วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

ทำไมมนุษย์โลกจึงไม่รักกัน





มีผู้ถามเราว่า.....
ทำไมมนุษย์โลกจึงไม่รักกัน
เราจึงจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า
สาเหตุมีดังนี้.......

1.เพราะทุกคนจดจำไม่ได้ว่า "หน้าที่" ของพวกท่าน
คือ มาเกิดเพื่อรักกันแล้วแบ่งปันพลังงานความรัก
จากจิตสำนึกในรูปของพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กให้โลก
เพื่อช่วยค้ำจุนโลกให้สมดุล เพราะถูกอำนาจแม่เหล็กโลก
ปิดบังมิติไว้มิให้ล่วงรู้นั่นเอง

2.เพราะทุกคนไม่รู้ว่าการปฏิบัติดีปฏิบัติชั่วต่อกัน
ในชีวิตประจำวัน มันคือการหยิบยื่นบททดสอบจิตสำนึก
ให้แก่กันและกัน ตามแผนการที่จิตวิญญาณของพวกท่าน
ต่างตกลงใจเขียนบทละครนั้นๆกันมาเองว่า จะใช้บทละคร
ดีๆร้ายๆ เป็นเงื่อนไขเพื่อให้อีกฝ่ายสั่นสะเทือนจิตสำนึก
ด้านบวกเป็นความรักให้ได้

3.เพราะพวกท่านไม่รู้ว่าบทบาทของผู้ดีผู้ร้าย
ที่แสดงต่อกันอยู่ทุกวันๆนั้นมันคือ "บทละคร" มิใช่เรื่องจริง
ทุกคนพากันเข้าใจผิดต่างคิดว่าเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น
เพราะต่างคนต่างเล่นกันสมจริงสมบทบาทเป็นอย่างยิ่ง
การต่อสู้ ตอบโต้ ต่อต้านกันจึงเกิดขึ้นจริงๆ

4.เพราะมนุษย์มีจริตผิดๆคือ
ถือตัวตนของตนสำคัญเหนือใคร
ยึดถือตนเองเป็นใหญ่ โดยติดนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก
ทั้งๆที่นิสัยเด็กในการคิดถึงตนเองก่อนผู้อื่นนั้น
มันเป็นแค่เพียงสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอด

พอเติบใหญ่ก็หยิบฉวยเอาสัญชาตญาณวัยเด็กมาใช้
ทั้งๆที่เลยวัยนั้นไปแล้ว
ควรจะใช้สติปัญญญาของสมองแทนได้แล้ว
แต่มนุษย์ก็ทำไม่ได้ ทำไม่สำเร็จ

เนื่องจากการยึดถือตนเองเป็นสำคัญนี่แหละ
มนุษย์จึงเอาแต่ใจตนเอง
ใช้อารมณ์ของตนเอง
ยึดแนวคิดของตนเอง
ยึดสันดานของตนเอง
แล้วเที่ยวใช้มันชี้วัดตัดสินคนอื่น
และใช้มันขับเคลื่อนพฤติกรรมของตนในชีวิตประจำวัน
เสียจนเคยตัว....

5.เรียนธรรมะแต่ไม่เข้าถึงธรรมะ
เพราะยังใช้ปัญญาญาณของสมองซีกขวาไม่ได้
เนื่องจากขาดการฝึกฝนตนเอง
เก่งแต่หาข้อธรรมะมาท่องจำหรือมาทำตาม
แต่ก็ทำด้วยความไม่เข้าใจแท้จริง

วันๆจึงมีแต่คิดที่จะเอา มากกว่าคิดที่จะให้
นานวันเข้าก็เลยกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไป

6.เพราะสังคมมนุษย์ปัจจุบัน
ไม่เกื้อกูลต่อการแสดงความรักต่อกันเอาเสียเลย
เพราะเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ การแข่งขัน
การชิงดีชิงเด่นกันอย่างรุนแรง
ขนาดพี่น้องกันเองก็ยังขาดความปรองดอง
ทุกคนจึงพากันบ้าอำนาจ
แข่งกันใช้อำนาจ
จึงไม่มีเวลาว่างที่จะใส่ใจในรัก

7.เพราะปัจจุบัน
โลกนี้เป็นโลกแห่งทุนนิยม วัตถุนิยม เทวนิยม
ทำให้จิตสำนึกของคนส่วนใหญ่ตกต่ำ
การสั่นสะเทือนเป็นความรักและการใช้ปัญญา
จึงด้อยสมรรถภาพ เพราะใช้น้อยหรือใช้ด้านลบมากกว่า

ดังนั้น....
ทั้งหมดนี้ คือ ปัญหาที่ทำให้มนุษย์โลก
ไม่รู้จักว่าความรักที่แท้จริงนั้นมันคืออะไรกันแล้ว
บททดสอบแห่งความกลัวตาย
จากมหันตภัยในอีกไม่ช้า จึงจำเป็นต้องถูกส่งมา
ให้พวกท่านทั้งโลกได้เผชิญ!

เรากล่าวความจริงทั้งเจ็ดเพื่อตอบคำถามเพื่อนเธอ
ที่ถามว่า "ทำไมมนุษย์โลกจึงไม่รักกัน"

เอเมน.....สาธุ........

ป.วิสุทธิปัญญา
13-02-2015

มนุษย์กับโลกต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน




มนุษย์กับโลกต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน
..................................................
มนุษย์แห่งโลกเสรีที่รักทั้งหลาย
เราจะขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พระบิดาทรงกำหนดให้
ท่านทั้งหลายกับดาวเคราะห์โลก
ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน
ถ้าจะเป็นหนึ่งเดียวกันกับโลกได้
ท่านทั้งหลายจักต้องกระทำที่จิตสำนึกตนเองเท่านั้น
ด้วยการปฏิบัติตนดังนี้
1.มองทุกสิ่ง ทุกคน ทุกเรื่องราว ในแง่ดีเสมอ
2.มีความรู้สึกนึกคิดที่ดีต่อทุกเงื่อนไขที่เผชิญ
3.อย่าคิดแบบจิตมนุษย์ เช่น ใครร้ายมาจะร้ายตอบ
ไม่ชอบใจใครก็จะเกลียดหรือรังเกียจ
และไม่พอใจใครก็จะโกรธ ขึ้ง ขุ่น เคือง เป็นต้น
4.มีอารมณ์ดีเสมอ อย่าจิตตกง่ายเมื่อถูกยั่วยุ
5.มีจิตใจเมตตา กรุณา และมีมุทิตาจิตเสมอ
6.รู้จักอดทน อดกลั้น และให้อภัย ต่อผู้อื่นได้ทุกคน
7.มีความรักและปรารถนาดีต่อทุกๆคน
8.มีความพร้อมที่จะเป็นมิตรกับผู้อื่นเสมอ
9.ไม่เป็นเงื่อนไขด้านลบของผู้อื่น
10.รักโลกที่ตนเหยียบยืน
บัญญัติ 10 ประการที่กล่าวนี้
ท่านสามารถปฏิบัติกันในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย
ความรักบริสุทธิ์จากจิตใจท่าน
ปัญญาญาณที่สั่นสะเทือนเพื่อการคิดบวก
รวมทั้งการกระทำใดๆที่ดีงามในชีวิตต่อผู้อื่นและโลก
มันคือการสั่นสะเทือนทาง "จิตตปัญญา" ด้านบวก
ที่จะนำไปสู่การแสดงออกหรือการกระทำด้านบวก
ของท่านทั้งหลายบนโลกนี้ ที่จะกระทำต่อตนเอง
ต่อเพื่อนมนุษย์ ต่อทุกสรรพสิ่ง และต่อโลกของท่าน
โดยมันจะสั่นสะเทือนร่วมกันไปในคราเดียวกันนั่นเอง
ซึ่งมันจะก่อให้เกิดพลังอำนาจในมิติทางพลังงาน
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก
ที่จะไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการสั่นสะเทือนที่แกนโลก
เพื่อสร้างจิตสำนึกของโลกขึ้นมาให้ได้
ด้วยการกระตุ้นให้มันสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
จากพลังจิตตปัญญาหรือจิตสำนึกด้านบวกของพวกท่าน
ที่กระทำผ่านบัญญัติทั้ง 10 ประการที่กล่าวนั้น
ดังนั้น......
บัญญัติทั้งสิบประการจึงเสมือนเป็นวิธีการทางเท็คนิก
ซึ่งเรายินดีที่ได้กล่าวความจริงมาให้ท่านได้รับรู้ไว้ทั้งหมดนั้น
จงระลึกเสมอว่า....
จิตสำนึกของโลกจะเกิดขึ้นมาได้
เพราะท่านทั้งหลายช่วยกันสั่นสะเทือนมันขึ้นมานั่นเอง
โดยใช้ความรักและความคิดด้านบวก
ที่ท่านมีต่อกันและกันเป็นเครื่องมือ
จงระลึกเสมอว่า....
จิตสำนึกของโลกจะตกต่ำดิ่งลงสู่หายนะทันที
หากท่านทั้งหลายรักกันไม่ได้ ให้กันไม่เป็น
การเห็นแก่ตัว
ก้าวล่วงซึ่งกันและกัน
การเข้าถึงการเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ได้
การทะเลาะเบาะแว้งกัน ขัดแย้งกัน
การทำร้ายกัน ฆ่ากัน เกลียดชังกัน
การทำศึกสงครามกัน
พฤติกรรมเหล่านี้มีแต่จะนำโลกเข้าสู่หายนะ
เพราะดาวเคราะห์โลกจะเสียสมดุลรุนแรง
จนเกิดภัยพิบัติรุนแรง
ถึงขั้นแผ่นดินมากมายจะสูญหายไปจากแผนที่โลก
ถึงขั้นผู้คนบนโลกจำนวนมากมาย
จะพากันล้มตายอย่างอเนจอนาถ
มนุษย์โลกที่รักทั้งหลาย
แม้มหันตภัยจะเกิดรุนแรงอย่างไร
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้จะไม่มีวันแตกดับหรอก
พระบิดาจะทรงยอมให้แตกสลายไม่ได้
เพราะดาวโลกทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำจุนเอกภพ
โดยมีมนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งมีชีวิตในระบบโลก
เป็นกลจักรสำคัญในภารกิจหลักนี้
มนุษย์นี่แหละ....
จะต้องสติแตกกันเอง ในเร็ววัน!
เพราะท่านจะต้องตื่นตกใจกลัวมหาภัยพิบัติทุกรูปแบบ
ที่มันจะทวีความถี่และทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่ประดาช่างเท็คนิกจะจัดสรรให้
ที่มันไม่เคยเกิดภัยพิบัติมันก็จะเกิด
ที่ๆมันเคยเกิดมาแล้วมันก็จะมาเกิดซ้ำอีก
ที่ๆเคยเกิดแบบเบาะๆแค่เคาะเตือนมันก็จะสะเทือนแรงขึ้น
เร็วเข้าเถอะพวกท่าน
โดยเฉพาะรายที่ยังทำตัวเหลวไหล
โดยไม่สั่นไหวและไม่ใส่ใจในคำเตือนของเรา
เสมือนท่านจะท้าทายมัจจุราชหรือปานนั้น.....
เพราะขณะนี้โลกกำลังป่วยหนัก
จักต้องรักษาเป็นการด่วนแล้ว
แผ่นดินที่ไหว ภูเขาไฟที่ระเบิด
การเกิดจลาจลด้วยสงครามกลางเมือง
ดินฟ้าอากาศที่วิปริตผิดธรรมชาติจากที่เคยเป็น
โรคร้ายที่ระบาดพิฆาตชีวิตคนไปมากมายเพราะขาดยา
ศาสนาที่ฟูเฟื่องก็มีแต่เรื่องชวนธรรมเสื่อม
มายาเหล่านี้...ท่านทั้งหลายจักควรใส่ใจ
เพราะมันจะคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวท่านเรื่อยๆ
ใกล้เข้ามาช้าๆ.....
เอเมน....สาธุ......
ป.วิสุทธิปัญญา
13-01-2015