วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

จงค้นหาสาระ ในสิ่งที่ไร้สาระ




เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
อันสิ่งแวดล้อมรายรอบตัวท่านนั้น
ล้วนเต็มไปด้วย "สิ่งไร้สาระ" สำหรับท่าน
มากกว่า "สิ่งที่มีสาระ" นับเท่าไม่ถ้วน
ท่านรู้หรือไม่ว่าเพราะ "สิ่งไร้สาระ"
จากสิ่งแวดล้อมรายรอบตัวท่านนี่แหละ
ที่มันทำให้ท่านทั้งหลาย
ต้องกลายเป็น "คนไร้สาระ" กันตลอดมา
สิ่งที่มีสาระสำหรับท่านนั้น
เราหมายถึงสิ่งใด เรื่องใด สถานการณ์ใดก็ตาม
ที่ท่านได้พบพานผ่านเผชิญแล้ว
มันให้คุณแก่ท่าน
มันให้ประโยชน์แก่ท่าน
มันให้ความสุขแก่ท่าน
เป็นต้นว่าถ้าท่านมีปฏิสัมพันธ์กันกับใครแล้ว
พฤติกรรมของเขาทำให้ท่านรู้สึกดี
พฤติกรรมของเขาทำให้ท่านมีความสุข
พฤติกรรมของเขาทำให้ท่านได้รับประโยชน์
นี่ย่อมเป็น "สิ่งที่มีสาระ" สำหรับท่านนั่นเอง
ส่วน "สิ่งที่ไร้สาระ" สำหรับตัวท่านนั้น
เราหมายถึงสิ่งใด เรื่องใด สถานการณ์ใดก็ตาม
เมื่อท่านได้พบพานผ่านเผชิญแล้ว
มันให้โทษแก่ท่าน
มันไร้ประโยชน์สำหรับท่าน
มันทำให้ท่านเกิดทุกข์หมดสุขไม่สนุก
นี่ย่อมเป็น "สิ่งที่ไร้สาระ" สำหรับท่านนั่นเอง
สำหรับผู้ที่ยังคนตนเองให้เป็นมนุษย์ไม่สำเร้จ
มักจะสับสนในบทบาทหน้าที่ของตนเอง
ทั้งสองประการ คือ ......
1.เผชิญใคร สิ่งใด เรื่องใด สถานการณ์ใด
จักต้องเรียนรู้คนนั้น สิ่งนั้น เรื่องนั้น สถานการณ์นั้น
เท่าที่ความสามารถตนเองมีอยู่ให้จงได้
แต่ผู้ที่คนยังไม่สำเร็จ
ก็มักไม่สามารถที่จะเรียนรู้อะไรๆ
ตามบทบาทหน้าที่ของตนเองได้
ที่เรียนรู้กันไม่ได้เพราะไม่รู้ว่า
ตนมีหน้าที่ต้องเรียนรู้
ที่เรียนรู้กันไม่ได้ก็เพราะว่า
คนส่วนใหญ่ยังคิดไม่เป็น
ที่คิดไม่เป็นเพราะได้แต่นึกด้วยจิต
โดยไม่ฝึกคิดด้วยสมองของตนเองเลย
2.เผชิญใคร สิ่งใด เรื่องใด สถานการณ์ใด
ก็จักต้องหยิบยื่นความรักบริสุทธิ์
ให้แก่คนนั้น สิ่งนั้น เรื่องนั้น สถานการณ์นั้น
อย่างเต็มความสามารถของตนเองให้จงได้
ผู้ที่คนยังไม่สำเร็จก็มักไม่สามารถที่จะ
รักใคร รักสิ่งใด รักเรื่องใด รักสถานการณ์ใด
ตามบทบาทหน้าที่ของตนเองได้
ดังนั้น....
พวกท่านที่เป็นคนส่วนใหญ่ทั้งหลาย
จึงมักชอบหยิบเอา "สิ่งที่ไร้สาระ" ของผู้อื่น
เช่น พฤติกรรมขยะของคนรอบข้าง
มาเป็นเงื่อนไขในการสั่นสะเทือน
อารมณ์รู้สึกนึกคิดของจิตท่านเสมอ
แน่นอนว่า...
เพราะมันล้วนเป็นพฤติกรรมขยะของเขา
ซึ่งเป็น "สิ่งที่ไร้สาระ" ของท่านไงล่ะ
เมื่อท่านนำมันมาเป็นเงื่อนไขด้านลบ
โดยยอมให้มันกระทบจิตใจท่านเมื่อไหร่
พวกท่านก็จะพากันสอบตกบททดสอบเหล่านี้เสมอ
ด้วยการต่อสู้ ตอบโต้ ต่อต้าน หลีกเลี่ยงสิ่งที่ไร้สาระ
ซึ่งท่านหยิบมันมาเป็นเงื่อนไขดังว่านี้โดยพลัน
เพราะพวกท่านเก็บกดอดกลั้นกันไม่ไหวนี่แหละ
มันจึงยังผลให้ท่านต้องกลายเป็น
คนที่ไร้สาระสำหรับคนอื่นๆไปทันทีเช่นเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้เอง
วันๆหนึ่งพวกท่านจึงสอบตกบททดสอบเช่นนี้เสมอ
เพราะมักหยิบเอาสิ่งที่ไร้สาระสำหรับท่านมาจากผู้อื่น
มาเป็นเงื่อนไขด้านลบของตนเอง
จนก่อชะตากรรมและวิบากกรรมใหม่ๆ
ให้แก่ตนเองกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เพราะไม่เข้าใจและไม่อาจรู้เท่าทันได้ว่า
ไหนคือสิ่งที่มีสาระ
ไหนคือสิ่งที่ไร้สาระสำหรับท่าน
อีกทั้งยังขาดปัญญาที่จะเรียนรู้ด้วยว่า
ท่านควรที่จะค้นหา......
สิ่งที่เป็นสาระสำหรับท่าน
จากสิ่งที่ไร้สาระของคนอื่นๆ
ในมุมมองของท่านนั้นให้พบ
เมื่อพบแล้วก็ให้นำเอาสิ่งดีๆที่มีสาระที่พบนั้น
มาเติมเต็ม "ความมีสาระ" ให้แก่ตัวท่านเองสืบไป
นี่เพียงแค่ท่านใด....
ปฏิเสธคำกล่าวของเราเหล่านี้
ในทันทีที่ได้อ่านได้รู้
โดยมองว่าทุกถ้อยวจีของเรา
ล้วนเป็นคำกล่าวที่ไร้สาระสำหรับท่านแล้ว
มันก็ยิ่งจะเป็นการปฏิเสธสิ่งที่มีสาระ
เพื่อชี้วัดความเป็นคนที่ไร้สาระของท่านด้วย
เอเมน....สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-05-2015

โลกมีภูเขาไฟไว้ทำไม




มนุษย์บางคนได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่อง
ภูเขาไฟบาร์เร็น Barren Volcano
ที่ยังคงคุกรุ่นและปะทุอยู่เรื่อยๆ ในมหาสมุทรอินเดีย
ในทำนองที่จะทำให้พี่ๆน้องๆเชื่อตาม
จนยังความประมาทให้เกิดขึ้น
อันอาจเกิดการสูญเสียมากมายในวันข้างหน้าได้
เขากล่าวกันว่าดั่งนี้......

"พลังงานของภูเขาไฟอยู่ในระดับต่ำ
โอกาสที่จะระเบิดรุนแรง
เกินไปกว่า VEI ขนาด 2 จึงมีน้อยมาก

แม้มีความเชื่อมโยงกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 9.1
ในสุมาตราปี 2004

หรือแผ่นดินไหว 7.8 ในเนปาล
ที่เพิ่งเกิดไปก็ตาม
โอกาสเกิดสึนามิจึงมีน้อยมากเช่นเดียวกัน"

เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พระบิดาทรงกำหนดสร้างภูเขาไฟขึ้นไว้
ในทวีปต่างๆทั่วทั้งโลก
ทั้งบนบกและใต้ทะเล
ทั้งที่พวกท่านพบแล้วและยังไม่พบ
ก็เพื่อวัตถุประสงค์สำคัญดังนี้

1.เพื่อให้มนุษย์โลกทั้งหลายได้รู้ว่า
ภายในของโลกทางกายภาพนั้น
มีความร้อนสูงอยู่
เนื่องจากทรงรู้ดีว่า
มนุษย์ไม่สามารถดำดิ่งลงไปในแกนโลก
เพื่อพิสูจน์ความจริงได้ง่ายๆ

2.เพื่อให้มนุษย์ฉุกคิดว่า
ทำไมภายในโลกจึงยังคงร้อนแรงอยู่
ทั้งๆที่ดาวโลกถูกสร้างขึ้นมานานนับล้านปีแล้ว
โลกมีอะไรเกิดขึ้นข้างในหรือ
จึงก่อให้เกิดความร้อนสูงอยู่ตลอดมา
โดยไม่มีทีท่าว่าจะเย็นลงตามกาลเวลาเลย

3.เพื่อให้มนุษย์เข้าใจในความจริง
ที่ทรงเมตตากล่าวผ่านมาทางเราได้ว่า

ความรักจากจิตมนุษย์
ทำปฏิกริยากับบางสิ่งที่ทรงติดตั้งไว้ในแกนโลก
จนเกิดการระเบิดขึ้นรุนแรงและต่อเนื่อง
อันยังผลให้โลกเกิดการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง
ได้อย่างต่อเนื่องมาจนตราบกระทั่งทุกวันนี้

ซึ่งตัวชี้วัดความรู้ใหม่นี้ว่าจริงแท้แน่นอนก็คือ
ลาว่าแดงฉานที่ร้อนแรงที่พ่นผ่านออกมา
จากปากท่อภูเขาไฟนั่นปะไร

4.เพื่อใช้เป็นช่องทางหรือปล่อง
ระบายความเครียด
หรือลด "ความดันในแกนโลก"
ด้วยการปรับให้สมดุลเอาไว้ตลอด

ในกรณีที่บางวันเวลา
เกิดแรงดันภายในสูงเกินพิกัด
จนอาจสามารถทำให้ดาวโลกแตกระเบิดได้
เหมือนดาวบางดวงในจักรวาลของพระองค์
ที่เคยแตกสลายจากการระเบิดจากข้างในมาแล้ว

ซึ่งหลักการใช้งานก็มิได้ต่างไปจากรถบัส
ที่ใช้ระบบถุงลมนั่นเอง

กล่าวคือ....
ถ้าภายในระบบเครื่องยนต์มีแรงดันสูงเกิน
วาล์วก็จะเปิดเพื่อเป็นช่องระบายลม
ที่ก่อให้เกิดแรงดันสูงนั้นออกมา
จนอยู่ในระดับปกติและปลอดภัย

สำหรับภูเขาไฟที่ปะทุ
จนพ่นเถ้าถ่านหรือลาว่าออกมาจากปล่องก็เช่นกัน
มันคือการระบายความเครียด
เพื่อลดความดันภายในแกนโลกนี่เอง

5.เมื่อภูเขาไฟถูกกำหนดขึ้นใช้เพื่อวัตถุประสงค์นี้
เราจึงขอเตือนท่านทั้งหลายว่า
ไม่ว่าสำนักไหนที่วิจารณ์ว่าภูเขาไฟลูกไหน
ไม่ระเบิด ไม่ปะทุแรงๆ ก็อย่าได้วางใจเชื่อ
เพราะพวกเขาเอาแต่ประวัติศาสตร์มาอ้าง
เพราะไม่รู้ความจริงของพระบิดา

สำหรับปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่นี้
ภายในแกนโลกจะเกิดความเครียดสูงมาก
เพราะมีการระเบิดแบบ Nuclear Fission
ที่ไม่สม่ำเสมอ

เพราะห่วงโซ่ปฏิกริยาที่แกนโลก
เกิดการขาดตอนบ่อยครั้ง
เนื่องจากจิตสำนึกด้านบวกของมนุษย์
เกิดการบกพร่องเพราะตกต่ำรุนแรง
ทำให้แกนโลกขาดแคลนเชื้อเพลิง
ที่ใช้ในการจุดระเบิด

ความจำเป็นที่จะต้องใช้ปล่องภูเขาไฟ
ระบายความเครียดภายในแกนโลก
ในอนาคตอันใกล้นี้จึงมีโอกาสสูงยิ่ง

ต่อนี้ไปทั้งภูเขาไฟเก่าและใหม่
จะถูกช่างเท็คนิกจากนอกระบบ
เข้ามากระทำการเจาะทะลวงท่อเก่าให้โล่ง
ดังที่พวกท่านได้เห็นการปะทุมาแล้วพร้อมกัน
ของภูเขาไฟเก่า จำนวน 32 ลูกนั่นล่ะ

พร้อมๆกับจะเจาะท่อใหม่ๆเตรียมการไว้ล่วงหน้า
ที่พวกท่านจะตะลึงว่ามีภูเขาไฟใหม่เกิดขึ้น
ซึ่งเราเคยกล่าวเปิดเผยแผนการให้รู้กันไปแล้วว่า
ภูเขาไฟใหม่ในย่านนี้จะมีให้เห็น เช่น
ที่บริเวณภูเขาซึ่งต่อแดนราชบุรีกับพม่า
ที่บ้านกุดฉิม อ.ภูเรือ จ.ขอนแก่น เป็นอาทิ
แม้กระทั่งด้านท้องทะเลอ่าวไทยกับอันดามัน

ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งเชื่อเรา
เพราะเรากล่าวความจริงในสิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้น
เรากล่าวถึงความจริงของอนาคต...รอพิสูจน์ได้

ท่านทั้งหลายก็อย่าเพิ่งเชื่อพวกเขา
เพราะพวกเขากล่าวความจริงในอดีต
เป็นอดีตที่มันยังไม่เคยปรากฏเกิดขึ้น
เพราะพวกเขากล่าวถึงอนาคต
โดยใช้อดีตเป็นบรรทัดฐาน
ซึ่งพวกเขาไม่เคยรู้ว่า

"วิทยาศาสตร์ทางจิต" เป็นจริตของแก่นแท้
"วิทยาศาสตร์ทางกายภาพ" เป็นจิตหยาบคาดคะเน

เอเมน...สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
5-05-2015