วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559

‎จิตสำนึกกับจิตใต้สำนึกนั้นไม่เหมือนกัน‬



  
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ในปัจจุบันนี้ยังมีผู้คนอยู่จำนวนมาก
ที่ยังไม่เข้าใจความจริงของตนเองว่า
‪#‎จิตสำนึกกับจิตใต้สำนึกนั้นไม่เหมือนกัน‬
เราจึงจะขอกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
‪#‎จิตสำนึก‬ เป็นเรื่องของ ‪#‎จิตหยาบ‬
ซึ่งมีหน้าที่สั่นสะเทือนตนเองให้เกิดพลังอำนาจ
แล้วใช้พลังอำนาจนั้นขับเคลื่อนพฤติกรรม
ในการดำเนินชีวิตทั้งในมิติโลก
และในมิติของจิตวิญญาณด้านของแก่นแท้
จิตสำ(สาม)นึก
ประกอบด้วยจิตซึ่งมีด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ
1.‪#‎นึกออก‬ หรือนึกได้
หมายถึง การจำได้ว่า หรือ ระลึกได้ว่า
ส่วนใหญ่จะเป็นการจำเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตได้
หรือระลึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วได้
2.‪#‎นึกเอา‬
หมายถึง การนึกถึงสิ่งใหม่ๆ เรื่องราวใหม่ๆ
ที่ตนไม่เคยมีประสบการณ์นั้นๆมาก่อน
ไม่เคยมีองค์ความรู้นั้นๆมาก่อนเลย
3.‪#‎นึกเอง‬
หมายถึง การนึกคิดแทนผู้อื่น
โดยที่ท่านยังไม่รู้ความจริงเลยว่า
ที่ตนนึกคิดเอาเองอยู่นั้นมันถูกต้องตรงใจ
คนที่ท่านกำลังก้าวล่วงอยู่จริงหรือเปล่า
*‪#‎เจ้าจิตทั้งสามนึก‬...กลุ่มนี้แหละ
มันจะเป็นตัวการในการขับเคลื่อนพฤติกรรม
ทั้งภายนอกและภายในของท่านทั้งหลาย
ทั้งดีและร้ายอยู่ตลอดทุกวันเวลาในยามตื่น
ถ้าท่านมีจิตทั้งสามนึกนี้เป็นด้านบวกคือ "ดี"
การแสดงออกหรือกระทำใดๆของท่านก็จะดี
แต่ถ้าท่านมีจิตสามนึกนี้เป็นด้านลบ คือ ไม่ดี
การแสดงออกหรือกระทำของท่านก็จะไม่ดี
ตัวอย่างเช่น
1.เมื่อใดก็ตามที่ท่าน "นึกดี" คือ ‪#‎นึกบวก‬
ท่านก็จะสั่นสะเทือนทางจิตภายในตัวท่าน
เกิดเป็น ‪#‎อารมณ์‬ ‪#‎ความรู้สึก‬ และ ‪#‎ความคิด‬
ทางด้านบวกหรือด้านดีตามการนึกบวกนั้นเสมอ
2.เมื่อใดก็ตามที่ท่าน "นึกชั่ว" คือ ‪#‎นึกลบ‬
ท่านก็จะสั่นสะเทือนทางจิตภายในตัวท่าน
เกิดเป็นอารมณ์ ความรู้สึก และความคิด
ทางด้านลบหรือด้านชั่วตามการนึกลบนั้นเสมอ
เพราะเหตุนี้เอง
เราจึงกล่าวต่อท่านทั้งหลายตลอดมาว่า
‪#‎จิตสำนึกของท่าน‬ นี่แหละ
ที่เป็นผู้ขับเคลื่อน ‪#‎พฤติกรรม‬ ทั้งหมด
ไม่ว่าจะดีหรือเลวในชีวิตประจำวันของท่าน
ดังนั้น....
ถ้าจะแก้ไข ‪#‎พฤติกรรมขยะ‬ ของมนุษย์
มันจึงต้องปรับแก้กันที่ ‪#‎จิตสามนึก‬ นี่แหละท่าน
โดยการจะแก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรมขยะนั้นๆได้
ท่านก็จักต้องรู้ว่าจิตสามนึกกลุ่มใดหนอที่บกพร่อง
ก็ให้แก้ไขด้วยการ ‪#‎สร้างสำนึกใหม่ที่ถูกต้อง‬ แทน
ท่านจึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงนิสัย
และทำการแก้ไขสันดานที่บกพร่องนั้นๆได้
ซึ่งการแก้ไขพฤติกรรมมนุษย์
ด้วยกระบวนการ ‪#‎ไซโคโชว์‬ ‪#‎PsychoShow‬)
เราก็อาศัยกลยุทธอันแยบยลนี้นั่นเอง
‪#‎การดุด่าว่ากล่าว‬
‪#‎การบ่นจนปากเปียกปากแฉะ‬
‪#‎การอบรมพร่ำสอนให้รู้ดีรู้ชั่ว‬
เพื่อการปรับแก้ไขนิสัยไม่ดีของคน
มันจึงไม่เคยได้ผล
เพราะ ‪#‎เกาไม่ถูกที่คัน‬ ไงล่ะท่าน
เพราะเรารู้ดีว่า
พฤติกรรมขยะของมนุษย์จะแก้ไขที่ตัวพฤติกรรม
โดยวิธี ‪#‎บังคับข่มขู่ขืนใจ‬ ให้เขาเปลี่ยนก็ไม่ได้
จะใช้วิธี ‪#‎ให้รางวัลจูงใจ‬ ให้เขาเปลี่ยนก็ไม่ได้
เพราะถ้าเปลี่ยนแปลงเขาได้ก็แค่ชั่วคราว
ตราบเท่าที่พลังของการบังคับหรือพลังจูงใจ
มันยังได้ผลอยู่เท่านั้นเอง
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
เชื่อมั่นว่าท่านทั้งหลายคงจะได้รู้จัก
‪#‎จิตสำนึกหรือจิตสามนึก‬ ของตนเองดีขึ้นล่ะนะ
จะได้ไม่ใช้สับสนปนเปกับเรื่อง ‪#‎จิตใต้สำนึก‬ อีก
‪#‎บทเรียนตอนต่อไป‬
เราจะกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่าง
จิตสามนึกกับจิตใต้สำนึกให้ท่านเรียนรู้กันต่อ
เพราะหากท่านยังไม่รู้ไม่เข้าใจไม่เข้าถึง
ในกระบวนการของสองจิตที่กล่าวนี้
ต่อให้ท่องธรรมะได้มากมาย
ต่อให้ทำบุญสุนทานสั่งสมกันมามากแค่ไหน
ชาตินี้ก็ยังมิอาจกลับบ้านหรือนิพพานได้หรอก
เพราะท่านจะไม่อาจ "คนตนเอง" ในสองมิติ
ให้เป็นมนุษย์ที่สมดุลได้นั่นเอง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
10-08-2016

ถ้าท่านปรารถนา การหลุดพ้นแท้จริง


 
 
 
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
การระวังตนเองมิให้ #ก้าวล่วงผู้อื่น มิใช่เรื่องง่าย
แต่เพราะมันเป็นกฎเกณฑ์ที่ผู้ปรารถนาการหลุดพ้น
จักต้องสอบผ่านมันไปให้ได้
ท่านจึงต้องใส่ใจในเรื่องนี้กันไว้ให้มาก

ถ้าท่านยังประพฤติก้าวล่วงผู้อื่นอยู่
การก่อเวรเกี่ยวกรรมทำผิดบาปก็จะยังคงมีอยู่
จิตวิญญาณของท่านก็จักต้องเรียนรู้อยู่ต่อไป
เพราะ "สอบผ่าน" บททดสอบจิตสำนึก
เพื่อผ่านสู่ประตูแห่งการหลุดพ้นไม่ได้

การก้าวล่วงผู้อื่น
ที่เกิดได้ง่าย เกิดได้บ่อย และเกิดมากที่สุด
คือ #การล่วงเกินด้วยจิตใจ
รองลงมาก็คือ #การก้าวก่ายด้วยกายและวาจา
เพราะการกระทำทางกายกับวาจา
ล้วนมีสาเหตุมาจาก "จิตใจ" เป็นผู้ริเริ่มทั้งสิ้น

ดังนั้น
ถ้าท่านปรารถนาการหลุดพ้นแท้จริง
ในกรณีที่จะละเว้นการไม่ก้าวล่วงผู้อื่นนั้น
ท่านจักต้องระวังที่จิตของท่านให้มากที่สุด

จงอย่าปล่อยให้จิตมันสั่นสะเทือนอย่างอิสระ
แต่ท่านจงเป็นผู้ควบคุมจิตด้วยการกำหนดจิต
ให้มันสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกนึกคิด
ในแบบที่ท่านเองต้องการเท่านั้น
จงเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ #กำหนดจิต
จงอย่ายอมให้จิตเป็นผู้ #บงการท่าน

จงอย่าปล่อยให้จิตสั่นสะเทือนเอง
โดยท่านต้องยอมทำตามความต้องการของจิตอีกเลย
โอกาสที่ท่านจะผิดบาปกับการก้าวล่วงผู้อื่นนั้น
มันจะเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายยิ่ง

เรื่องความผิดบาปด้วยการก่อกรรมด้านลบทางจิตนั้น
แม้คนที่ท่านล่วงเกินหรือคนอื่นๆเขาจะไม่ล่วงรู้
แต่จิตวิญญาณของท่านเองและองค์จิตจักรวาล
ต่างก็รับรู้ความผิดบาปนั้นอย่างชัดเจนอยู่
จิตวิญญาณของท่านจึงต้องรับผิดชอบมัน
โดยมิอาจปิดบัง อำพราง หรือหลีกเลี่ยงได้

ยิ่งถ้าท่านคิดลบแล้วกระทำลบต่อผู้อื่น
ซึ่งเขาคนนั้นสามารถสัมผัสรู้ดูเห็น
การกระทำที่ไม่ดีงามของท่านได้อย่างชัดเจนแล้ว
#การเกี่ยวกรรมกันกับผู้อื่ ก็ยิ่งเกิดขึ้นได้ง่ายมาก

เพราะการฝากรอยแค้นให้ผู้อื่นเคียดแค้นท่าน
การฝากความโกรธเคืองให้ผู้อื่นเขาชิงชังท่าน
มันคือ #การเกี่ยวกรรมสัมพันธ์ ที่ต้องมีการแก้ไข
โดยอาจต้องใช้เวลาเป็น 1 ภพชาติหรือมากกว่า
ซึ่งท่านผู้ปรารถนาการหลุดพ้นจักต้องระวังไว้

จงอย่าเป็นคนทำอะไรมักง่าย
จงอย่าเป็นคนปากพล่อย พูดโพล่ง หรือปากโป้ง
จงอย่าเป็นคนหูเบา หูหาเรื่อง
จงอย่าเป็นคนใจเบา เช่น ขี้ระแวง ขี้หวง ขี้หึง
จงอย่าเป็นคนแส่ สอด เสือก เรื่องของคนอื่น

ซึ่งท่านจะรักษาคุณสมบัติเหล่านี้ไว้ได้
จักต้องใช้ #มหาสติ ตามมรรควิถีจิตจักรวาลเท่านั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
9-08-2016

หมายเหตุ:

ถ้าท่านอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้ว
หากท่านเกิดอคติบางประการต่อเรา
นี่ก็เท่ากับว่าท่านได้ล่วงเกินเราแล้วเหมือนกัน