วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

อโหสิกรรมกันดีกว่า








เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ถ้าท่านมีปัญหาทางใจกับใคร
ไม่ว่าจะเป็นโกรธ เกลียด เคียดแค้น
รังเกียจ ขุ่นมัว ไม่พอใจ เจ็บใจ
จนแม้กระทั่งเพียงแค่รู้สึกหมั่นไส้ใครสักคน

ท่านจักต้องรีบตัดใจเพื่อละวาง
อารมณ์รู้สึกนึกคิดที่ไม่ดีต่อใครคนนั้น
ให้กลับคืนสู่ความสงบโดยเร็วที่สุด
ซึ่งท่านจะมีเวลาเพียงแค่สามนาทีเท่านั้น

ท่านทั้งหลายจงรู้ว่า
การที่ท่านมีปัญหากับใคร
แล้วปล่อยทิ้งอารมณ์ไม่สมดุลนั้นคาใจไว้
ด้วยเข้าใจว่าเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว
อาการเสียสมดุลทางจิตใจของท่าน
คงจะคลี่คลายกันได้เองนั้น
มันเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง

ที่ท่านไม่มีอารมณ์โกรธหรือเสียสมดุลอีก
เป็นเพราะว่า "จิตสามนึก" ของท่าน
คือ นึกได้ นึกเอา และนึกเอง
มันลืมไปแล้ว มันหยุดสั่นสะเทือน
เกี่ยวกับกรณีนั้นไปแล้วต่างหาก

แต่ท่านจะต้องระลึกเอาไว้เสมอว่า
แม้จิตสามนึกจะลืมไปแล้ว
แต่ "จิตใต้สำนึก" ของท่าน
ซึ่งเป็นกล่องความจำทางจิตวิญญาณ
มันจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด

เมื่อความทรงจำทางจิตวิญญาณยังคงอยู่
ความเป็นไปตามกฎแห่งกรรม
ที่ท่านเรียกว่า "กงล้อแห่งกรรม"
หรือการมีสังสารวัฏก็จักดำเนินต่อไป
ท่านกับใครคนนั้นก็จักต้อง 
"เกี่ยวกรรม" กันต่อไปอีก
เพราะคุณสมบัติที่ไม่สมดุลของจิต
ต่อกรณีกรรมนั้นยังมิได้ถูกทำให้เป็นโมฆะ

เราจึงกล่าวต่อท่านทั้งหลาย
ในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาลว่า
ถ้าท่านมีปัญหาทางจิตกับใคร
ท่านมีเวลาเพียง "3 นาที" เท่านั้น
ที่จะป้องกันมิให้อาการทางจิตที่เสียสมดุล
มันหล่นลงไปในจิตใต้สำนึก

นั่นคือท่านกับคู่กรณี
จะต้องร่วมมือกัน "อโหสิกรรม" หรืออภัยให้กัน
โดยอย่าไปสนใจว่าใครถูกใครผิด
เพราะการพยายามจะเอาชนะกัน
แม้ท่านจะเป็นฝ่ายที่ถูกต้องก็ตาม

แต่มันก็จะเป็นความโง่ของท่าน
ที่จะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งซึ่งผิดบาปต่อท่าน
เกิดความอาฆาตโกรธแค้นท่านอยู่ดังเดิม
ไม่ก็อาจโกรธแค้นท่านเพิ่มขึ้นด้วย

เมื่อเขายังมีการเกี่ยวกรรมกันกับท่านอยู่
โดยอีกฝ่ายหนึ่งยังฝังใจไม่ยอมเลิกลา
ท่านจึงมิอาจยุติกรรมนั้นฝ่ายเดียวได้

ดังนั้น
หากท่านปรารถนาการหลุดพ้นแท้จริงแล้ว
ต่อนี้ไปถ้ามีปัญหาทางจิตใจกับใคร
ก็จงอย่าพยายามเอาชนะกัน
จงอย่ามุ่งพิพากษากันว่าเอ็งผิดข้าถูก
แต่จงรีบละวางอารมณ์ไม่สมดุลนั้นเสียโดยพลัน
โดยหันหน้าเข้าหากัน ปรับความเข้าใจกันแทน
เพื่อยุติกรรมที่กำลังก่อร่วมกันนั้นทันที

สามนาทีมีไม่มากแต่ก็ไม่น้อยนัก
ที่ท่านจักสร้างสมดุลทางจิตใจให้ตนเอง
ด้วย "มหาสติ" กับ "ปณิธานแห่งนิพพาน"
ที่เราเคยกล่าวขานไว้นานแล้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27-04-2016

อย่าเป็นทาส ของสิ่งเร้า






เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ในช่วงชีวิตของท่านที่ผ่านม
เพราะพวกท่านใช้ความเป็นเด็กในตนเอง
นับตั้งแต่ก่อกำเนิดเป็นกุมารน้อย
เป็นระยะเวลายาวนานเกินไป
ใช้ความเป็นเด็กในตนเองบางด้านมากเกินไป

พอเจริญเติบโตพ้นวัยกุมารน้อย
ตั้งแต่มีอายุขัยครบสามขวบแล้ว
ท่านทั้งหลายก็ยังคงติดพัน
กับการใช้ความเป็นเด็กกันอยู่อย่างนั้น
โดยเฉพาะการมีนิสัยทางอารมณ์แบบเด็กๆ
คืออ่อนไหวง่ายเมื่อได้สัมผัสเผชิญกับสิ่งเร้า

แม้ท่านจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ผ่านประสบการณ์อะไรๆในชีวิตมาแล้วตั้งมากมาย
แต่ท่านเคยสังเกตตนเองบ้างหรือไม่ว่า
ท่านมักตกม้าตายไปกับการถูกยั่วยุเย้ายวนเสมอ

ใครปากหวานยกยอ ท่านก็เคลิบเคลิ้ม
ใครก้าวร้าวเหิมเกริม ท่านก็เกิดโทสะ

ใครทำดีต่อท่านตัวท่านก็ชื่นชอบ
แล้วท่านก็มักจะทำดีตอบ

ใครทำไม่ดีต่อท่านตัวท่านก็ไม่ชอบ
แล้วท่านก็มักจะทำไม่ดีตอบ

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ในชีวิตประจำวันของท่านนั้น
ท่านจะต้องระวังการสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึก
ภายในหัวอกหัวใจตนเองเอาไว้ให้มาก

เพราะอารมณ์รู้สึกจากจิตท่านนี่แหละ
ถ้ามันสั่นสะเทือนไปในทางผิดธรรมชาติ
มันก็จะไร้พลังอำนาจทางจิตวิญญาณ
จนเป็นผลให้บั้นปลายชีวิต
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
จะมิอาจหลุดพ้นหรือนิพพานได้เลย

นอกจากนั้น
จิตของท่านมันจะผลิตสร้างพลังงานด้านบวก
เพื่อช่วยค้ำจุนความสมดุลของดาวโลกไม่ได้
ถ้าวันๆมันได้แต่สั่นสะเทือนไปในทางต่ำ
ให้เกิดเป็นอารมณ์หยาบๆรายวันอยู่เนืองๆ
ทั้งยังเป็นการก่อผลกรรมให้เป็นเวรกรรม
ที่ตัวท่านจักต้องรับผิดชอบมันในชาติหน้าด้วย

ดังนั้น
หน้าที่สำคัญทั้งทางโลกและทางจิตวิญญาณ
ที่ท่านจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อตนเอง
และต่อดาวเคราะห์โลกดวงนี้ก็คือ

ท่านจะต้องไม่สั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึก
ไปในทางด้านลบหรือด้านบวกหยาบๆ
เมื่อถูกยั่วยุหรือปลุกเร้าโดยเด็ดขาด

การบ้ายอเมื่อฟังคำเยินยอแล้วกระหยิ่มใจ
การบ้าคลั่งเมื่อฟังคำยั่วยวนแล้วป่วนใจ
ทั้งสองประเภทนี้เกิดจากการตกเป็นทาส
สิ่งยั่วยุด้วยกันทั้งสิ้นนั่นแหละ

*ความไม่สงบสมดุลซึ่งเกิดขึ้นที่ในจิตท่าน
มันไม่ต่างไปจากท้องทะเลที่บ้าคลั่ง
อันเกิดจากคลื่นใหญ่ คลื่นแรง คลื่นสูง

ถ้าท่านจะทำให้ท้องทะเลนั้นนิ่งสงบลง
ท่านอย่ามุ่งแต่จะกระทำที่ท้องทะเล
หรือมุ่งแต่จะกระทำที่จิตของท่านเลย
มันไม่มีวันได้ผลอย่างที่คิดต้องการหรอก

การพยายามเก็บกดอารมณ์ไม่สมดุลนั้นไว้
การพยายามข่มขืนจิตใจตนเอง
คือ ตัวอย่างที่อุปมาว่ากระทำที่ท้องทะเลนั่นล่ะ

ถ้าหนทางที่ถูกต้อง
ที่จะทำให้ท้องทะเลนิ่งสงบได้
คือการกระทำให้ลมพายุ
ผู้เป็นเหตุให้ทะเลบ้าคลั่งสงบลงโดยพลันแล้ว

หนทางที่ถูกต้อง
ที่จะทำให้สภาวะจิตของท่านนิ่งสงบได้
คือการกระทำให้ "เหตุแห่งความไม่สงบ" ของจิต
มันสงบลงอย่างไร้พิษสงโดยพลัน
หรือดูแลมันให้ "สงบไว้" ตลอดไปนั่นเอง

วิธีที่จะจัดการกับทุกเงื่อนไขทุกสาเหตุ
มิให้มันทำให้จิตของท่านบ้าคลั่งเสียสมดุล
หรือวิธีจัดการจิตที่ไม่สมดุลแล้วให้มันสงบนิ่ง
เราได้ชี้แนวทางสร้างแนวคิดเอาไว้ให้แล้วว่า
จงหยิบเอา "มหาสติ" มาใช้เป็นเครื่องมือสิท่าน

มหาสติ 
ประกอบด้วย "สติ" สามประการ คือ

1.การรู้สติ จะช่วยให้ท่านฉลาดทางสังคม
2.การมีสติ จะช่วยให้ท่านฉลาดทางอารมณ์
3.การใช้สติ จะช่วยให้ท่านฉลาดทางปัญญา

ขอท่านทั้งหลายจงเร่งนำไปใช้ในชีวิต
เพื่อก้าวไปสู่ประตูแห่งการหลุดพ้น
อย่างพร้อมเพรียงกันในชาตินี้ให้จงได้
ก่อนที่วาระสุดท้ายแห่งการปิดยุค 
56 วัน หรือ 8 ราตรีจะมาถึงกันเถิดนะ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-04-2016

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

ความรู้ ทั้ง 4 ประเภท





เกิดเป็นมนุษย์
จะหยุดการเรียนรู้ไม่ได้
ทุกๆประเภทของความรู้
ทั้ง 4 ประเภท ที่มีอยู่จริงในจักรวาลนี้
ล้วนเป็นสิ่งสมควรเรียนรู้ให้ได้รู้ทั้งสิ้น
1.ความรู้ที่อยากรู้ ต้องรีบเรียนรู้ทันทีที่พบเจอ
2.ความรู้ที่ไม่อยากรู้ เพราะเรียนรู้มาบ้างแล้ว
ก็ต้องเร่งเรียนรู้ เพื่อพิสูจน์ว่าที่รู้อยู่แต่เดิมนั้น
มันเรียนรู้มาผิดหรือถูกแค่ไหน อย่างไร
3.ความรู้ที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้
ท่านก็สมควรที่จะตั้งใจเรียนรู้
เพื่อให้ได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรเสียก่อน
เพราะถ้าไม่เรียนรู้แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า
อะไร เป็นอะไร อย่างไร
เมื่อท่านรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร
ท่านก็จะได้คำตอบเองว่า
ทำไมท่านจึงต้องเรียนรู้
หรือว่าทำไมครูจึงนำมาสอนท่าน
4.ความรู้ที่ไม่รู้ว่าท่านยังไม่รู้
ความรู้ประเภทนี้เป็นปัญหาของทุกคน
ที่เกียจคร้านการเรียนรู้
ที่เลือกจะเรียนรู้แต่สิ่งที่อยากรู้
ที่เลือกจะเรียนรู้
กับครูที่ตนศรัทธาพิเศษเท่านั้น
จึงพลาดโอกาสในการเรียนรู้บางความรู้
ที่ตัวเองยังไม่รู้นั้นไปอย่างน่าเสียดาย
ดังนั้น
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านว่า
ท่านจะเลือกเรียนรู้ไม่ได้
ต้องเรียนรู้ทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ต้องเรียนรู้ทุกสิ่งที่เป็นความรู้
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26-04-2016

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

คนที่ถูกเรียกว่า "คนโง่"






เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
คนที่ถูกเรียกว่า "คนโง่" นั้น
มิได้หมายถึงคนที่มีความบกพร่องทางสมอง
แต่หมายถึงคนที่มีสมองมีปัญญา
แต่เข้าถึงความฉลาดทางปัญญาของตนไม่ได้
และที่เข้าถึงความฉลาดทางปัญญาไม่ได้
ก็เพราะว่า "คิดไม่เป็น"
สาเหตุที่คิดไม่เป็นก็เพราะว่า
1.ได้แต่นึก:
นั่นคือ นึกได้ นึกเอา และนึกเอง
โดยใช้อารมณ์รู้สึกเป็นตัวขับเคลื่อน
เช่น อารมณ์ดีก็จะนึกบวก
หากอารมณ์ร้ายก็จะนึกลบ
2.ตั้งคำถามไม่เป็น:
นั่นคือ แม้ตนต้องการจะรู้คำตอบอะไร
แต่ก็ตั้งคำถามตนเองเพื่อให้ได้คำตอบ
ตามที่ตนต้องการนั้นไม่เป็น
ที่ตั้งคำถามตนเองไม่เป็นก็เพราะว่า
มีคนอื่นช่วยคิดแทนให้เสียจนเคยตัว
จึงขาดทักษะด้านการคิด
3.ขาดสติง่าย:
นั่นคือ เป็นคนอ่อนไหวกับการถูกยั่วยุง่าย
เมื่อได้รับการยั่วยุก็จะเสียสมดุลทางอารมณ์
เมื่อเสียสมดุลทางอารมณ์แล้ว
ก็มักจะใช้อารมณ์ที่ไม่สมดุลนั้น
แสดงออกหรือกระทำแทนการใช้ปัญญา
จนก่อความผิดพลาดและผิดบาปอยู่เสมอ
ดังนั้น
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
"ความฉลาดทางปัญญา" นั้นสร้างได้
เพียงแค่ท่านจักต้องครองคุณสมบัติด้านบวก
ใน 3 ประการตามที่กล่าวมาแล้วนั้นให้ได้
กล่าวคือ
1.ท่านต้องไม่ดีแต่นึกด้วยจิต
แต่ท่านต้องฝึกคิดด้วยสมองด้วย
2.ท่านต้องฝึกสร้างกระบวนการคิด
เพื่อเพิ่มพูนทักษะการตั้งคำถามตนเอง
ให้สอดคล้องกับคำตอบ
ที่ท่านต้องการให้ได้ก่อน
3.ท่านต้องมีทักษะในการควบคุมอารมณ์
ไม่ให้อ่อนไหวง่ายเมื่อถูกยั่วยุ
นั่นคือการที่ท่านต้องเป็นผู้ "มีสติ"
ด้วยการใช้ Chicken Model ของ อ.ปริญญา
ดังต่อไปนี้ คือ
1) ฉลาดรับรู้ ฉลาดไม่รับเอา
นั่นคือให้เลือกรับรู้แต่เฉพาะสิ่งที่เป็นสาระ
และให้ปฏิเสธสิ่งที่จะทำให้ท่านเสียสมดุล
โดยละวางประเด็นนั้นลงเสียให้ได้
อย่าไปเสียเวลาใส่ใจมันเลย
2) ฉลาดรับรู้ ฉลาดรับเอา
นั่นคือการเลือกที่จะใส่ใจเรียนรู้แต่สิ่งสาระ
แล้วก็รับเอาสาระนั้นมาสร้างงความปลื้มปิติ
หรือความภาคภูมิใจให้ตนเอง
3) ฉลาดที่จะไม่รับรู้ ฉลาดที่จะไม่รับเอาอะไร
เพราะในชีวิตประจำวันของท่านนั้น
อาจมีบางครั้งที่ท่านจักต้องยอมปล่อยวาง
บางสิ่งที่ท่านคุ้นชินกับมันอยู่แล้ว
โดยไม่ไปเสียเวลาให้กับมันอีก
เช่น ถ้าสามีท่านเป็นคนจู้จี้ขี้บ่น
เขาก็คงจะขี้บ่นอยู่เป็นอาจิณแล้ว
ตั้งแต่แต่งงานกันมาหลายปี
สามีก็คงจะขี้บ่นเสียจน
ภรรยาชินหูกันบ้างแล้วแหละนะ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
25-04-2016

Come Back to Your Hometown. This is My Plea

Come Back to Your Hometown.
This is My Plea