วันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ทรงโปรดเวไนย (ภาค 8)




#พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
#ทรงโปรดเวไนย (ภาค 8)
To Whom It May Concern
*****************************
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เหตุผลที่ #จิตจักรวาล ไม่มีการจัดตั้งสำนัก
เพราะเป็นการดำเนินพระภารกิจศักดิ์สิทธิ์
ในพระนามพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ซึ่งพระองค์เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวงอยู่แล้ว

อันว่าตัวเราเป็นเพียง "บุตรเอก" ผู้รับบัญชา
ให้กลับมากล่าวโอวาทแทนพระองค์เท่านั้น
มิอาจเอื้อมยกตนเป็นเจ้าสำนักได้

เพราะพระโอวาททั้งหลายนั้น
พระองค์ทรงกล่าวผ่านเรามาว่าอย่างไร
เราก็กล่าวออกไปให้ท่านรับฟังว่าอย่างนั้น
ไม่มีบิดเบือน เบี่ยงเบน หรือ บดบังใดๆ

นอกจากนั้นในทุกคำกล่าว
เราก็ไม่มีการจูงใจให้ใครเชื่อตาม
ไม่มีการหลอกลวงให้ใครหลงคล้อยตาม
ไม่มีการบังคับข่มขู่ใครให้ติดตาม

#มีเพียงสามสิ่งเท่านั้น
ที่เราทำและทำมาตลอด นั่นคือ
สอนให้รู้ สอนให้คิด และสอนให้ปฏิบัติ
เมื่อปฏิบัติแล้วเห็นแจ้งในความจริงก่อน
ท่านจึงค่อยเชื่อตามที่เรากล่าว

การแนะนำให้ท่านทำอย่างนี้
เพราะเราปรารถนาดีต่อพวกท่าน
เมื่อเรามาตามพวกท่านกลับบ้าน
บ้านที่เป็นแดนนิพพานที่ท่านจากมา
เราจะพาท่านมางมงายไปกับเราไม่ได้
แม้ทุกสิ่งอย่างที่เรากล่าวต่อท่าน
ล้วนเป็นความจริง
จากพระโอษฐ์พระบิดาก็ตาม

เพราะพวกท่านมาเกิดเป็น "คน"
แล้วต้องค่อยๆคนตนเองให้เป็น #มนุษย์
ด้วยการหมุนธรรมจักรในตนเอง
ด้วยการแทรกแซงขั้นธ์ 5
ด้วยการเข้าถึงแรงสั่นสะเทือนสูงสุด
ของจิตและสมองสองซีกให้ได้

สูงสุดของจิตคือความสงบสมดุล
สูงสุดของสมองคือ "อริยะปัญญา"

ดังนั้น
เราจึงไม่สอนสั่งให้ท่านเชื่อตาม
แต่กล่าวแล้วให้ท่านคิดตาม
คิดไม่ออกหรือคิดแล้วไม่เข้าใจก็ให้ถาม
ถามแล้วได้คำตอบได้ความรู้ก็เอาไปทำดู
เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของตนเอง
สู่การรู้จริงรู้แจ้ง และเห็นจริงเห็นแจ้ง

เพื่อให้ท่านเข้าใจง่ายเรียนรู้ได้เร็ว
เพราะเวลาโลกสำหรับพวกท่านเหลือน้อย
เราจึงกล่าวพระโอวาทด้วยภาษาง่ายๆ
ไม่เล่นคำ ไม่ทำสำนวนโวหาร
อ่านแล้วคิดตามได้อย่างเป็นรูปธรรม

องค์ธรรมจากพระโอวาท
เน้นให้ท่านทั้งหลายเรียนรู้
เพื่อให้ท่านเป็นครูสอนตนเองต่อไป
มิใช่ให้ท่านเอาไปเที่ยวสั่งสอนคนอื่นๆ

เพราะหน้าที่ของทุกท่านแต่ละคนนั้น
คือ การช่วยเหลือตนเองให้หลุดพ้น

ถ้าท่านยังช่วยเหลือตนเองไม่ได้
ท่านจะมีต้นทุนอะไรไปช่วยเหลือคนอื่น
นอกจากท่องจำธรรมแล้วนำมากล่าวต่อ
ยิ่งท่านยังมิรู้จริงรู้แจ้งมิเห็นจริงเห็นแจ้ง
ก็ยิ่งสุ่มเสี่ยงต่อการสอนผิด
ซึ่งนับว่าเป็นโทษมหันต์เลยทีเดียว

นอกจากนั้น
คนที่จะทำหน้าที่เป็นครูสอนธรรมะคนอื่นได้
จิตวิญญาณของท่านคุรุท่านนั้น
ยังต้องเป็นผู้ที่ถือภารกิจนี้ติดตัวมาเกิดด้วย
เพราะการเป็นคุรุสอนธรรมะ
เป็นภารกิจทางจิตวิญญาณที่กำหนดมา
มิใช่ว่าจิตดีมีเมตตาก็ตั้งหน้าสอนธรรมะแล้ว

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
มนุษย์ด้วยกันจะสามารถช่วยเหลือกันได้
ด้วยการปฏิบัติแล้วไม่ผิดบาปไม่ผิดหน้าที่
ด้วยบทบาทง่ายๆต่อไปนี้

1.สอนธรรมะคนอื่นโดยไม่ต้องสอน
เพียงแค่ท่านรู้ธรรมะเข้าถึงธรรมะใด
ก็ให้นำเอาธรรมะนั้นมาปฏิบัติ
ให้คนรอบข้างเขาได้เห็นเป็นแบบอย่าง
แล้วนำไปปฏิบัติตามวิถีชีวิตของเขาเอง

2.ถ้าจำเป็นต้องพูดธรรมะให้ใครฟัง
ก็ให้กล่าวตามที่พระศาสดาสอนไว้
#กล่าวทุกครั้งต้องอ้างอิงทุกครั้ง

ผู้นำศาสนาบางท่านบางยุคในอดีต
มักจะกล่าวธรรมะสอนชาวโลก
โดยไม่บอกกล่าวว่าที่ตนนำมากล่าว
ล้วนเป็นธรรมะจากพระเจ้า
แถมบางสิ่งก็กล่าวตามความเชื่อของตน
ปนเปผสมผสานกันไปจนแยกไม่ออก

แม้จะแลดูว่าท่านผู้นั้นได้ทำตามหน้าที่
เพราะทางโลกมียศตำแหน่งแต่งตั้งชัดเจน
ผู้คนรู้เห็นและยอมรับกันทั่วโลก
แต่ท่านก็ถูกจิตวิญญาณแก่นแท้ในตน
โดยความร่วมมือของพี่พลียะเดี้ยน
คอยกระตุกกระตุ้นจิตสำนึกอยู่ตลอดเวลา

อาการที่มนุษย์ได้เห็นก็คือ
มือที่จับถือพระคัมภีร์จะสั่นเทา
ศีรษะที่มีจิตกับสมองสถิตย์อยู่
จะเกิดอาการกระตุกกระชากเป็นระยะ
ซึ่งเป็นอาการที่พวกท่านเรียกว่า
ป่วยเป็นโรค #พาร์คินสัน นั่นเอง

ดังนั้น
จงอย่ากล่าวพระธรรมใดๆให้ใครฟัง
ไปตามความคิดเข้าใจ
หรือกล่าวตามความเชื่อของตนเองเด็ดขาด
เพราะนอกจากสิ่งที่ท่านกล่าว
อาจเป็นธรรมะนอกรีตให้คนหลงผิดแล้ว
มันยังจะทำให้ท่านทำผิดหน้าที่
อันเป็นการผิดบาปต่อจิตวิญญาณตนเองด้วย

3.ทางที่ดีที่สุดหากปรารถนาดี
ต้องการชี้ทางธรรมให้แก่ผู้ใด
ก็ให้แนะนำเขาอ่านพระคัมภีร์ด้วยตนเอง
เมื่อเขาไม่เข้าใจก็ให้เขากลับมาถามท่าน
เมื่อท่านตอบคำถามก็ให้ใช้คำว่า
"ความเข้าใจส่วนตัว" เพื่อให้เขาคิดตามเอง
มิใช่ปล่อยให้เขาเชื่อตาม
นี่จึงเป็นวิถีที่ถูกต้องที่ปลอดการเกี่ยวกรรม

โลกยุคนี้เต็มไปด้วยความสับสน
ผู้คนมีปัญญาแต่ใช้ไม่เป็น
จึงขาดพลังอำนาจที่จะนำพาตนเอง
ข้ามผ่านกฎแห่งกรรม
เพื่อหยุดยั้งการมีสังสารวัฏกันได้

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านว่า
พระสุริยะจะทรงกลดงดเว้นภัยให้ท่าน
ด้วยปฏิบัติการของฟ้าไม่ได้ตลอดหรอก

ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.ศกนี้เป็นต้นมา
แม้ว่าจะทำการกลั่นกรองไว้บ้างแล้ว
แต่เครื่องยนต์แห่งกรรมของเรา
ก็ยังรับรู้แรงสั่นไหวของแผ่นดินโลก
ที่ค่อนข้างรุนแรงกว่าปกติได้
แม้ขณะที่ถ่ายทอดคลื่นพระโอวาทนี้
เราก็มีอาการโคลงเคลง
ดุจนั่งเรือสู้คลื่นจนฝืนแทบไม่ไหว

พี่น้องทั้งหลาย
จงเร่งช่วยกันสร้างบวกมากๆ
รักกันให้ได้ ให้อภัยให้เป็น
หยุดใช้กิเลสตัณหาราคะ
ดำเนินชีวิตเสียเถิด

มันจะช่วยได้เยอะเลย
ไม่เช่นนั้นภัยพิบัติจะมาแรงและมาเร็วขึ้น
จนมิอาจต้านทานเอาไว้ได้อีก
จงเตรียมตนเองและจิตวิญญาณ
ให้พร้อมต่อการผจญภัยเถิดท่านทั้งหลาย

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
2-07-2017

หมายเหตุ:
ต้องการติดตามตอนต่อไป
โปรดยกมือขึ้นอีกครั้งเถิดท่าน