย่างที่คิดเชื่อกันแต่อย่างใดอีกด้วย
Question:
2. จากข้อ1.
พระธาตุของพระพุทธองค์
หรือพระอริยสาวก
สามารถเสด็จไปหาบุคคลที่ศรัทธาได้เองหรือไม่
Answer:
คำถามนี้เราไม่มีคำตอบให้นะ
เพราะเป็นคำถามในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23-3-2017