วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560

ชีวิตที่หลากหลาย เป็นสิ่งสวยงาม





ชีวิตที่หลากหลาย
เป็นสิ่งสวยงาม
แม้บางสีตัวท่านอาจไม่ชอบมัน
แต่..ถ้าโลกนี้มีสีเดียว
แค่สีที่ท่านชอบ
โลกนี้ก็จะขาดความหลากหลาย
เพราะสีอื่นๆที่ท่านไม่ชอบมันไม่มี
จงอย่าสำคัญผิดว่า
สีที่ท่านชอบนั้นสำคัญกว่าสีอื่น
เพราะสีอื่นๆอีกมากมาย
รวมสีที่ท่านชอบสีหนึ่งด้วย
ล้วนสำคัญเท่ากัน
เพราะมันต่างมีส่วนทำให้เกิดความหลากหลาย
ที่สวยงามนั่นเอง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
15-03-2017

มรรควิถีแห่งจิตจักรวาล ถ้าท่านละวาง "ความโกรธ" ไม่ได้






#มรรควิถีแห่งจิตจักรวาล
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านละวาง "ความโกรธ" ไม่ได้
ท่านก็จะแทรกแซง
กระบวนการของขันธ์ 5 ไม่สำเร็จ
หากท่านแทรกแทรงไม่สำเร็จ
จิตของท่านก็จะหลุดพ้นจากอำนาจ
การครอบงำของกิเลสตัณหาราคะไม่ได้
สภาวะจิตของท่านก็จะยังมิอาจยกระดับ
แรงสั่นสะเทือนให้สูงขึ้นทางด้านบวกได้
เหตุเพราะจิตยังไม่ว่างจากความโกรธนั้น
เพราะจิตไม่ว่างจากความโกรธ
จิตจึงไม่สามารถมีพื้นที่ให้กับความรัก
เพื่อสั่นสะเทือนเป็นมโนกรรมด้านบวกได้
#เพราะจิตมนุษย์สามารถสั่นสะเทือน
#ทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดได้ทีละอย่างเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เอง
ขณะกำลังโกรธอยู่
ท่านก็จะหยิบยื่นความรักให้ใครไม่ได้
ขณะกำลังแสดงความโลภอยู่
ท่านก็จะคิดแบ่งปันให้ใครไม่เป็น
ดังนั้น...คนที่มีนิสัยด้านลบ
คือ โกรธง่าย โมโหร้ายเป็นรายวัน
จึงมักจะย่อหย่อนอ่อนแอที่จะรักคนอื่น
ก็เพราะเหตุผลดังกล่าวนี้
เนื่องจากคนที่ตกเป็นทาสของความโกรธ
จะเป็นคนที่ขาดสติสัมปชัญญะ
เพราะความโกรธจะทำให้ท่าน "นึกลบ"
ไปตามอารมณ์ด้านลบที่กำลังเกิดขึ้นนั้น
จึงยังผลให้ท่าน
กลายเป็นคนคิดลบหรือคิดไม่ดี
โดยไม่สามารถที่จะ #กำหนดการนึกคิด
ของตนเองไปตามปกติ
เหมือนตอนที่ไม่โกรธได้
ซึ่งความนึกคิดของท่านมันจะลื่นไหล
เป็นไปตามความโกรธที่สั่นอยู่นั้นเสมอ
การนึกคิดด้านลบของท่าน
มันก็จะขับเคลื่อนพฤติกรรมลบออกมาภายนอก
เป็นการพูดไม่ดี พูดไม่เพราะ พูดชั่ว
เป็นการมองไม่ดี มองไม่เหมาะ มองเป็นลบ
เป็นการฟังไม่ดี ฟังไม่ถูกหู ฟังไม่ครบความ
เป็นการกระทำตอบสนองด้านลบ
ที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ไม่ดีงาม
อย่างใดอย่างหนึ่งให้ปรากฏออกมาได้เสมอ
พฤติกรรมด้านลบ
อันเกิดแต่ความโกรธที่ท่านแสดงออกมา
เพื่อกระทำตอบสนองต่อบุคคลหรือสถานการณ์
ซึ่งเป็นเงื่อนไขแห่งความโกรธของท่านนั้น
มันจะกลายเป็นชนวนให้เกิดการแตกแยก
จากสาเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทบาดหมาง
อันจะก่อให้เกิด #การเกี่ยวกรรม ตามมาได้อีก
เมื่อยังมีการเกี่ยวกรรมประจำวันเป็นรายคน
แถมยังเพิ่มจำนวนคนผู้เกี่ยวกรรม
กับเพิ่มพูนผลกรรมเป็นรายวันไปเรื่อยๆเช่นนี้
วงจร "สังสารวัฏ" จึงมิอาจหยุดหมุนได้
เมื่อยังมากมีสังสารวัฏแห่งการเวียนตายเกิดอยู่
ดวงจิตธรรมญาณของท่านทั้งหลาย
ผู้ยังเข้าถึงความสุขสงบสงัด
อันเป็นที่สุดไม่ได้
ก็จักมิอาจหลุดพ้น
บนมรรควิถีแห่งจิตจักรวาลได้ด้วยเหตุฉะนี้
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่าน
ผู้ใฝ่การหลุดพ้นหรือนิพพานว่า
ความโกรธเป็นขยะทางจิตลำดับต้นๆ
ที่เป็นอุปสรรคขวากหนามสำคัญ
ทำให้ท่านก้าวหน้าทางจิตวิญญาณไม่ได้
ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นที่ในจิตท่าน
มันทำให้ท่านเกิดความทุกข์ไร้สุขทันที
แถมมันยังทำให้ท่านกลายเป็นคนโง่อีกด้วย
ท่านลองใช้ปัญญาพิจารณา
ด้วยการถามตนเอง 4 ข้อนี้
แล้วกรุณาบอกเราได้ไหมว่าท่านตอบเช่นไร
1.ความโกรธ คือ อะไร
2.จะจัดการความโกรธของตนได้อย่างไร
3.จะคุ้มครองป้องกันจิตตนเอง
มิให้ตกเป็นทาสความโกรธ
อย่างสิ้นเชิงได้อย่างไร
4.ท่านคิดว่าความโกรธในจิตใจท่าน
กับคนที่ทำให้ท่านโกรธนั้นใครร้ายกว่ากัน
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
15-03-2017
หมายเหตุ:
ท่านสามารถแชร์บทความในห้องนี้
ไปยังเพื่อนๆในกลุ่ม Fb.หรือ Lines ของท่าน
เพื่อเป็น "ธรรมทาน-วิทยาทาน" ได้
โดยมิต้องขออนุญาต
หากท่านเห็นด้วยและเห็นว่ามีประโยชน์
สาธุโมทนา
Admin.

สารพัดสารพัน







#สารพัดสารพัน

พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

#ความโลภ ก็เป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่ง
ซึ่งเป็นอุปสรรคบนเส้นทางแห่งการหลุดพ้น
เพราะมันจะทำให้สภาวะจิตของท่าน
ขาดพลังอำนาจทางด้านบวก
จนไม่อาจเข้าถึงความสุขสงบแท้จริงได้

"ความโลภ" เป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่ง
ที่เป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวในแต่ละคน
หรืออาจเกิดขึ้นเฉพาะกิจเมื่อถูกเร้าก็ได้
อาการหลักๆก็คือ

1.อยากได้โน่นนั่นนี่ไปเรื่อยๆ
พอได้เห็นได้ยินก็อยากได้เรื่อยไป
แม้บางสิ่งตนจะมีมากพออยู่แล้ว
แต่ถ้ามีช่องทางก็ยังอยากได้อีก
โดยที่ในบางเรื่องบางครั้งนั้น
อาจจะตอบสนองความอยากของตนไม่ได้ก็ตาม

2.ใคร่ที่จะมีสิ่งนั้นสิ่งนี้
ทันทีที่ได้สัมผัสรับรู้ดูเห็นมัน
โดยจะพยายามแสวงหาหนทางเพื่อให้ได้มา
ในทุกวิถีทางอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช

ความใคร่ที่จะมีจะเป็นจะทำนี่
น่ากลัวกว่าความอยากได้ใคร่มีก็ตรงที่
ความใคร่จะต้องได้รับการตอบสนองเท่านั้น
ส่วนความอยากนั้นแม้ท่านอาจไม่สมอยาก
ก็ไม่ค่อยจะเดือดเนื้อร้อนใจเท่าใดนัก

แต่ถ้าเป็น "#ความใคร่" จะมีเอกลักษณ์คือ

*ไม่มี *ไม่เห็น *ไม่เป็น *ไม่ได้
*ไม่ได้ ไม่ได้
*ไม่ได้ ก็ต้องได้!

3.เมื่อสนองความอยากได้ใคร่มีของตนได้แล้ว
ก็จะเก็บกำกอบโกยโดยไม่คิดจะแบ่งปันใคร
ใครขอแบ่งปันก็ไม่ให้
ใครลักขโมยเอาไปก็ไม่ยอม
เพราะหมายจ้องจะเอาไว้คนเดียวนั่นเอง

4.เมื่อใดก็ตามที่ท่านถูกความโลภครอบงำ
ท่านก็จะไม่สามารถแทรกแซง
กระบวนการเกิดขันธ์ 5 ได้เลย
เพราะความโลภมันจะเป็นเจ้าเข้าครองจิตใจ
จนไม่มีที่ว่างเหลือไว้ให้อาการทางจิตแบบอื่น
สามารถสั่นสะเทือนขึ้นมาแทรกได้

5.คนโลภจึง "งก"
เพราะเสมือนอยู่ในโลกใบเล็ก
โดยมีแต่ตนเองกับพวกตัวเท่านั้น
ซึ่งคนทั่วไปเรียกว่า "เห็นแก่ตัว" นั่นแหละ

คนที่โลภจนเสียนิสัย
แล้วกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวนั้น

จะรักคนอื่นไม่ได้ แบ่งปันให้ใครก็ไม่เป็น
จะเป็นคนไม่รู้จักการเสียสละ
จะเป็นคนไม่มีสำนึกแห่งการเป็นผู้ให้
จะเป็นคนแคร์ผลประโยชน์ตนมากกว่ามิตรภาพ

6.คนโลภจึงเป็นคนขาดสติสัมปชัญญะ
เพราะความอยากได้ใคร่มีที่เกิดขึ้นในจิตนั้น
มันปิดกั้นมิให้จิต "นึกคิด" ในสิ่งชอบธรรมได้
นึกคิดในสิ่งชอบธรรมไม่ได้เพราะขาดสติ
พอขาดสติก็เข้าถึงการใช้สติปัญญาไม่ได้
ก็หมายความว่า "โง่" นั่นเอง
ซึ่งความโง่จะนำไปสู่ความงมงายได้อีกด้วย

ดังนั้น
หากความโลภทำให้เกิดความงก
ท่านก็จะเป็นคนไร้เพือ่น
เพราะไม่มีใครคบคนที่เห็นแก่ตัว

ความโลภทำให้เกิดความโง่งมงาย
ท่านจึงมีโอกาสเสียรู้เสียท่าคนชั่วได้ง่าย
เพราะท่านไม่ใช้ความคิดจึงไม่ฉลาดทันคน
ทั้งๆที่มีปัญญาอยู่กับตัว

ท่านที่รักทั้งหลาย
ช่วยกันคิดแล้วตอบเราได้ไหมว่า

1.ความโลภ
ทำให้ท่านเป็นคนไม่น่ารักได้อย่างไร

2.ท่านคิดว่า
อะไรเป็นเหตุให้คนเราเกิดความ "โลภ"
เมื่อเกิดโลภแล้วจะ "กำจัด" มันได้ยังไง

3.ท่านจะปิดกั้นป้องกันความโลภ
มิให้เข้ามาเกาะกุมจิตใจท่านได้อย่างไร

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
16-03-2017

หมายเหตุ:
ท่านสามารถแชร์บทความในห้องนี้
ไปยังเพื่อนๆในกลุ่ม Fb.หรือ Lines ของท่าน
เพื่อเป็น "ธรรมทาน-วิทยาทาน" ได้
โดยมิต้องขออนุญาต
หากท่านเห็นด้วยและเห็นว่ามีประโยชน์

สาธุโมทนา
Admin.