วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

พลัง จิตใต้สำนึก (2)


 
 
 
 
เราเชื่อว่าท่านทั้งหลาย
คงได้ทำความรู้จักกับพลังอำนาจทางจิตวิญญาณ
ซึ่งชาวโลกเรียกกันว่า "พลังจิตใต้สำนึก"
ที่ตัวท่านเองล้วนมีอยู่กันมากขึ้นบ้างแล้วนะว่า
ท่านจะไปยุ่งเกี่ยวแทรกแซงกระบวนการไม่ได้

เพราะมันเป็น "พลังอำนาจทางจิตวิญญาณ"
ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านเป็นผู้ใช้มัน
เพื่อคอยสั่นสะเทือนตามจิตสำนึกของท่าน
ในกระบวนการหมุนธรรมจักรหรือกรรมจักรเท่านั้น

ถ้าท่านใช้วิธีฉ้อฉลจิตใต้สำนึก
เพื่อหมายเอาพลังอำนาจพิเศษมาใช้ประโยชน์
ด้วยวิธีการที่ผิดธรรมชาติหรือด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง
นั่นเท่ากับว่าตัวท่านเป็นเหตุให้จิตวิญญาณของท่าน
ไม่สามารถทำสามเหลี่ยมกับพระผู้เป็นเจ้า
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของตนเองได้
จิตวิญญาณของท่านและตัวท่านเอง
จึงเสมือนถูกตัดขาดความสัมพันธ์กับพระองค์ไปทันที

เพราะเหตุว่าจิตใต้สำนึกของท่าน
มัวแต่สั่นสะเทือนเพื่อตอบสนองในสิ่งที่ท่านต้องการ
อย่างงุ่นง่านงมงายอยู่แต่ในระบบโลก
ซึ่งเป็นการให้บำเหน็จรางวัลแก่ตัวท่านเองโดยแท้

แทนที่จะส่งคลื่นพลังแห่งจิตใต้สำนึก
ขึ้นไปกราบพระบาทถวายรายงานต่อพระองค์
ณ จุดศูนย์กลางแห่งมหาจักรวาลนอกระบบเอกภพ
ในความดีงามใดๆที่ท่านได้กระทำอยู่นั้น
เพื่อพระองค์จะได้ประทานบำเหน็จอันเหมาะสม
ให้แก่ท่านด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง
จึงนับว่าน่าเสียดายเป็นที่ยิ่ง

การแทรกแซงกระบวนการทางจิตใต้สำนึก
ที่ทำให้มนุษย์ขาดการติดต่อกับพระบิดาก็คือ
การสั่นสะเทือนจิตสำนึกเพื่อทำความดีงามใดๆ
แล้วตั้งเป้าหมายว่าต้องการจะได้รับสิ่งตอบแทน
จากการกระทำความดีงามของท่านนั้น

เพราะสิ่งตอบแทนความดีที่ท่านทำแล้วร้องขอนั้น
ส่วนใหญ่จะเป็นความสำเร็จ ความร่ำรวย
ความมีโชคลาภ ความสมหวัง หรือความแคล้วคลาด
โดยที่สิ่งเหล่านี้นั้นมันเป็นเรื่องทางโลก
พระเจ้าหรือพระบิดาทรงประทานให้ท่านไม่ได้
เพราะในแดนสุญตาของพระองค์ "ไม่มี" จะให้ท่าน

พระองค์ทรงมีเพียงความรู้ ความรัก
ความจริงหรือข้อสัจธรรม และหน้าต่างแห่งโอกาส
ที่พร้อมจะประทานให้แก่บุตรที่ดีทั้งหลาย
ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองเท่านั้น

นอกจากนั้นเพราะท่านทั้งหลา
ได้ตัดขาดการติดต่อกับพระบิดามายาวนาน
จึงยังผลให้พลังอำนาจทางจิตวิญญาณ
ที่เรียกว่าพลังแห่งจิตใต้สำนึกของท่าน
รังแต่จะลดน้อยถอยลงไปทุกทีด้วย
เนื่องจากใช้ไปแล้วมิได้รับการเติมเต็ม

ท่านจึงมีอาขุขัยของกายสังขารสั้นลง
ท่านจึงมีระดับสติปัญญาตกต่ำลง
ท่านจึงมีปัญหาในการรวมจิตหยาบกับกายหยาบ
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณตนเอง เป็นต้น

ความเสื่อมทั้งสามประการที่กล่าวมานี้
มันคือคุณสมบัติด้านลบของมนุษย์โลกเสรี
ที่ยังผลให้ท่านล้วนสอบตกบททดสอบจิตสำนึก
ที่ยังผลให้ท่านนำพาจิตวิญญาณหลุดพ้นไม่สำเร็จ

เราจึงจะขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมดีงามเมื่อไหร่
ขอเพียงกำหนดวัตถุประสงค์ในการกระทำให้ชัด
แล้วคิดค้นหาวิธีการปฏิบัติ
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้นก็พอแล้ว
โดยมิพักต้องตั้ง "เป้าหมาย" หรอกว่า
ถ้าทำแล้วท่านจะได้อะไร จะได้เท่าไหร่
จะได้บำเหน็จนั้นเมื่อใด เป็นต้น

โดยใช้หลัก PARINYA MODEL
ว่าด้วย 3 เต็มดังนี้ คือ ...............

1.ทำให้ "เต็มที่" หรือเต็มพลังสามารถ
2.ทำให้ "เต็มเวลา" เท่าที่มีให้ท่านทำ
3.ทำอย่าง "เต็มใจ" ที่จะทำ
ด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลินกับการกระทำนั้น

จงจำไว้ว่าถ้าท่านต้องการผลลัพธ์ คือ 2
ท่านก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปอยากได้ 2
ด้วยการเอาจิตใจไปจดจ่ออยู่กับ 2 เลย
สิ่งที่ท่านสมควรทำก็คือใช้สติปัญญาคิดค้น
เพื่อหาคำตอบให้ได้ว่า
ท่านต้องเอาอะไรบวกกับอะไรจึงจะได้ 2

แปลว่าท่านจะต้องให้ความสำคัญกับ "วิธีการ"
ที่จะให้ได้มาซึ่ง "ผลลัพธ์" ที่ต้องการคือ 2 นั้น
มิใช่มุ่งเน้นแต่ "ผลลัพธ์" ที่ต้องการ
โดยไม่ใส่ใจวิธีการที่จะได้มันมา

ดังเช่นท่านอยากรวยด้วยการเอาแต่ถามตนเองว่า
"เมื่อไหร่ฉันจะรวยกับเขาซะทีนะ"
แทนที่จะถามหาวิธีที่จะทำให้ท่านรวย
ท่านย่อมไม่มีวันรวยกับเขาได้หรอก
เพราะจิตใต้สำนึกไปหาความรวยมาให้ไม่ได้
มันไม่รู้จักและไม่เข้าใจว่าตัวรวยหน้าตาเป็นไง

ใครปรารถนาจะเรียนรู้เรื่องจิตใต้สำนึกต่อ
ก็ชูมือขึ้นอีกครั้งก็แล้วกันนะ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13-07-2016