วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เพราะความรักเท่านั้น




พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
<3 p="">พระองค์จึงมิทรงปล่อยวางสิ่งใด
ให้เลือนหายไปจากความทรงจำ
<3 p="">พระองค์จึงทรงบัญชาให้บุตรเอกแต่ละพระองค์
ผลัดกันเข้ามาจุติเพื่อทำหน้าที่กล่าวพระโอวาท
ประกาศพระวจนะ ชำระอธรรมและอวิชชา
เพื่อสร้างสติทางวิญญาณและชี้ทางกลับบ้าน
ให้แก่ท่านทั้งหลายในทุกยุคสมัย
<3 p="">ในปฏิบัติการชำระโลก ครั้งที่ 4
เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่ในขณะนี้
พระองค์จึงทรงบัญชาให้โลกเสรีได้มี "เรา"
เข้ามานำพาแก่นแท้ของท่านกลับบ้าน
ผ่าน #ด่านนภาลัย ประตูมิติแห่งการหลุดพ้น
<3 p="">จึงมีท่านทั้งหลายถูกสร้างขึ้นมาใหม่ได้
<3 p="">จึงมีบุตรหลานอันน่ารักน่าชังบังเกิดได้
<3 p="">จึงช่วยท่านให้อภัยแก่ใครก็ได้
<3 p="">จึงช่วยให้ท่านยอมรับใครที่ทำตัวไร้สาระได้
<3 p="">จึงช่วยให้ท่านรักษาสัมพันธ์ให้มั่นคงไว้ได้
<3 p="">จึงช่วยท่านระวังตนมิให้ก้าวล่วงผู้อื่น
จนต้องก่อเวรเกี่ยวกรรมกับใครได้
<3 p="">จึงจะช่วยให้ท่านมีจิตใส ใจสวย
รวยสติ มากมีความฉลาดทางปัญญา
รู้เห็นคุณค่าตนเองและผู้อื่นเสมอ
<3 p="">จึงจะช่วยให้ท่านเชื่อมั่นในองค์พระบิดา
มีศรัทธาในภารกิจทางจิตวิญญาณ
และทำนิพพานให้แจ้งแก่ตนเอง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
30-08-2017

บททดสอบ




นี่เป็นตัวอย่างบททดสอบว่า
โดยจะขยันส่งกันมาให้จากคนรอบข้าง
บนเส้นทางแห่งการหลุดพ้น
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทิปัญญา
29-08-2017

วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

อย่าท้อแท้ในการทำดี




กราบพระบาทพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27-08-2017

ผลกรรมของการทานเนื้อ




พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงว่า
การตัดรอนอายุขัยผู้อื่นให้สั้นลง
ทำให้เขาหมดโอกาสทำภารกิจ
เพื่อพระบิดาต่อไปจนครบอายุขัยจริงได้นั้น
ทั้งผู้กระทำและผู้ร่วมกระทำ
จักต้องชดใช้ด้วยอายุขัยจริงของตนเอง
เท่ากับจำนวนอายุขัยของเขาที่ถูกท่านตัดรอน
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27-08-2017

พฤติกรรม จิตสามนึก




พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
การแสดงออกหรือกระทำพฤติกรรมใดๆนั้น
สำหรับมนุษย์โลกทั้งหลายแล้ว
ขับเคลื่อนออกมาจาก #จิตสามนึก ทั้งนั้น
ถ้าเป็นพฤติกรรมด้านดี
ก็จะขับเคลื่อนออกมาจาก
#จิตสามนึกที่รู้สำนึก
ถ้าเป็นพฤติกรรมด้านที่ไม่ดี
ก็จะขับเคลื่อนออกมาจาก
#จิตสามนึกที่ไร้สำนึก
สำหรับ "จิตสามนึก" นั้น
ประกอบด้วยจิตที่มีหน้าที่ #นึก อยู่ 3 ดวง คือ
1.ดวงจิตที่ทำหน้าที่ "นึกออก"
เมื่อนึกออกได้ก็แสดงว่า #จำได้ แล้ว
นิสัยธรรมดาของมนุษย์ส่วนใหญ่
ล้วนเป็นคนที่มักจะ "นึกออก"
หรือจดจำได้แต่เรื่องร้ายๆทั้งนั้น
2.ดวงจิตที่ทำหน้าที่ "นึกเอา"
เมื่อมีการนึกเอาอะไรใหม่ๆขึ้นมาได้แล้ว
ก็จะเรียกมันว่า "ความคิดสร้างสรรค์"
แต่ถ้าสิ่งที่นึกเอาได้แล้วนั้น
เป็นความก้าวร้าว ก้าวล่วง ทำลาย
แม้จะเป็นสิ่งใหม่ก็จัดว่าไม่สร้างสรรค์
ถือเป็นการ #นึกลบ ทันที
3.ดวงจิตดวงที่สามของมนุษย์นี้
ทำหน้าที่ "นึกเอง" อย่างเดียว
โดยการนึกเองนั้นในที่นี้
หมายถึง #การนึกคิดแทนคนอื่น
คำว่า "นึกแทน" คนอื่นนั้น
หมายถึง การนึกเดาเอาเองว่าคนอื่นๆ
จักต้องมีอารมณ์รู้สึกนึกคิดอย่างนั้นอย่างนี้
แล้วปักใจเชื่อไปตามที่ตนเดานั้นว่าใช่แน่
โดยไม่มีเหตุผลหรือข้อเท็จจริงใดรองรับ
ถ้าการนึกเอาเองที่ว่านี้
เป็นการนึกคิดแทนคนที่ตนไม่รักไม่ศรัทธา
เป็นการนึกคิดแทนคนที่ตนกำลังระแวงอยู่
ก็มักจะนึกไปเองว่าเขา
ต้องมีอารมณ์รู้สึกนึกคิดเป็นลบต่อตนเองเสมอ
คนประเภทวิตกจริต
คนประเภทขี้ระแวง
เป็นคนจำพวก "นึกเอง" ทั้งสิ้น
ด้วยจิตทั้งสามนึก หรือ "จิตสามนึก" นี่แหละ
ที่เป็นบ่อเกิดการแสดงออกหรือกระทำใดๆ
ของมนุษย์แต่ละคนในชีวิตประจำวัน
ทั้งด้านดีและด้านไม่ดี
ด้วยจิตทั้งสามนึกนี่แหละ
ที่สั่นสะเทือนขึ้นมาเมื่อใดก็ตาม
มันจะเป็น #มโนกรรม ของผู้นั้นทันที
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ไว้ด้วยว่า
การนึกคิดไปว่าคนอื่นๆ
ต้องคิดลบต่อตนเองแน่นอน
ทั้งๆที่ความจริงมิได้เป็นอย่างที่ท่านเดา
จนเป็นเหตุให้จิตท่านเสียสมดุลไป
นั่นเท่ากับว่าท่านได้ก่อกรรมทำผิดบาป
ด้วยการก้าวล่วงเขาไปแล้ว
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-08-2017

วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

มองไม่เห็นแก่นของไก่ในมายา จึงเข่นฆ่าพี่น้องได้ลงคอ






#มองไม่เห็นแก่นของไก่ในมายา
#จึงเข่นฆ่าพี่น้องได้ลงคอ
***************************
พี่น้องเอ๋ยขอเฉลยให้ได้รู้
ที่เห็นอยู่นามว่า "ไก่" ใช่ไหมเล่า
แม้รูปลักษณ์แปลกไปไม่เหมือนเรา
แต่ไก่เขามีแก่นแท้อยู่แน่นอน
อันตัวตนแก่นแท้ของแม่ไก่
ไม่ต่างไปจากคนจงสนก่อน
เป็นพี่น้องทางวิญญาณนิรันดร
ขอไหว้วอนหยุดปลิดชีวิตพลัน
แก่นแท้คนกับไก่มิได้ต่าง
พระผู้สร้างวางไว้ในสวรรค์
ให้แบ่งภาคลงมามิช้าพลัน
พวกหนึ่งนั้นเกิดกายเป็นไก่งาม
ไก่ทั้งหลายเป็นสัตว์ประจำโลก
เรื่องทุกข์โศกเศร้าหมองมิต้องถาม
อยู่คู่โลกเฝ้าโยงบอกโมงยาม
อย่าไถ่ถามนะนิพพานนั้นไม่มี
ส่วนพวกหนึ่งเกิดกายได้เป็น "คน"
ร่างปลอดขนไร้ปีกสมศักดิ์ศรี
มีสมองโตใหญ่กว่าไก่มี
มีหน้าที่ยิ่งใหญ่เหมือนไก่ทำ
คือ รักโลก รักกัน ด้วยพันธะ
ไม่กักขละเอาเปรียบทำเหยียบย่ำ
พ่อเดียวกันพี่น้องกันจงมั่นจำ
อย่าใจดำฆ่ากันกินสิ้นเมตตา
เพราะรูปลักษณ์ต่างกับคนที่ตนเห็น
ว่าไก่เป็นเพียงสัตว์จึงจัดฆ่า
มองไม่เห็นแก่นของไก่ในมายา
จึงเข่นฆ่าพี่น้องได้ลงคอ
เกิดเป็นคนพ้นกรรมมิทำบาป
ต่างก็ทราบชีวิตนี้แสนดีหนอ
ถึงนิพพานถ้ามีความดีพอ
แต่ไก่หนอเกิดแก่แค่โลกา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27-08-2017

ลูกแก้ว 2ดวง




ลูกแก้วสองดวง
ที่พระองค์ทรงประทานผ่านเรามา
ซึ่งเราได้มอบให้แด่ท่านไปแล้วนั้น
ยังอยู่ครบถ้วน ดูแลอย่างดี
สมบทบาท #นักสู้เพื่อการรู้แจ้ง กันอยู่มั้ย?


สาธุการแด่พระผู้เป็นเจ้าของเรา





กราบพระบาทองค์จิตจักรวาล
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์โลกเสรี
พระผู้ทรงกำหนดสร้างทุกสรรพสิ่ง
พระผู้เป็นเจ้าเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง

ลูกขอกราบพระบาท
เทอดพระเกียรติพระองค์ด้วยจิตสำนึกแห่งรัก

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26-08-2017

วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์




จงศรัทธาต่อพระองค์
มั่นคงในการก้าวตามเราไปให้ถึงที่สุด
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26-08-2017

รางวัลของคนชอบธรรม


มงกุฎแห่งชีวิต




บททดสอบของทุกท่าน
คือ ปัญหาทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ซึ่งมันมีทั้งยากและง่าย
จงอย่าได้หวั่นกลัว วิตกกังวล
ทุกปัญหาที่เผชิญ
ท่านสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าได้เรื่อยๆ
โดยมีข้อแม้ว่า
1.ท่านต้องกล้าเผชิญปัญหานั้น
ด้วยรู้เท่าทันว่ามันล้วนเป็นบททดสอบ
2.ท่านต้องเชื่อมั่นว่า
ท่านสามารถรับมือมันได้แน่
เพราะเชื่อว่าทุกปัญหาล้วนมี 2 สิ่งที่เป็นตัวช่วย
นั่นคือ #ตัวเลือก กับ #ทางออก
3.ท่านต้องใช้อำนาจในตนเองที่มีอยู่
เข้าจัดการกับทุกปัญหาให้ราบเรียบ
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พลังอำนาจทั้งสามประการนี้
มันล้วนมีอยู่ในตัวท่านเอง
อันเกิดจากการเรียนรู้และฝึกทักษะการใช้มัน
เมื่อท่านผ่านบททดสอบแล้ว
ท่านก็จะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตจากพระองค์
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26-08-2017

วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ทุกศาสนาล้วนเป็นสากล ทุกศาสนาล้วนเป็น 1 เดียว




การรับถือพระศาสดาพระองค์ใด
สำหรับมนุษย์แห่งโลกเสรีนี้นั้น

หมายถึงการเลือกดำเนินชีวิต
ตามพระธรรมคำสอน
แห่งพระศาสดาพระองค์นั้น
เพราะถูกจริตของท่าน

จงอย่าคิดเหมาเอาว่า
แนวทางแห่งพระศาสดาที่ท่านเลือกแล้ว
ถูกต้องถ่องแท้เป็นที่สุด
ยอดเยี่ยมที่สุดเหนือกว่าพระศาสดา
ในศาสนาอื่นๆ

เพราะนอกจากจะเป็นการก้าวล่วง
ให้ผิดบาปทางจิตวิญญาณแล้ว
ยังเป็นการแสดงออกทางปัญญาด้วยว่า
ไม่สูงส่งอีกต่างหากด้วย

เราขอกล่าวความจริงว่า

พระศาสดาแต่ละพระองค์นั้น
ท่านทรงเสด็จมาฉุดช่วยเวไนยคนละยุคสมัย
จะนำแต่ละพระองค์มาเปรียบเทียบว่า
พระองค์ใดเหนือกว่าพระองค์ใดย่อมมิบังควร
นอกจากท่านจะสำนึกว่าตนโชคด
ได้เกิดมาในยุคนี้ซึ่งเป็นยุคที่
มีแนวทางปฏิบัติสู่การหลุดพ้น
ให้เลือกเดินมากกว่าหนึ่งวิธีเท่านั้น

เพราะไม่่ว่าจะเลือกเดินตามวิถีใด
มรรคผลเบื้องปลายก็ #หลุดพ้นได้ ทั้งนั้น

พระศาสดาแต่ละพระองค์
มิใช่ "สิ่งของ" ที่ทรงมาจุติเพื่อ #เป็นผู้ถูกเลือก
โดยถ้าท่านถูกจริตพระองค์ใดก็ให้ #เลือกไว้
ถ้า #ไม่เลือกไว้ แทนที่จะน้อมคารวะดุจเดิม
ก็กลับ #คัดทิ้ง ด้วยการปฏิเสธหรือต่อต้าน
อันเป็นการคิดด้วยจิตมนุษย์ที่ทรุดโทรมยิ่ง

พระศาสดาทุกพระองค์ล้วนสูงส่งนัก
จงอย่าฉุดชักนำพระองค์ให้ลงต่ำ
ทำเหมือนว่าพระองค์เป็นเสมอเพียง "เจ้าลัทธิ"

ลองตรองดูเถิดว่าในครั้งอดีตกาลผ่านมา
ถ้าโลกเสรีนี้ว่างจากการมีพระศาสดาแล้ว
สังคมมนุษย์โลกเสรีแห่งนี้จักเป็นเช่นไร

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-08-2017

อภิปรัชญา (Meta-physics) พันธะสัญญา 6





#อภิปรัชญา (Meta-physics)

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

จนบัดนี้...
วันสิ้นสุดกาลเวลาโลกยุคพลังงานเก่า
ได้ล่วงเลยจาก 6 หมื่นปีมาได้ 800 ปีเศษแล้ว
บทสรุปของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ในสายพระเนตรของพระองค์ต่อมนุษย์โลกเสรี
ประเด็นที่ชัดเจนที่สุดก็คื

ยิ่งเนิ่นนานผ่านวันมา
ท่านทั้งหลายก็ยิ่งพากันหลงมิติมากขึ้น
โดยจิตหยาบของท่านจดจำกันไม่ได้แล้วว่า
ท่านยังมีจิตวิญญาณเป็นแก่นแท้อยู่ข้างใน

การทำอะไรตามใจตัว
รู้สึกชอบไม่ชอบอย่างไรก็ทำไปตามนั้น
มีอารมณ์แบบใดก็ทำไปแบบนั้น
เชื่อว่าอย่างไรก็ทำไปตามที่เชื่อนั้น
นึกว่าอย่างไรก็ทำไปตามที่นึกอยู่นั้น
โดยมิได้ใช้สติสัมปชัญญะปัญญา
ใคร่ครวญพิจารณาเสียก่อนว่า

สิ่งที่ตนจะพูดจะทำลงไปนั้น

1.#มันถูกต้องเหมาะสมดีงามหรือไม่
2.#จะพูดจะทำด้วยความรักหรือเปล่า
3.#จะพูดจะทำไปตามสำนึกแห่งการให้หรือเอา
4.#จะเป็นบาปบุญคุณโทษหรือเปล่า 

คำถามตนเองทั้ง 4 ประการนี้
เป็นเรื่องราวของ #จิตสามนึก เฉพาะตนล้วนๆ
ทั้งสี่คำถามแนวนี้แหละ
ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ปรารถนาสูงสุดที่จะให้จิตหยาบ
สั่นสะเทือนทุกครั้งก่อนจะพูดหรือทำสิ่งใด
ซึ่งตรงกับภาษาคุ้นชินของท่านว่า
คิดใคร่ครวญให้มั่นใจก่อนจะพูดหรือทำนั่นเอง

ดังนั้น
มนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกเสรีนี้
นอกจากจะบกพร่องต่อหน้าที่
ในพันธะสัญญา 6 ประการแล้ว
ยังเป็นตัวการทำลายสมดุลของระบบโลกด้วย

เพราะจดจำไม่ได้ว่าตนเองนั้
ยังมีจิตวิญญาณเร้นอยู่ข้างใน

ทั้งยังจำไม่ได้ด้วยว่าตนเองนั้นเป็นแค่เพียง
ผู้รับมอบอำนาจให้ทำหน้าที่แทน
แก่นแท้ของตนเท่านั้นเอง

ความสมดุลของระบบโลก
ที่ถูกมนุษย์ส่วนใหญ่ทำลายไปแล้วมีดังนี้

1.ทรัพยากรทางธรรมชาติบนพื้นโลก
จำพวกป่าไม้ ภูเขาหิน แม่น้ำ ลำคลอง
หนอง บึง ทะเลสาป และทะเล 
ถูกทำลายจนเสียสมดุล 

โดยผู้ทำลายมุ่งหวังกอบโกยประโยชน์
จากทรัพยากรโลกเพื่อตนและพวกพ้อง

เช่น สร้างคันเขื่อนกักกั้นแม่น้
ทำให้ระบบไหลเวียนพลังงานน้ำของโลก
สูญเสียสมดุลไปเพราะความเห็นแก่ตัว

เช่น การระเบิดหินทำลายภูเขา
ย้ายเอาไปสร้างตึกสร้างป่าคอนกรีตยังที่อื่น
อันเป็นการย้ายมวลหนักๆจากที่หนึ่ง
เอาไปวางยังอีกพิกัดหนึ่งที่ห่างไกลออกไป
ซึ่งเดิมทีภูเขาทั้งหลายในธรรมชาตินั้น
พระบิดาผู้ทรงกำหนดสร้างได้จัดวางไว้
อย่างสมดุลดีอยู่แล้ว

เพราะถ้าจัดวางตำแหน่งภูเขา ที่ราบ
ท้องน้ำ ทะเล และมหาสมุทร ไม่ถูกที่
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้ก็จะไม่สมดุล
เมื่อเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองก็จะโคลงเคลง
ที่เรียกว่าเกิดอาการแกว่งส่ายนั่นแหละ

เมื่อแต่เดิมสมดุลดีอยู่แล้
แต่มนุษย์ผู้อาสาพระบิดามาพิทักษ์โลก
กลับไม่ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์
เพราะลืมพันธะสัญญาที่เคยให้ไว้ต่อพระบิดา
หลงลืมว่าตนเองมีจิตวิญญาณอยู่ข้างใน
ทั้งกลับทำตัวเป็น #ผู้ทำลายโลกเสียเอง
ด้วยการโยกย้ายภูเขาเอาไปไว้ที่อื่น
โดยแปรสภาพเป็นอาคารวัตถุเท็คโนโลยี
แข่งกันสร้างความสูง ความสวย
อวดความร่ำรวย อวดเท็คโนโลยีแทน
จนลืมพันธะหน้าที่ของแก่นแท้ไปหมดสิ้น

2.อำนาจแม่เหล็กโลกและสนามแม่เหล็กโลก
ถูกทำลายลงจนเสียสมดุล

ลักษณะการทำลายมีสองรูปแบบ คือ
แบบแรกเกิดจากการสร้าง
สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียมขึ้นมาใหม่
จากเครื่องมือเครื่องใช้ระบบไฮเทค
ทั้งที่มีขนาดเล็กและขนาดใหญ่
ที่สามารถสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียม
ขึ้นมาลดทอนอำนาจแม่เหล็กโล

ซึ่งเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
จะขาดก็ไม่ได้ จะเพิ่มหรือลดลงก็ไม่ได้
มันจะกระทบกับกลไกอวัยวะร่างกาย
กระทบกับกระบวนการทางจิตตปัญญา
กระทบกับกระบวนการทางจิตประสาท
ในทางเสียสมดุลไปทั้งในทันทีและผ่อนส่ง

3.ดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลทางพลังงาน
เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึง
การมอบพลังความรักทางวิญญาณให้โลกได้
โดยผู้คนส่วนใหญ่ได้แต่สั่นสะเทือนจิตใจ
เพื่อแสดงออกหรือกระทำภารกิจใดๆ
สนองความต้องการของตนเองกับพวกตัว
มากกว่ากระทำเพื่อจิตวิญญาณและโลกทั้งสิ้น

มนุษย์ส่วนใหญ่ที่ดำรงอยู่ในระบบโลก
จึงพึ่งตนเองไม่ได้และยังเป็นที่พึ่งของโลก
ในลักษณะเป็นเพื่อนร่วมงานของโลกก็ไม่ได้
จึงยังผลให้มนุษย์แต่ละคนมีค่าแค่เพียง
มวลหยาบๆมวลใหญ่ที่ทำให้หนักโลก
เป็นภาระของโลกที่ต้องแบกน้ำหนักไว้
มนุษย์จึงไม่ต่างจาก "ขยะ" ที่ปลิวว่อนไปมา
โดยแทบจะหาคุณค่าสำหรับโลกมิได้

4.สนามพลังงานในระบบโลก
โดยเฉพาะในชั้นบรรยากาศไม่เกิน 60 กม.
เกิดการเสียสมดุลอย่างรุนแรงเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุว่า
อีเล็คตรอนอิสระที่มีค่าเป็นลบ
อันเกิดจากพลังจิตด้านลบของมนุษย์โลก
ที่ผลิตสร้างกันขึ้นมาในทุกวินาที
มีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งจิตติดกิเลสตัณหาราคะมากเท่าใด
ปริมาณประจุลบที่เหวี่ยงออกมาสั่งสมไว้
ในชั้นบรรยากาศเหนือถิ่นพำนักอาศัย
ก็จะเพิ่มปริมาณความหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ
จนท่านทั้งหลายสามารถสังเกตดูท้องฟ้าได้

วันใดที่พี่ๆน้องๆตรงใต้ท้องฟ้าพิกัดไหน
สั่นสะเทือนจิตใจด้วยกิเลสตัณหาราคะมาก
เมฆบนฟ้าตรงพิกัดนั้นก็จักเป็นสีเทา 
ดำหรือดำคล้ำและหนาทึบมากตามไปด้วย
จนกลายเป็นเมฆฝนห่าใหญ่
และเกิดฟ้าคะนองฟ้าร้องฟ้าผ่ารุนแรงตามมา
เมื่อตกลงมาก็จะมีพายุลูกเห็บขนาดโตๆ
พรั่งพรูลงมาอย่างน่ากลัวอีกต่างหากด้วย

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ถ้าท่านเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ซึ่งเป็นไปตามบริบทในแบบที่ว่านี้

ขอท่านจงลดละเลิกพฤติกรรมเหล่านี้เถิด
หันมาทำคุณอันประเสริฐแก่โล
เพื่อลดภาระของโลกและช่วยโลกทำงาน
ด้วยการรักกันให้ได้ ให้กันให้เป็น
แล้วละวางกิเลสตัณหาราคะกันเสียทันที

ให้คิดทำทุกสิ่งเพื่อจิตวิญญาณและโลก
แทนการทำทุกสิ่งเพื่อสนองกิเลสตัณหาราคะ
จนตนเองกลายเป็นขยะรกโลกไปโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งรอวันให้ช่างเท็คนิกมาเก็บกวาดสาดทิ้ง
ให้ออกไปจากระบบโลกอยู่ต่อไปอีกเลย

ลูกแก้วสองดวงนั่นไง
รับจากพระหัตถ์พระบิดาผ่านมาทางเราแล้ว
ใยจึงถือครองเฉยเสมือนหลับอยู่ด้วยเล่า
จงตื่นตัวอยู่ในมหาสติ
จงเบิกบานอยู่ในปณิธานแห่งนิพพานเถิด

ภัยพิบัติทั้งหลายในปฏิบัติการชำระโลก
กำลังเยี่ยมกรายเข้ามาใกล้เรื่อยๆแล้ว
จะทำอะไรจงเร่งรีบทำเสียเถอะนะ
การมีวิถีแห่งจิตจักรวาลนั้นนับเป็นบุญวาสนา
ที่พระบิดาทรงโปรดปรานท่าน
แต่การจะใช้บุญวาสนาที่มีอยู่เป็นหรือไม่
มันเป็นเรื่องของส่วนบุคคลแล้วล่ะท่าน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-08-2017

เรามาเพื่อร่วมงานกับท่าน


วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เพราะทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดแต่เหตุ




ตอบคำถาม:
************
K. Bhaktichamnan Chamnanbhakti 

เรียนถามท่านอาจารย์
ด้วยความเคารพอย่างสูง

#Questions:

1.การที่คนทำความดีแต่กลับเจอผลร้าย 
2.การที่ความดีต่อกรกับความชั่ว
ยากลำบากเหลือเกิน 

3.การที่ความดีต้องรักษากติกา
แต่ความชั่วกลับไม่ต้อง 

4.และคดีความต่างๆ
ที่คนดีไม่ได้รับความยุติธรรม
คนชั่วกลับยิ้มแย้มได้ 

ดั่งนี้ พระเจ้าประสงค์ให้เรา
ได้เรียนรู้เรื่องอะไรครับ

ขอบพระคุณอย่างสูง

Answer 1:
***********
การทำความดีงามแต่ได้รับผลร้าย
ตอบแทนการทำความดีงามนั้น
สาเหตุหลักๆมักเป็นเพราะว่า....

ท่านมิได้ทำความดีงามอย่างรอบคอบ
เพราะมิได้ยึด "ปริญญาโมเดล 6 ถูก"เลย
จึงยังผลให้การสร้างความดีงามนั้น
กลายเป็นสร้างปัญหาให้ตนเองแทน

#ปริญญาโมเดล 6 ถูก หมายถึง
ถูกคน ถูกวิธี ถูกที่ ถูกเวลา 
ถูกต้อง และ ถูกใจ

ถ้าท่านจะทำอะไรกับใครๆก็ตา
มันจะต้องถูกครบทั้งหกถูกเท่านั้น
ความดีนั้นจึงเกิดประสิทธิผลเป็นกรรมดี
แต่ถ้ามันผิดในข้อใดข้อหนึ่งแล้ว
ท่านจงอย่าทำความดีงามนั้นเด็ดขาด
เพราะท่านจะได้รับผลกรรมชั่วแทน

เป็นต้นว่า
ท่านเห็นผัวเมียข้างบ้านทะเลาะกัน
ด้วยความหวังดีจึงเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ย
เคลียร์ปัญหาตีหน้าเป็นกรรมการให้
ท่านก็เตรียมรับผลกรรมด้านลบได้เลย
ไม่ผัวก็เมียจะมองว่าท่าน #เผือก!แน่นอน
แทนที่จะเป็นบุญกลับก่อบาปกรรมแทน
เหตุเพราะขาดศาสตร์และศิลป์
ในการกอร์ปกรรมดีนี่เอง

ดังนั้น
การช่วยผิดคน
การช่วยคนผิดวิธี
การช่วยคนผิดกาลเทศะ
การช่วยเหลือแบบเข้าข้างคนผิด
การช่วยคนที่เขาไม่อยากให้ท่านช่วย

นี่เป็นการทำความดีงามแต่ได้รับผลร้ายแน่ๆ

Answer 2:
***********
การทำความดีต่อกรกับความชั่
ยากลำบากเหลือเกิน 
มักจะเป็นเพราะสาเหตุว่า

จิตวิญญาณของท่านถือรหัสมาดั่งนี้

1.อาจเคยก่อกรรมทำไม่ดีกับเขาไว้
ชาตินี้จึงต้องเป็นฝ่ายรับกรรมเช่นนั้นบ้าง
จักได้เกิดความสมดุลกัน

2.จิตวิญญาณของท่าน
ปรารถนาที่จะเรียนรู้ความจริงให้ได้ว่า
#การกระทำความชั่วต่อผู้อื่นนั้นทำง่ายมาก
#แต่การทำความดีงามต่อผู้อื่นนั้นทำยากกว่า
เพื่อให้ท่านมีศรัทธาต่อการเป็น #คนดี
อย่างมีเหตุผลแท้จริงและไม่ทำดีแบบงมงาย

3.จิตวิญญาณของท่าน
ต้องการยกระดับจิตตปัญญา
พัฒนามหาสติและหวังให้ท่าน
สำแดงปณิธานแห่งนิพพานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
จึงให้ท่านได้ต่อกรกับคนชั่
ประเภท #ชั่วชาติ หรือ #ชาติชั่ว
ซึ่งเป็นคนชั่วที่ไม่ธรรมดา

คนชั่วที่ไม่ธรรมดา
ซึ่ง #จิตใต้สำนึก เป็นผู้เหนี่ยวรั้งเข้ามาให
จะเป็นคนประเภท "ฉลาดในทางชั่ว"
ประเภทหาตัวจับยากนั่นแหละ
เพราะหากคู่ต่อกรของท่านมันฉลาดมาก
มันจะทำให้ท่านต้องยกระดับตนเอง
ให้ฉลาดเท่าเทียมหรือฉลาดกว่าคนชั่วนั้นๆ
มิใช่ดอกหรือ....

Answer 3:
***********
การที่ความดีต้องรักษากติกา
แต่ความชั่วกลับไม่ต้อง

มันเป็นเพราะเหตุว่า....

คุณสมบัติของความชั่ว
คือความไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม 
ไม่ดีงาม มิใช่ดอกหรือ

ชั่วชีวิตนี้ท่านเคยพบเจอคนชั่วคนไหน
ยึดถือความถูกต้องเหมาะสมดีงามบ้าง
ไม่มีเลยใช่หรือไม่ล่ะ

ถ้าเขายึดถือความถูกต้องเหมาะสมดีงาม
ในการกระทำทุกสิ่งในชีวิตของเขา
เขาจะถูกจัดว่าเป็น #คนชั่ว ได้อย่างไร
เพราะเขาก็จะเป็นคนดีเหมือนท่านทันที

ดังนั้น
การที่ท่านกล่าวต่อพระบิดาว่า
ทำไมทำความดีต้องรักษากติกา
แต่ความชั่วกลับไม่ต้องนั้นมันเป็นสัจธรรม
ชั่วกับดีจะให้มันเหมือนกันได้อย่างไร

Answer 4:
***********
คดีความต่างๆ
คนดีไม่ได้รับความยุติธรรม
แต่คนชั่วกลับยิ้มแย้มได้ 

มันเป็นเพราะเหตุว่า

คดีความที่ท่านเผชิญดังกล่า
เกิดจากความอาฆาตผูกจิตพยาบาทกัน
สืบทอดกันมาจากภพชาติอดีต
โดยต่างฝ่ายต่างผลัดกันแพ้ชนะคดี
ด้วยการแสวงหาวิธีทุจริตกฎหมาย
เพื่อเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่งมาโดยตลอด
โดยไม่มีใครยอมลดราวาศอกให้ใคร

ฝ่ายผู้รักษากฎหมายที่เคยกินอามิส
ก็กลายมาเป็นบริวารฝ่ายที่คดโกงเขามา
มาเป็นพยาน มาเป็นทนาย มาเป็นตำรวจ
มาเป็นพนักงานอัยการ
จนแม้กระทั่งมาเป็นผู้ตัดสินความเองก็มี
เพื่อช่วยให้ฝ่ายที่แค้นเพราะถูกรังแก
ได้มีโอกาสเป็นฝ่ายชนะบ้าง
ชนะโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม

มาภพชาตินี้ท่านเห็นฝ่ายหนึ่งถูกรังแก
ไม่ได้รับความเป็นธรรม
ท่านจึงเสียความรู้สึกไป
เราจึงขอบอกความจริงต่อท่านว่า
แท้แล้วน่ะมันพอกันทั้งคู่แหละ

จงอย่ามองโลกมองเพื่อนมนุษย
แค่เพียงภพชาตินี้เท่านั้น
ท่านจักต้องมองย้อนไปในอดีตด้วย
เพราะทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดแต่เหตุ
เมื่อเหตุดับทุกสิ่งอย่างก็จะดับตาม

ชาตินี้ถ้าฝ่ายถูกเอาเปรียบ
ไม่ยอมรับ ไม่ให้อภัยหรืออโหสิ
ชาติหน้าถ้ามีพวกเขาก็ยังจะต้อง
ผลัดกันแก้แค้นให้แพ้ให้ชนะเช่นนี้เรื่อยไป

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
6-08-2017