วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า เรากลับมาตามสัญญา มาทันเวลาที่พระบิดาพิพากษาโลก





เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
นี่เป็นปลายยุคพลังงานเก่าแล้ว
เราจึงกลับมาตามสัญญา
มาทันเวลาที่พระบิดาพิพากษาโลก
เรากลับมาเพื่อจะบอกท่านทั้งหลายว่า
วันๆเพียงการท่องธรรมจากพระคัมภีร์
เพราะจดเอาไว้หรือจำได้นั้น
มันจะช่วยเกื้อกูลจิตวิญญาณของท่าน
ให้ไปถึงด่านนภาลัย
ประตูแห่งการหลุดพ้น
อันไกลโพ้นนั้นไม่ได้หรอกนะท่าน
วันๆหมั่นจะโพสต์จะเผยแพร่พระคำ
แต่ตัวท่านเองกลับไม่นำพระคำเหล่านั้น
มาปฏิบัติในชีวิตจริงให้เป็นรูปธรรม
ก็เป็นอีกบริบทหนึ่ง
ที่ท่านมิอาจถึงสภาวะการหลุดพ้นได้เช่นกัน
จิตวิญญาณของท่านจะหลุดพ้นได้
ต้องเป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์
จิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ทั้งหลายนั้น
จะเป็นจิตวิญญาณที่ได้ผ่านการชำระ
สิ่งไม่บริสุทธิ์ออกไปจนหมดสิ้นแล้ว
สิ่งไม่บริสุทธิ์เหล่านั้นประกอบด้วย
1.บุรพกรรมแม่เหล็กหรือวิบากกรรม
ที่ท่านกระทำผิดบาปต่อจิตวิญญาณตนเอง
ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว
เช่น การก้าวล่วงผู้อื่นด้วยจิต เป็นต้น
2.นิสัยทางจิตด้านลบประกอบด้วย
จำพวกโทสะ โลภะ โมหะ
จำพวกการนึกลบทั้งสามนึก คือ
นึกได้(จิตจำได้)แต่เรื่องร้ายๆ
นึกเอา(จิตอิสระ)นึกใหม่
คิดใหม่แต่เรื่องลบ
นึกเอง(จิตก้าวล่วง) คือ คิดแทนคนอื่น
แต่เป็นด้านร้าย ด้านไม่ดีเป็นสำคัญ
3.ความอาฆาตมาดร้ายผู้อื่น
ที่เคยทำร้ายต่อตนเองมาแล้วในอดีต
ซึ่งแม้จิตหยาบจะลืมไปแล้ว
แต่จิตวิญญาณของท่านไม่มีวันลืมแน่นอน
จิตส่วนนี้ก็ต้องชำระให้ใสหรือให้ว่าง
4.ต้องยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิต
ให้สูงขึ้นทางด้านบวกไปเรื่อยๆในชีวิตประจำวัน
เช่น ฝึกจิตให้มีเมตตา ฝึกการให้ทาน
ฝึกการอดทน อดกลั้น ต่อคนที่ไม่น่ารัก
ฝึกการให้อภัยหรืออโหสิคนอื่นให้ได้
โดยไม่มีเงื่อนไขต่อรอง แลกเปลี่ยน
ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า
หน้าที่ของท่านมีอยู่หลักๆตั้งสี่อย่าง
แต่ละอย่างมิใช่ว่าจะทำง่ายๆเสียเมื่อไหร่
เพราะท่านยังต้องสร้างเครื่องมือ
ที่จะช่วยชำระทั้งสี่นั้นด้วยตนเองก่อนด้วย
เครื่องมือชิ้นนี้เรียกว่า... "มหาสติ" นั่นเอง
เราใคร่ถามท่านทั้งหลายว่า
ทุกวันที่ผ่านมาและผ่านไป
นอกจากการท่องธรรม
กับการโพสท์พระคัมภีร์ให้เพื่อนๆดูแล้ว
ท่านว่าง..ว่าง...ว่าง
ไม่ต้องชำระจิตตนเองให้ใสสวยอีกแล้วหรือ
เพราะเวลาแห่งการปิดยุค
ช่วง 56 วัน 8 ราตรี
ที่โลกจะมืดมิดทั้งวันคืนอันยาวนาน
เพื่อการชำระขยะด้วยภัยพิบัติรุนแรงสุดๆนั้น
มันคืบคลานเข้ามาใกล้ๆแล้ว...
จะเผาคืนวัน
จะผลาญโอกาสที่เหลืออยู่ให้สิ้นไป
อย่างไร้ค่ากันอีกทำไม
ควรหันมาทำอะไรที่ดีกว่าและควรทำ
เพื่อจิตวิญญาณตนเองเสียบ้าง
จะดีมั้ย?
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-12-2015

ตะเกียงส่องธรรม







ตะเกียงของท่าน เราหมายถึง
ความฉลาดทางปัญญาของสมองเพื่อการคิด

น้ำมันตะเกียง เราหมายถึง
พลังงานอันเกิดจากแรงสั่นสะเทือนของจิต
เพื่อใช้กระตุ้นให้เกิดพลังการคิด
ของสมองสองซีกของท่าน

เราถามพวกท่านว่า....
เมื่อเรากลับมาตามสัญญา
ท่านทั้งหลายก็ได้เตรียมถือตะเกียง
มารอท่าคอยเราอยู่นั้น
ท่านลืมเติมน้ำมันใส่ตะเกียงมาด้วยหรือเปล่า

ท่านจักต้องรู้ว่า
ตะเกียงถ้าไร้น้ำมันเชื้อเพลิงก็ไม่มีประโยชน์อะไร
เพราะเปลี่ยนความมืดให้เป็นสว่างไม่ได้
แม้ว่าเราจะช่วยจุดไฟให้
ไส้ตะเกียงนั้นก็มิอาจลุกเป็นไฟได้เลย

นี่แน่ะท่าน...
น้ำมันเชื่อเพลิงที่จะต้องหมั่นเติม
ใส่ตะเกียงของท่านไว้นั้น
มันหมายถึง "พลังแห่งการคิด"หรือคลื่นการคิด
อันเกิดจากการสั่นสะเทือนร่วมกันของจิตกับสมอง
ภายในตะเกียงอันหมายถึง
ภายในกระโหลกศีรษะของท่านนั่นเอง

จงระลึกเอาไว้ว่า
ตะเกียงใครคนนั้นต้องรับผิดชอบ
น้ำมันตะเกียงอันหมายถึงพลังแห่งการคิด
ท่านเองก็ต้องรับผิดชอบมันด้วย
การเติมบ่อยๆก็คือ
การฝึกคิดบ่อยๆนั่นล่ะ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27-12-2015

เรื่องของหมา คนไม่น่าจะเกี่ยว!






เรื่องของหมา คนไม่น่าจะเกี่ยว!

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ท่านไม่ควรจะทะเลาะกับหมานะ
เพียงแค่หมามันเห่าเสียจนท่านหนวกหู
หมามันเห่าเสียงดัง เสียจนน่ารำคาญ

หรือว่าในยามหลับอยู่
จู่ๆท่านก็ต้องตกใจตื่นอย่างฉับพลัน
เพราะเสียงหมามันเห่าดังลั่น
ฝันกำลังหวานๆ
พลันต้องสลายไปอย่างน่าเสียดาย

ท่านจักต้องรู้ว่า
หมามันเห่าเพราะว่ามันมีปัญหา
ถ้าหมาจะหยุดเห่า
หมาต้องหุบปากของตัวมันเองเอาไว้เท่านั้น
ใครจะไปบังคับหมาหรือปิดปากหมา
เพื่อให้มันหยุดเห่าไม่ได้

ท่านจักต้องรู้ว่า
ปัญหาของท่านที่แท้จริงคือต้องการหลับต่อ
ท่านจึงต้องกระทำที่ตัวเอง
เพื่อข่มตาข่มใจให้หลับต่อไปให้จงได้

ปัญหาที่แท้จริงของท่านมันมิได้อยู่ที่หมามันเห่า
ท่านจึงไม่จำเป็นต้องไปจัดการที่หมา
เพื่อบังคับข่มขืนหมาให้มันหุบปากเพื่อหยุดเห่า
เพราะยิ่งท่านไปทะเลาะกับหมา
เวลาที่ท่านควรจะได้หลับนอนต่อสบายๆ
มันก็จะสิ้นเปลืองไป
กับการมัวทะเลาะกับหมานี่แหละ

ยิ่งตะโกนด่าหมา หงุดหงิดหมา
เอาหินเขวี้ยงหมา เอาปืนยิงหมา
นอกจากจะนำพาจิตวิญญาณของท่าน
ไปก่อกรรมสัมพันธ์กับหมาตัวนั้นอย่างขาดสติ
ด้วยการประทุษร้ายหมา
หรือเป็นเหตุให้หมาตายแล้ว

ถ้าหมาไม่ตาย ไม่เจ็บ
มันก็จะยิ่งเห่าหนักขึ้นกว่าเดิม เห่าไม่หยุด
จนตัวท่านเองนั่นแหละ
ต้องหยุด "ทะเลาะ" กับหมา
เพราะท้อแท้ใจที่ทำอะไรหมาไม่ได้

เรากำลังจะบอกท่านว่า
คนที่โผล่เข้ามาในชีวิตประจำวันของท่าน
แล้วสร้างเงื่อนไขด้านลบให้ท่าน
ด้วยการทำตัวไม่น่าคบหา
ด้วยทำกิริยาที่ไม่ดีต่อตัวท่าน
เราเปรียบคนพวกนั้นเสมือน "หมา" นั่นเอง

ปัญหาของท่านคือ "ความโกรธ" ที่เกิดขึ้นในใจ
มิใช่คนที่ก่อปัญหาให้ท่านโกรธหรอก

เพราะท่านจะหันไปจัดการคนที่ก่อปัญหาให้ท่าน
ด้วยการทำร้ายตอบ เสมือนหันไปกัดกับหมา
แทนที่จะรีบหาวิธีจัดการความโกรธที่ในใจ
ให้มันสงบระงับอย่างฉับไว
เพื่อมิให้จิตใจตกอยู่ในห้วงแห่งทุกข์นั้น

มันมิใช่วิถีของผู้ฉลาดปราดเปรื่อง
มันมิใช่วิถีของนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
มันมิใช่มรรควิถีแห่งจิตจักรวาลหรอกท่าน

หมามันเห่าก็เป็นเรื่องของหมา
ท่านจะไปเห่าตอบหมามันทำไม
เพราะตัวท่านมิใช่หมา

หมามันชวนกัดชวนทะเลาะ
ท่านจะไปกัดกับหมาไปทะเลาะกับหมากันทำไม
เพราะตัวท่านมิใช่หมา

ท่านรู้ไหมว่า....
การไปเห่ากับหมา ไปกัดกับหมา
ไปทะเลาะกับหมานั้น
มันทำให้ท่านไม่ต่างกันกับหมาเลย
เป็นคนอยู่ดีๆจะลดศักดิ์ศรีไปทำไมกัน

เอเมน สาธุ
สวัสดีปีใหม่ 2559

ป.วิสุทธิปัญญา
29312-2015