วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ทรงโปรดเวไนย (ภาค 10)




#อภิปรัชญา
พระบิดาทรงโปรดเวไนย
*************************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
พระบิดาทรงกำหนดสร้าง
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ซึ่งเป็นกายหยาบ หรือ "กาย-ยา" ขึ้นมา
เพื่อให้จิตวิญญาณของท่านเข้ามาใช้
ในการทำหน้าที่ตามพันธะสัญญา 6
บนดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้

โดยหน้าที่ในพันธะสัญญาทั้ง 6 ข้อ
ถ้าจะบรรลุผลสำเร็จได้นั้น
พวกท่านทุกคนจักต้องเข้าถึง
อำนาจสูงสุดในตนเอง
เท่าที่สามารถจะเข้าถึงได้ 3 อย่าง คือ

1.#ความฉลาดทางอารมณ์
2.#ความฉลาดทางปัญญา
3.#ความฉลาดทางสังคม

#องค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่าน
ทรงมีแนวทางปฏิบัติสำหรับมนุษย์แต่ละคน
เพื่อยกระดับพลังอำนาจสูงสุดทั้งสามด้าน
รวม 2 ประการร่วมกัน คือ

1) เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของตนเอง
ที่ฝรั่งเรียกว่า Learning by Doing.

2) เรียนรู้จากประสบการณ์ผ่านผู้อื่น
แบบ "ลิงเห็น ลิงทำ" ที่ฝรั่งเรียกว่า 
Monkey See Monkey Do.

ดังนั้น
ในชีวิตจริงของท่านทุกๆคน
จึงต้องเผชิญความจริงอยู่ 2 ประการคือ

#ประการแรก
มนุษย์ทุกคนต้องมีผู้อื่นเป็นครู
เพื่อการสอนให้รู้และเลียนแบบตามอย่าง
โดยมีตนเอง #เป็นครูคนแรก
ที่จะสอนตนเองว่าควรจะเรียนรู้อะไร
ไม่ควรไปเสียเวลาเรียนรู้อะไรในขณะนั้น

และมีตนเอง #เป็นครูคนสุดท้าย
ที่จะสรุปความรู้นั้นเพื่อเก็บไว้เป็นบทเรียน
หรือเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้ตนเองต่อไป

#ประการที่สอง
ทุกคนจึงต้องถูกทดสอบด้วยบททดสอบ
เพื่อเรียนรู้บทเรียนโลกแบบต่างๆ
ในอันที่จะยกระดับความฉลาดทั้งสามด้าน
อันเป็นพลังอำนาจสูงสุดในการเป็นมนุษย์
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในพันธะสัญญา 6
และเป้าหมายในชีวิตของท่านควบคู่กันไป

ท่านจะสังเกตได้ว่าตั้งแต่เด็กจนโต
ท่านต้องมีพ่อแม่ครูอาจารย์อบรมสอนสั่ง
เพื่อให้ท่านเป็นคนฉลาดเฉลียว 
เป็นคนเก่งและเป็นคนดีศรีสังคม

ในขณะที่ตัวท่านก็ยังต้องพัฒนาตนเอง
ด้วยการเผชิญกับปัญหาทางอารมณ์
ที่บุคคลแวดล้อมรอบข้างตัวท่าน
ไม่ว่าคนที่ท่านรักหรือคนที่รักท่าน
ไม่ว่าคนที่ท่านรู้จักหรือว่าคนแปลกหน้า

พวกเขาจะพากันยื่นเงื่อนไขทั้งบวกและลบ
เพื่อใช้ทดสอบอารมณ์ของท่าน
ในยามที่ท่านพลั้งเผลออยู่เนืองๆ
ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยยกระดับความอดทน 
อดกลั้นและการให้อภัยผู้อื่นแก่ท่านนั่นเอง
จนกว่าท่านจะวางเฉยได้เมื่อถูกยั่วยุ
ซึ่งเป็นสภาวะจิตขั้นสูงสุด คือ #อุเบกขา

นอกจากนั้นพระบิดายังทรงมีพระเมตตา
ยอมให้โลกนี้มีคนที่ต่ำต้อยด้อยกว่าท่าน
ยอมให้โลกนี้มีคนที่ชะตากรรมย่ำแย่กว่าท่าน
ยอมให้โลกนี้มีคนที่ทุกข์ยากลำบากกว่าท่าน
เข้ามาอยู่ในท่ามกลางสังคมแวดล้อมตัวท่าน
เพื่อช่วยเป็นเงื่อนไขด้านบวกให้ท่าน
ได้สั่นสะเทือนจิตใจเป็นเมตตา กรุณา 
มุทิตา และ อุเบกขา ตามลำดับ

ดังนั้น
เมื่อท่านเห็นคนที่แย่กว่าท่าน
เขาคนนั้นก็เป็นดั่งครูผู้มาช่วย
ยกระดับสภาวะจิตด้านบวกให้ท่าน

ท่านจงอย่าได้ตั้งแง่รังเกียจเหยียดหยาม
หรือว่าทำเป็นมองข้ามอย่างไม่แยแสเลย
เพราะนั่นเท่ากับว่าตัวท่านนั้น
ได้ทำลายโอกาสดีๆของตัวเองไปเสียแล้ว

ขณะเดียวกัน
เมื่อท่านเห็นคนอื่นที่เขามีดีกว่าท่าน
เขาคนนั้นก็เป็นดั่งครูผู้มาช่วย
ยกระดับสภาวะจิตด้านบวกให้ท่านเช่นกัน

จงอย่าอิจฉาตาร้อนเขาถ้าเขามีสิ่งที่ดีกว่า
แต่ท่านจงร่วมแสดงความยินดีไปกับเขา
ในสิ่งที่ดีกว่าที่เขามีแต่ตัวท่านเองไม่มี

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือ แผนการ
ยกระดับความฉลาดทางอารมณ์ให้ท่าน
พระองค์ยอมให้ท่านผลัดกันทดสอบอารมณ์
ด้วยการสร้างปัญหายั่วยวนกวนอารมณ์
ให้แก่กันและกันทันทีที่มีโอกาส

#แผนพัฒนาความฉลาดทางปัญญา
สำหรับมนุษย์โลกเสรีนี้ก็เช่นกัน

นอกจากจะมีสถานศึกษาในระบบ
ให้ท่านทั้งหลายได้เข้าเรียนกันแล้ว
โลกซึ่งเป็นสถานศึกษาขนาดใหญ่
ก็ยังมีกลไกปฏิบัติการช่วยเหลือท่าน
ให้ได้เผชิญปัญหาน้อยใหญ่
ภายในชีวิตประจำวัน
เพื่อให้ท่านฉลาดคิดตัดสินใ

นอกจากนั้น
พระองค์ยังทรงยอมให้ท่าน
ผลัดกันทดสอบพลังอำนาจทางปัญญา
ด้วยการผลัดกันสร้างปัญหาให้แก่กัน
เพื่อให้ท่านใช้ปัญหานั้นๆ
ยกระดับความสามารถทางปัญญา
ให้สูงขึ้นๆไปเรื่อยๆ

ดังนั้น...ท่านทั้งหลาย
จึงไม่ควรเกลียดกลัวปัญหา
จึงไม่ควรโกรธแค้นผู้สร้างปัญหา
จึงไม่ควรต่อสู้ ตอบโต้ ต่อต้าน
คนที่หยิบยื่นปัญหามาให้ท่า
เพราะผู้คนเหล่านั้นเป็นครู
ที่พระบิดาทรงโปรดส่งมาช่วยท่าน
ให้เกิดการยกระดับทางปัญญา
จนกว่าจะถึงที่สุดนั่นเอง

ปัญหาเล็กๆน้อยๆจะช่วยเหลือท่าน
ให้ฉลาดทางปัญญาและอารมณ์ได้น้อย

ปัญหายากและใหญ่จะช่วยเหลือท่าน
ให้ฉลาดทางปัญญาและอารมณ์ได้มาก

หากชีวิตท่านไม่มีปัญหาใดๆเลย
ความฉลาดทางปัญญาและอารมณ์
ก็จักไม่ได้รับการพัฒนาสภาว
ซึ่งนับว่าเกิดมาแล้วโชคร้ายแท้

หากท่านโกรธเกลียดเคียดแค้นอาฆาต
คนที่เข้ามาสร้างปัญหาชีวิตให้แก่ท่าน
โดยรักไม่ได้ให้อภัยทานก็ไม่เป็น
ทั้งๆที่รู้ความจริงอย่างนี้แล้ว
ก็นับว่าเสียชาติเกิดโดยแท้

#แผนพัฒนาความฉลาดทางสังคม
สำหรับมนุษย์โลกเสรีนี้ก็เช่นกัน
พระบิดาทรงยอมให้มนุษย์แต่ละคน
มีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย
เพื่อให้พวกท่านเรียนรู้ที่จะ "ยอม"
ในสิ่งสำคัญต่อการอยู่ร่วมกัน 
รวมทั้งสิ้น 3 อย่าง คือ

1.ยอมรับ (To Live)
2.ยอมรัก (To Love)
3.ยอมร่วม (To Learn)

ทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้
เป็นสัจธรรมซึ่งรวมธรรมะสามระดับ
คือ โลกิยธรรม โลกุตรธรรม
และอนุตรธรรมเข้าไว้ด้วยกัน
สำหรับท่านที่ปรารถนาจะกลับบ้าน
คือ หลุดพ้น หรือนิพพานในชาตินี้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
18-7-2017

2 ดวงแก้ว อาวุธประจำกายของนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง



2 ดวงแก้ว
อาวุธประจำกายของนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
กับการป้องตนให้ผ่านพ้นมหันตภัยพิบัติ
****************************************
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
อันดวงแก้วทั้งสองนี้สำคัญทั้งคู่
เพราะจะทำตกหล่นดวงใดดวงหนึ่งไม่ได้
จะต้องถือครองไว้ทั้งสองดวงให้มั่นคง

แต่บทนี้เราจะขอกล่าวถึง
เพียงแค่ดวงเดียวก่อน คือ #ดวงมหาสติ
อันประกอบด้วย "สติ" 3 ประการ คือ

1.เป็นผู้รู้สติ
************
^เพื่อการ "ตื่นรู้" อยู่ในปัจจุบันขณะว่า
ตนกำลังสัมผัสรู้ ดู เห็น หรือนึกคิด อะไรอยู่^

จะได้พิจารณาว่าสมควรเรียนรู้มันหรือไม่
สมควรใส่ใจมันหรือเปล่า

^เพื่อการ "จดจำ" ประสบการณ์ในอดีต
ที่เพิ่งผ่านพ้นมาว่าตนได้เผชิญสิ่งใดมา
หรือว่ากระทำอะไรลงไปแล้วบ้าง
จึงบังเกิดผลเชื่อมโยงมาถึงปัจจุบันขณะ^

จะได้พิจารณาหาข้อผิดพลาดบกพร่องของตน
แล้วรีบปรับปรุงแก้ไขให้ทันท่วงที
หรือเพื่อทำความเข้าใจปัญหาในปัจจุบันว่า
มันมีผลสืบเนื่องมาจากอะไร

^เพื่อการ "นึกคิดให้ได้" ว่า
ถ้าตัดสินใจกระทำสิ่งใดในปัจจุบันขณะแล้ว
มันจะเกิดผลลัพธ์ต่อตนเอง
ในวันเวลาต่อไปข้างหน้า (อนาคต) อย่างไร^

จะได้แสดงออกหรือกระทำตอบสนอง
ต่อเงื่อนไขหรือปัญหาใดๆที่กำลังเผชิญอยู่
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมดีงา
โดยไม่ก่อเวรเกี่ยวกรรมกับใครๆทั้งสิ้น

2.เป็นผู้มีสติ
*************
^เพื่อการฉลาดรับรู้สู่การฉลาดรับเอา^

หมายความว่า
ทันทีที่สัมผัสรู้ดูเห็นหรือนึกคิดอะไรอยู่นั้น
ท่านจักต้องสามารถบอกตนเองได้ว่า

สิ่งใดควรรับรู้ไว้เพื่อเรียนรู้
สิ่งใดควรรับเอาไว้เพื่อเป็นความรู้ใหม่
ก็ให้เลือกรับรู้และรับเอาไว้ต่อไป

^เพื่อการฉลาดรับรู้สู่การฉลาดไม่รับเอา^

หมายความว่า
เมื่อสัมผัสรู้ดูเห็นนึกคิดสิ่งใดแล้ว
ก็ให้ครองสติอยู่กับปัจจุบันว่าอะไรเป็นอะไร
อย่าให้จิตใจตกเป็นทาสอารมณ์รู้สึกของตน

ต้องแยกแยะให้ออกว่าไหนสาระไหนไร้สาระ
ไม่รับเอา "อารมณ์" ที่เป็นขยะ
ปล่อยวางสิ่งไร้สาระและอารมณ์ขยะทิ้งไป
เสมือนไก่คุ้ยเขี่ยเศษหินดินทรายทิ้งไป
แล้วเลือกเอาแต่เมล็ดข้าวที่เป็นอาหารไว้เท่านั้น

^เพื่อการฉลาดไม่รับรู้ ฉลาดไม่รับเอา^

หมายความว่า
เมื่อสัมผัสรู้ดูเห็นนึกคิดสิ่งใดแล้ว
ก็ปล่อยให้มันผ่านไป
ไม่ต้องไปใส่ใจในรายละเอียด
เพราะว่าสิ่งนั้นเรื่องนั้น
ท่านเคยเรียนรู้และมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว

เช่น ถ้าท่านใช้ชีวิตอยู่กับคนขี้บ่นขี้โวยวาย
โดยอยู่ร่วมกันมานานนับปีแล้ว
ท่านก็ย่อมรู้แก่ใจว่าคนๆนี้มีนิสัยแบบนี้
เมื่อใดที่ได้ยินคนๆนี้บ่นหรือโวยวาย
ก็ให้ท่านวางเฉยเสียทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ
โดยไม่หยิบมาเป็นเงื่อนไขให้จิตตก

3.เป็นผู้ใช้สติ
**************
หมายความว่า
ก่อนที่ท่านจะพูดหรือกระทำการใดๆ

^ท่านต้องคิดก่อนคิด^
กล่าวคือจะต้องคิดพิจารณาว่
สิ่งที่ท่านกำลังนึกอยู่นั้
มันถูกต้องเหมาะสมดีงาม
อันควรจะคิดต่อหรือไม่

^ท่านต้องคิดก่อนพูด^
นั่นคือ เมื่อคิดว่าจะพูดอะไรออกไป
ท่านต้องคิดก่อนว่าสมควรจะพูดหรือไม่

^ท่านต้องคิดก่อนทำ^
นั่นคือ เมื่อคิดว่าจะทำอะไรอย่างไร
ท่านต้องคิดก่อนว่าสมควรทำหรือไม่

ทั้งนี้การคิดก่อนคิด 
คิดก่อนพูด
และคิดก่อนทำนั้น
จักต้องยึดกฎแห่ง 6 ถูก ของ #ปริญญาโมเดล
ซึ่งจะประกอบด้วย 
ถูกคน ถูกที่ ถูกวิธี 
ถูกเวลา ถูกต้อง และถูกใจ

ถ้าถูกครบทั้ง 6 ถูก
ก็สามารถพูดหรือกระทำตามนั้นได้เลย
แต่ถ้าผิดข้อใดข้อหนึ่งใน 6 ข้อนี้
ต้อง "หยุด" อย่าคิดต่อ 
อย่าพูด และอย่าทำไปตามนั้นเด็ดขาด

*พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
ลูกแก้วดวง "มหาสติ" ที่ว่านี้

จักช่วยให้ท่านไม่ผลิตสร้างประจุลบ
ให้เป็นขยะที่รกโลก

จักช่วยให้ท่านไม่เป็นเงื่อนไขให้ผู้อื่น
ผลิตสร้างประจุลบให้เป็นขยะที่รกโลก

จักช่วยให้ท่านไม่ก่อกรรมใหม่ๆ
จนเกี่ยวกรรมกับใครต่อใครเขาไปทั่ว
ในชีวิตประจำวัน

จักช่วยให้ท่านเข้าถึง
คุณสมบัติของ "คนพ้นกรรม" ได้ในทันที

นี่ไงล่ะท่าน....
หากท่านสามารถปฏิบัติตามนี้ได้เป็นนิจ
มันคือการชำระจิตของท่านให้ใสสว่าง
โดยไม่ต้องนั่งหลับตา
แล้วทำตัวเป็นแบบไม่อะไรกับอะไร
โดยไม่ได้อะไรๆขึ้นมา
โดยไม่ก้าวหน้าทั้งทางจิตและทางปัญญา
อย่างที่หลายท่านคุ้นเคยและติดพันกันอยู่อีก

มหาสติตามมรรควิถีจิตจักรวาลที่เรากล่าวมานี้
เป็นปฏิบัติการที่เรียกว่า "ธรรมชาติสมาธิ" 
ซึ่งต่างจากวิถีของนักรบแห่งแสงสว่าง
เรากล่าวความจริงเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว
จงเร่งศึกษาทำความเข้าใจ
แล้วเร่งนำไปปฏิบัติกันในชีวิตประจำวันเถิด

เส้นทางนี้แหละ
ที่พวกท่านต้องก้าวเดินอย่างองอาจ
อย่าเหลาะแหละโลเลอยู่อีกเล

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
18-07-2017

มรรควิถีแห่งจิตจักรวาล




พี่น้องที่รัก  แห่งเราทั้งหลาย
อันมรรควิถีแห่งจิตจักรวาล
ที่จะนำพาท่านมุ่งสู่แดนพระนิพพานนั้น
โดยทุกลมหายใจเข้าออกในยามจิตตื่น
ท่านสามารถสั่นสะเทือนจิตตปัญญา
เพื่อสามสิ่งที่กล่าวนี้ได้
ด้วยการครองดวงแก้ว 2 ดวงไว้ให้มั่น
คือ "มหาสติ" กับ "ปณิธานแห่งนิพพาน"
เพื่อการเริ่มที่จิตสัมฤทธิ์ที่กาย
ในบทบาทของมนุษย์แห่งโลกเสรี
โดยมิพักต้องมีลีลาอุตริพิสดารใดๆทั้งสิ้น
*แม้ร่างกายภายนอกของท่าน
จะแต่งองค์ทรงเครื่องรูปแบบไหน
ให้แลดูงามสง่าน่าเลื่อมใสในความขลัง
แต่ถ้าท่านยังไม่สามารถเข้าถึง
การแต่งจิตใจข้างในตนเองได้แล้ว
ตัวท่านก็คงไม่ต่างจากผลมะเดื่อที่แลดูดี
แต่มีแมลงหวี่เข้าไปอยู่ข้างใน
รอวันจะเน่าสลายไปในที่สุดนั่นแหละ
*แม้ว่าตัวท่านจะขนย้ายตนเอง
ออกจากบ้านที่ในเมือง
เพื่อปลีกหนีความวุ่นวาย
หลบมุมไปอยู่ในพงไพรพนา
ซึ่งแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติแห่งขุนเขา
กับราวป่าอันรื่นรมย์สงบเย็น
เพื่อบอกตนเองว่าไป "ปฏิบัติธรรม"
แต่ถ้าท่านยังมิอาจเข้าถึง
การชำระจิตใจให้ใสสวยได้
แม้ไปอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมสวยๆชั่วคราว
มันก็เป็นประโยชน์ต่อการชำระจิตท่านไม่ได้
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
การบวชที่แท้จริงนั้นต้องบวชที่จิตมิใช่ที่กาย
ดังนั้น
การปฏิบัติธรรมแท้จริงจึงปฏิบัติที่บ้านก็ได้
ถ้าหมายถึงการมุ่งชำระจิตใจให้ใสสวย
โดยอาศัยบุตรบริวารในครอบครัว
ช่วยเป็นครูผู้ออกแบบ
บททดสอบสภาวะจิตรายวันให้แก่ท่าน
ทดสอบการละวางโทสะ
ทดสอบการละวางโลภะ
ทดสอบการละวางโมหะ
ทดสอบความอดทน อดกลั้น ให้อภัย
ทดสอบความฉลาดทางปัญญา
ทดสอบความเป็นอุเบกขา
ในบริบทของ "ตนเป็นที่พึ่งตนเอง"
ไม่พึ่งป่า ไม่พึ่งขุนเขาแวดล้อม
ไม่พึ่งพิธีกรรม ไม่พึ่งความงมงาย
ไม่พึ่งเจ้าลัทธิทั้งหลาย
โดยให้เน้นที่การพึ่งจิตตปัญญาของตนเอง
ไม่หนีครอบครัว ไม่หนีสังคม
ไม่หนีปัญหา ไม่หนีความรับผิดชอบ
ไม่หนีความทุกข์ยากแร้นแค้น
แม้จะเป็นการชั่วคราวก็ตาม
ด้วยการเสมือนโทษสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ว่า
เป็นตัวการให้จิตใจท่านไม่ใสสวย
หากปลีกตัวออกไปเสียได้จิตใจจะเป็นสุข
ซึ่งท่านเองก็พบความจริงแล้วว่า
มันมิใช่อย่างที่ท่านคิด
อยู่ที่ไหนก็ทุกข์ใจได้เสมอ
ถ้าจิตใจท่านมันไม่สงบ
เชื่อเถอะ....เปลี่ยนวิธีคิด
วิถีชีวิตท่านจะเปลี่ยน
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
18-07-2017