วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Meta-physics จิตใต้สำนึก #อภิปรัชญา-9





อภิปรัชญา: Pure-meta physics
#มหัศจรรย์แห่งจิตใต้สำนึก

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

#จิตใต้สำนึก กับ #จิตสามนึก นี้
เป็นเหมือนตะเกียบที่ใช้คีบอาหาร
ท่านต้องใช้งานมันร่วมกันทั้งสองข้าง
จะใช้ตะเกียบข้างใดข้างหนึ่
แค่เพียงข้างเดียวมิได้

นี่ย่อมหมายความว่า
ตะเกียบทั้งสองข้าง
ต่างจะต้องทำงานร่วมกันนั่นเอง

มนุษย์เป็นคนสองมิติ
คือมิติทางกายภาพที่เป็นกายหยาบ
โดยมีจิตหยาบเป็นผู้ขับเคลื่อน
การสั่นสะเทือนของ #จิตสามนึก
เพื่อให้เกิดการแสดงออกหรือการกระทำ
ด้วยเครื่องยนต์แห่งกรรม
เพื่อผลลัพธ์ใดๆที่ต้องการ
นี่จึงเป็นเหมือนตะเกียบข้างหนึ่ง

กับอีกมิติหนึ่งก็คือ
มิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้
โดยมีจิตวิญญาณเป็นผู้ขับเคลื่อน
การสั่นสะเทือนของ #จิตใต้สำนึก
เพื่อให้เกิดการแสดงออกหรือการกระทำ
ด้วยอำนาจของพลังงานทางจิตวิญญาณ
เพื่อผลลัพธ์ที่จิตสามนึกต้องการนั้น
นี่ก็เป็นดั่งตะเกียบอีกข้างหนึ่งนั่นเอง

ดังนั้น
ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จ
ในการดำเนินชีวิตหรือการทำงาน
ท่านจึงต้องใช้จิตทั้งสองมิติ
คือจิตหยาบกับจิตวิญญาณ
ทำงานร่วมกันอย่างลงตัวให้จงได้
ซึ่งหมายถึงจิตทั้งสองมิติ
จักต้องสั่นสะเทือนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้เอง
ความจริงในเบื้องแรกที่เราจะบอกท่าน
หากต้องการประสบผลสำเร็จใดๆในชีวิต
ท่านจักต้องปฏิบัติตนให้เข้าถึงความจริง
ทุกประการดังต่อไปนี้

1.ท่านเองโดยจิตหยาบ
จักต้องยอมรับความจริงเสียก่อนว่า
ตนเองนั้นยังมีจิตวิญญาณเร้นอยู่ข้างใน

2.สังขารร่างกายของท่าน
จักต้องแข็งแรง ไม่อ่อนแอ ไม่ขี้โรค
ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้กำลั
ซึ่งท่านจักต้องใส่ใจดูแลสุขภาพให้ดี

โดยบริโภคอาหารจำพวกพืชผักผลไม้
และเมล็ดธัญพืชจำพวกถั่วทุกชนิด
ท่านก็จะได้รับสารอาหาร แร่ธาตุ
และวิตามินต่างๆได้อย่างครบถ้วน
โดยไม่จำเป็นต้องทานเลือดเนื้อของสัตว์
ซึ่งเป็นพวกเดียวกันเองแต่อย่างใด

นอกจากนั้น
ท่านก็จักต้องพักผ่อนอย่างพอเพียง
และหมั่นออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ

นี่คือการทำตะเกียบข้างหนึ่งให้แข็งแกร่ง
พร้อมใช้งานแล้ว

3.จิตวิญญาณของท่าน
จักต้องมีพลังอำนาจสูงพอตัว
จนสามารถสั่นสะเทือนได้อย่างเต็มพลัง
ในทุกๆครั้งที่จิตหยาบต้องการ

พลังทางจิตวิญญาณของท่าน
จะได้จากการสั่นสะเทือนของจิตใต้สำนึก
ถ้าจิตใต้สำนึกสั่นสะเทือนสูงสุดมากเท่าใด
พลังอำนาจทางวิญญาณก็จะสูงมากเท่านั้น

จิตใต้สำนึกจะสั่นสะเทือนสูงสุด
เพื่อสนองความต้องการของจิตสามนึก
ได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไรนั้
ขึ้นกับเงื่อนไขสำคัญ 3 ประการ คือ

#ประการที่หนึ่ง
ท่านใช้ "แรงจูงใจ" หรือ "แรงบันดาลใจ"
ในการสั่นสะเทือนจิตสามนึก

ถ้าท่านใช้ #แรงบันดาลใจ
จิตใต้สำนึกก็จะมีพลังสูงกว่าหลายเท่า

#ประการที่สอง
จิตสามนึกสั่นสะเทือนเป็นความต้องการ
ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้หรือเป็นจริงไม่ได้
ที่เรียกว่า "เพ้อฝัน" หรือละเมอเพ้อพก
จิตใต้สำนึกจะสั่นสะเทือนตามไม่ได้

#ประการที่สาม
จิตใต้สำนึกมีพลังอำนาจต่ำกว่าปกติมาก
เพราะตัวท่านสั่งสมพลังงานกรรม
จากการกระทำผิดบาปเอาไว้มากนั่นเอง

ที่ผ่านมาเราจึงแนะนำให้ท่านทั้งหลาย
ครองลูกแก้วสองดวงไว้ให้มั่นคง
เพราะมันจะช่วยท่านไม่ก่อกรรมใหม่
แถมยังสามารถแก้ไขกรรมเก่าได้ด้วย

นี่ก็คือการทำตะเกียบอีกข้างให้แข็งแรง
พร้อมที่จะใช้งานร่วมกับอีกข้างหนึ่งแล้ว

4.ท่านต้องหมั่นฝึกฝนตนเอง
ให้มีความสามารถใช้อวัยวะและอายตนะ
ให้แคล่วคล่องปราดเปรียวหรือชำนาญไว้
เพราะความสำเร็จใดๆในภารกิจทางโลก
จักต้องอาศัยอวัยวะกับอายตน
เป็นเครื่องมือสร้างความสำเร็จทั้งสิ้น

ในด้านจิตวิญญาณก็เช่นกัน
ท่านสามารถฝึกใช้พลังจิตให้ชำนาญได้
ขณะดำเนินชีวิตประจำวัน
เป็นต้นว่า....

อย่าเป็นคนโลเล
อย่าเป็นคนเหลาะแหละลื่นไหล
อย่าเป็นคนพูดอะไรไม่ตรงตามที่คิด
อย่าเป็นคนทำอะไรไม่ตรงตามที่คิด
อย่าเป็นคนพูดโดยไม่คิดก่อนพูด
อย่าเป็นคนทำโดยไม่คิดก่อนท
อย่าเป็นคนจับจดไม่จริงจังไม่ตั้งใจ
อย่าเป็นคนวิตกจริต
อย่าเป็นคนขี้เกียจคิด

ทั้ง "9 อย่า" ที่กล่าวมานี้
ถ้าท่านว่างไปจากสิ่งนี้ได้ในชีวิตประจำวัน
จิตวิญญาณของท่านจะสั่นสะเทือนเต็มพลัง
ยังผลให้จิตใต้สำนึกพลอยมีพลังสูงขึ้นด้วย

5.ท่านต้องมีความสามารถ
ในการกำหนดจิตเพื่อการนึกและคิดให้เป็น
โดยฉลาดกำหนดนึกด้วยจิต
เพื่อการคิดอย่างชาญฉลาดด้วยสมอง
เพื่อสั่นสะเทือนจิตสามนึกให้ถูกต้องชัดเจน
จะได้สื่อกับจิตใต้สำนึกอย่างมีประสิทธิผล

ดังนั้น
ภาษาจิต (NLP) ที่สื่อสารกันในสองมิติ
จึงต้องชัดเจน เป็นรูปธรรมและเป็นจริงได้
มิใช่การหลอกลวงอย่างที่บางคนพยายาม
เพราะการหลอกตัวเองก็ผิดบาป
เป็นสิ่งต้องห้ามด้วยเหมือนกันแหละท่าน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
31-07-2017

หมายเหตุ:
ต้องการเรียนรู้ต่อเนื่อง
โปรดแสดงตนเพื่อยกมือขึ้นอีกครั้ง

วันพฤหัสบดีที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Meta-physics จิตใต้สำนึก #อภิปรัชญา-9




อภิปรัชญา: Pure-meta physics
#มหัศจรรย์แห่งจิตใต้สำนึก

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เพราะว่าท่านเป็น #คนสองมิติ
#พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ของท่าน
จึงทรงกำหนดให้ท่านทั้งหลาย
เป็น "คนสองภาค" ในตนเอง

#ภาคแรกคือกายหยาบ
อันประกอบด้วย #จิตหยาบ
ที่มี #จิตสามนึก กับ #เครื่องยนต์แห่งกรรม
รูปธรรมมนุษย์เป็นเครื่องมื

#ภาคสองคือจิตวิญญาณ
อันประกอบด้วย #จิตวิญญาณ
ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่านเอง
ซึ่งเร้นตนเองอยู่ข้างในกายหยาบ
ที่มี #จิตใต้สำนึก เป็นเครื่องมือ

เมื่อใดก็ตามที่จิตหยาบในภาคแรก
มีการสั่นสะเทือนทางจิตสามนึก
เป็นอารมณ์รู้สึกหรือการนึกคิดเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือว่าด้านลบ

ไม่ว่าท่านจะขับเคลื่อนมันออกมา
เป็นการแสดงออกหรือการกระทำใดๆ
ด้วยเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
หรือไม่ก็ตาม

ณ บัดเดียวกันนั้น
ภาคสอง คือ ด้านของจิตวิญญาณ
โดย #จิตใต้สำนึก ของท่านเอง
ก็จะสั่นสะเทือนตาม #จิตสามนึก ทันที
เพื่อแสดงออกหรือกระทำสิ่งนั้น
ในมิติของจิตวิญญาณด้านของแก่นแท้
ตามที่จิตหยาบโดยจิตสามนึกต้องการ

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
กระบวนการที่ว่านี้เป็นระบบอัตโนมัติ
ท่านไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปแทรกแซงเลย
เพราะจิตหยาบกับจิตวิญญาณของท่าน
จะสื่อสาร (Communication) กันเอง
ด้วยภาษาของจิต (Mind Language)
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก

ท่านจึงไม่จำเป็นต้องสร้างภาษาจิตประสาท
ที่เรียกว่า NLP ขึ้นมาใช้
ให้มันดูลึกลับซับซ้อนโดยใช่เรื่องเลย
เพียงแค่ท่านต้องระลึกไว้เสมอว่า
#จิตใต้สามนึกจะทำตามจิตสามนึกเสมอ

หมายความว่า
จิตใต้สามนึกจะคอยใช้พลังทางจิตวิญญาณ
ที่สองตาเปล่าของท่านมองไม่เห็น
สั่นสะเทือนให้เกิดการกระทำในมิติแก่นแท้
เพื่อให้บังเกิดผลสำเร็จในมิติของกายหยาบ
#ตามที่จิตหยาบสั่นสะเทือนจิตสามนึกเสมอ

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอเน้นย้ำนะว่า
#จิตใต้สำนึกจะสั่นสะเทือนตามจิตสามนึก
#จิตใต้สำนึกจะสั่นสะเทือนตามจิตสามนึก
#จิตใต้สำนึกจะสั่นสะเทือนตามจิตสามนึก

ดังนั้น
ไม่ว่าจิตสามนึกจะสั่นสะเทือนเรื่องนั้นๆ
ด้วยจิตรู้สามนึกซึ่งเป็นเรื่องดีๆที่ต้องการ
หรือจะสั่นสะเทือนเรื่องนั้นๆ
ด้วยจิตไร้สำนึกซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีที่ไม่ต้องการ
"จิตใต้สำนึก" ก็จะสั่นสะเทือนไปตามนั้น
โดยไม่รู้หรอกว่าสิ่งไหนต้องการไม่ต้องการ
แต่จะสั่นสะเทือนเพื่อนำสิ่งนั้นเข้ามาหา 
น้อมนำพาสิ่งนั้นเข้ามาให้ท่านจนทุกสิ่ง

ด้วยเหตุนี้เอง
ระหว่างการคิดสร้างภาษาจิตประสาท NLP
เอามาฝึกคิดฝึกใช้ในชีวิตประจำวันให้มันยุ่ง
กับมุ่งฝึกมหาสติกับปณิธานแห่งนิพพานไว้
ซึ่งเป็นการใช้ภาษาจิตประสาทวิถีธรรมชาติ
อย่างไหนจะควรค่าแก่การใส่ใจมากกว่ากัน

แต่สิ่งที่ท่านต้องระวังก็คือ
ท่านต้องไม่นึกลบคิดลบต่อตนเอง
เพราะจิตใต้สำนึกจะนำพาสิ่งลบๆนั้นมาให้
ประเภท "ฉันทำไม่ได้แน่" "แย่แล้วกู"
"ซวย...จิ๊บ...หายเลย"
"ฉันกลัวผีอ่ะ!" "ยากอ่ะ" "ฉันเกลียดคนขี้เมา"
"ฉันไม่ชอบคนเจ้าชู้" "รำคาญคนขี้บ่น"
"ฉันไม่ชอบคนขี้หึง" "รังเกียจคนขี้งก" ฯลฯ

เพราะการนึกลบคิดลบแบบนี้
ท่านต้องใช้จิตสามนึกสั่นสะเทือนมันทั้งสิ้น
ดังนั้นจิตใต้สำนึกจะเข้าใจว่า 

"ท่านต้องการ" ที่จะทำงานนั้นไม่ได้
เพราะท่านไปคิดว่าท่านทำไม่ได้
งานนั้นจึงเต็มไปด้วยอุปสรรคปัญหา
เพื่อจะให้ท่านทำไม่ได้หรือทำไม่สำเร็จ
ตามที่ท่านสั่นสะเทือนจิตสามนึกไว้

เข้าใจว่า "ท่านต้องการ" จะเจอความซวย
อันหมายถึงต้องเผชิญกับความโชคร้าย
ชีวิตท่านจึงมีแต่เรื่องร้ายๆเข้ามาในชีวิต
เพราะท่านสั่นสะเทือนจิตสามนึกว่า
"ซวยจิ๊บหาย" อยู่ซ้ำซาก

ผู้หญิงบางคนก็จะเจอแต่ผู้ชายขี้เมา
เจอแต่ผู้ชายเจ้าชู้ผ่านเข้ามาในชีวิต
จนในที่สุดเธอต้องได้สามีขี้เหล้ากับเจ้าชู้
ทั้งๆที่ตนเองสั่นสะเทือนจิตสามนึกว่า
เกลียด ปฏิเสธ หรือไม่ต้องการแท้ๆ

ที่เรากล่าวมาเป็นตัวอย่างทั้งหมดนี้
ก็เพื่อจะทำให้ชีวิตท่านมันง่ายขึ้น
โดยไม่ต้องไปเปลืองเงินซื้อ NLP
โดยไม่ต้องเข้าแทรกแซงกระบวนการของจิต
ให้มันวิปริตผิดธรรมชาติเลยก็ได้
ด้วยการระวังจิตอย่านึกคิดด้านลบ

ไม่ต้องการพบเจอสิ่งใดในชีวิต
ก็ให้ท่านวางเฉยต่อสิ่งนั้นเสียทันที
หากต้องการพบเจอสิ่งดีใดๆในชีวิต
ก็ให้ท่านสั่นสะเทือนจิตสามนึกถี่ๆบ่อยๆ
ที่ท่านเรียกกันว่า #ภาวนา
ควบคู่ไปกับการกระทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้มา
ด้วยจิตตปัญญาของท่านในชีวิตจริงด้วย

บางครั้ง
เพียงแค่ท่านคิดให้เป็นภาพ
ในสิ่งที่ต้องการ
ด้วยจินตนาการของจิตท่านเท่านั้นแหละ
จิตใต้สำนึกก็จะรับรู้แล้วสั่นสะเทือนต่อได้เลย
เพื่อนำเอาสิ่งที่มีคุณสมบัติดังกล่าวมาให้

บางครั้ง
เพียงแค่ท่านคิดถึงกลิ่น 
รส เสียง รูปลักษณ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง
ด้วยจินตนาการของจิตท่านเท่านั้นเอง
จิตใต้สำนึกก็จะรับรู้แล้วสั่นสะเทือนต่อได้เลย
เพื่อนำเอาสิ่งที่มีคุณสมบัติดังกล่าวนั้นมาให้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27-07-2017

วันพุธที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ทรงโปรดเวไนย (ภาค 11)




#พระบิดาทรงโปรดเวไนย

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ตราบใดที่มนุษย์ยังพึ่งพา
วัตถุมงคลและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
มนุษย์จะไม่คิดพึ่งพาตนเองเลย

เมื่อมนุษย์ยังพึ่งพาตนเองกันไม่ได้
แล้วดาวเคราะห์โลกดวงนี้
จะพึ่งพาใครได้เล่า

วัตถุเท็คโนโลยีที่มนุษย์สร้างขึ้น
แล้วหลงยึดติดคิดว่าเป็นที่พึ่งของตนได้
มันจึงต้องถูกทำลายลงไปให้ได้ประจักษ์
เพื่อให้ท่านหันกลับมา
ปลุกสร้างความศักดิ์สิทธิ์ในตนเอง
ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้
กราบไหว้ตนเองได้
แทนวัตถุมงคลทั้งหลายเหล่านั้น
แลเป็นที่พึ่งของดาวโลกได้เสียที
ก่อนที่จะถึงกาลสิ้นยุค 56 วัน 8 ราตรี

ดังนั้น
ปฏิบัติการสร้างสติให้พวกท่าน
มีงานหลักอย่างหนึ่งคือ
ชำระขยะวัตถุทั้งหลายที่ท่านสร้างทิ้งไป
ไม่ว่าจะตั้งอยู่ ณ แหล่งใดบนโลกเสรีนี้
จักพังทลาย จักจมหาย
จักแตกสลาย หรือจักเผาไหม้เป็นฝุ่นธุลี
เรื่องราวแบบนี้ยังจะเกิดขึ้นต่อไป
ยังจะถูกเก็บชำระต่อไป ทั่วแผ่นดินโลก

เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดบนโลกนี้
คือดวงจิตวิญญาณของท่านเอง
หากตนเองยังเข้าถึงความศักดิ์สิทธิ์
ที่มีอยู่ในตนเองกันไม่ได้
ยังหากันยังไม่พบเจอแล้ว
ท่านก็จักยังพึ่งตนเองไม่ได
ดาวโลกดวงนี้ก็มิอาจพึ่งมนุษย์ได้เช่นกัน

เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุ
ในสากลจักรวาล
คือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่าน
ผู้ทรงเป็นพระจิตแห่งจักรวา
เพียงพระองค์เดียวเท่านั้นเอง
ที่ท่านทั้งหลายสมควรจะน้อมกราบไหว้
สมควรที่จะทำสามเหลี่ยมกับพระองค์

มิใช่ยึดติดมายารูปลักษณ์
ของวัตถุเท็คโนโลยีขยะอันเป็นสิ่งสมมติ
ที่มนุษย์ออกแบบสร้างขึ้นมาเอง
มิใช่การยึดติดประเพณีพิธีกรรม
จนลืมชำระจิตใจให้ใสสวย
คิดปรารถนาแต่จะมีชาติหน้าที่ดีๆ
แต่ไม่มีปณิธานแห่งนิพพานให้ชัดเจน

การร้องขอสิ่งดีๆถ้าต้องมีชาติหน้า
ท่านต้องร้องขอจากตนเองใช่ใครอื่น
ถ้าท่านปรารถนาจะพบเจอสิ่งดีใดๆ
ท่านต้องหมั่นก่อกรรมทำดีเสียในชาตินี้
ถ้าไม่ต้องการพบเจอสิ่งไม่ดีใดๆ
ท่านก็ต้องงดทำไม่ดีแบบนั้นเสียในชาตินี้

นี่คือ #การร้องขอต่อตนเอง
เพราะจิตวิญญาณของท่าน
เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในตนเอง
ในภพชาติหน้าท่านจะได้รับ
ทุกสิ่งที่ทำไว้ในภพชาตินี้อย่างครบถ้วน
ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณเอง

ไม่ว่าท่านจะทำอะไรแบบไหนอย่างไร
เอาไว้กับตนเองหรือใครอื่นในภพชาตินี้
นั่นเท่ากับว่าตัวท่านเองนั้น
กำลังเขียนบทละครของท่านขึ้นไว้
เพื่อจะใช้แสดงในภพชาติหน้าถ้ามีด้วย

เมื่อความจริงมันเป็นดั่งนี้แล้ว
ท่านก็จักต้องรู้ว่า
ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นใดจะช่วยท่านได้
แม้ประดาเทพพรหมทั้งหลายในสากล
เขาเองก็ยังต้องฉุดช่วยตนเองอยู่เลย
นี่ก็กำลังจะปิดยุคพลังงานเก่าแล้ว
ทุกรูปธรรมจำต้องเร่งช่วยเหลือตนเอง
เพื่อให้หลุดพ้นออกไปจากระบบโดยไว
ก่อนประตูมิติแห่งโอกาสจะถูกปิดสนิท
ไม่มีใครช่วยใครได้เพราะทุกคนไม่ว่าง

ถ้าใครยังหลงยึดติดวัตถุเท็คโนโลยี
ยังข้ามผ่านมายาให้เข้าถึงแก่นแท้ไม่ได้
ยังเน้นพึ่งพาวัตถุมงคลสถูปสถาน
ยังพึ่งพาบริการทานบุญผ่านบุคคลอื่นอยู่
โดยไม่คิดจะพึ่งพาจิตตปัญญาตนเอง
ด้วยการหมั่นยกระดับพัฒนาไปทุกๆวัน
แล้วหมั่นใช้มันให้เต็มพลัง

รักได้ ให้อภัยเป็น
คิดก่อนคิด คิดก่อนพูด คิดก่อนทำ
ตาม #ปริญญาโมเดล ที่เราเคยสื่อมาสอน
แทนการงมงายอยู่กับความเชื่อไม่เชื่อ

ปลาที่จะถูกคัดทิ้งแน่นอน
ในการชำระโลกสู่ยุคพลังงานใหม่
คือปลาที่บกพร่องเหลวไหล
ซึ่งไม่พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงใดๆนี่เอง

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เรากราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดา
แทนพวกท่านทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้
ที่พระองค์ยังทรงพระเมตตา
ให้โอกาสปลาทุกตัวจนวินาทีสุดท้าย
ในขณะที่ปริมาณมวลน้ำทั้งบนบกในทะเล
ยกระดับเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆมิหยุดยั้ง
อาจทำให้ปลาที่หายใจด้วยปอดบางตัว
ยังไม่คุ้นชินที่จะว่ายวนอยู่ในน้ำ
อาจเกิดการสำลักน้ำก่อนถึงกำหนดก็ได้

ดังนั้น
การล่มสลายพังทลายของบางสิ่
ที่ค่อยๆทะยอยเกิดขึ้นให้เห็นกันต่อหน้า
ซึ่งหลายคนอาจเห็นว่าไม่เหมาะสม
จึงเป็นความเหมาะสมแล้วที่ไม่เหมาะสม

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23-07-2017

วันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ทรงโปรดเวไนย (ภาค 10)




พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
พระบิดาทรงติดตั้งจิตสามนึกของโลก
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตสามนึกมนุษย์
ตั้งแต่เมื่อแรกสร้างจักรวาล 
โลก มนุษย์ และทุกสรรพสิ่งแล้ว
คำว่า #จิตสามนึกเป็นหนึ่งเดียวกัน
ระหว่างโลกกับมวลมนุษย์นั้น
หมายถึงมนุษย์กับโลก
จะสั่นสะเทือนจิตสามนึกร่วมกันตลอด
โดยมีมนุษย์ทุกคนบนโลกเป็นผู้เริ่มต้น
ส่วนดาวโลกก็จะเป็นผู้สั่นสะเทือนตาม
ทั้งนี้ไม่ต่างจากการสั่นสะเทือนร่วมกัน
ระหว่างจิตสามนึกกับจิตใต้สำนึกนั่นล่ะ
ถ้าจิตสามนึกสั่นสะเทือนด้านบวก
จิตใต้สำนึกก็จะสั่นสะเทือนเป็นบวกตาม
ถ้าจิตสามนึกสั่นสะเทือนด้านลบ
จิตใต้สำนึกก็จะสั่นสะเทือนเป็นลบตาม
ดังนั้น ในยุคปัจจุบัน
ซึ่งเป็นปลายยุคพลังงานเก่านี้
เป็นยุคที่จิตสามนึกโดยรวมของมนุษย์
สั่นสะเทือนค่อนไปในทางต่ำมาก
ต่ำจนเข้าหาความเป็นสัตว์ประจำโลก
เข้าไปทุกทีๆแล้วนี้
จึงยังผลให้จิตสำนึกของดาวโลก
พลอยตกต่ำย่ำแย่ตามไปด้วย
เมื่อใดที่จิตสามนึกมนุษย์ค่อนไปทางต่ำ
การกระทำใดๆของมนุษย์ที่กระทำต่อกัน
มันก็จะเป็นพฤติกรรมก้าวล่วงกันทั้งสิ้น
พฤติกรรมก้าวล่วงคือเบียดเบียนทำร้าย
ทำให้ผู้อื่นเสียหาย เสียประโยชน์
เสียหน้า เสียใจ หรือ เสียชีวิตนั่นเอง
ดาวโลกเสรีนี้ก็เช่นกัน
เมื่อจิตสามนึกมนุษย์ตกต่ำ
จิตสำนึกของดาวโลกก็จะตกต่ำลงด้วย
ซึ่งตัวบ่งชี้ว่าขณะนี้จิตสำนึกโลกตกต่ำ
คือการเกิดภัยพิบัติรุนแรงขึ้นถี่ขึ้นทุกที
จนทั่วทุกภูมิภาคของแผ่นดินโลก
ดังคำกล่าวของเราที่ว่า
ถ้ายุคใดที่จิตสามนึกมนุษย์ตกต่ำ
มนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยพิบัติเสมอ
ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า
ทุกวันนี้...นับวันสังคมชาวโลก
จะทำผิดคิดร้ายต่อกันมากขึ้น
จะทำทุศีลแบบไม่กลัวบาปง่ายขึ้น
ขณะที่โลกก็เกิดภัยพิบัติแบบต่างๆ
ที่รุนแรงขึ้น ถี่ขึ้น ขยายพื้นที่มากขึ้น
จนคร่าชีวิตมนุษย์ไปแล้วตั้งมากมาย
ทำลายทรัพย์สินมนุษย์แล้วนับไม่ถ้วน
มนุษย์กับโลกจึงขาดกันไม่ได้
มนุษย์พึ่งพาโลกให้เป็นที่เหยียบยืน
ถ้าไม่มีแผ่นดินโลกมนุษย์จะไร้ที่ยืน
จะไม่มีที่วางศีรษะของตนเลย
โลกก็พึ่งพามนุษย์ให้ช่วยเหวี่ยงหมุน
ถ้าโลกไม่หมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ดาวโลกดวงนี้ก็จะเสียสมดุลทันที
มนุษย์ใช้พลังความรักที่มีต่อกัน
เป็นดั่งเชื้อเพลิงในการจุดระเบิด
แกนแม่เหล็กโลกในใจกลางโลก
ที่ทำด้วยออกซิเจนเหลวบริสุทธิ์ 100%
ซึ่งเป็นก้อนกลมที่มีขนาดใหญ่มาก
มีลักษณะเหนียวหนืดคล้ายตังเม
ความรักจากจิตมนุษย์ที่มีต่อกันนั้น
จะถูกเหวี่ยงออกมาภายนอก
ในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ประมาณ 1 % เท่านั้นที่จะแทรกตัวลงไป
ทำปฏิกริยานิวเคลียร์ (Nuclear Fission)
กับอะตอมของธาตุออกซิเจนที่แกนโลก
ในแบบปฏิกริยาลูกโซ่ (Chain Reaction)
โดยปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นที่แกนโลก
เฉพาะด้านที่เป็นกลางวัน
ซึ่งเป็นยามตื่นของมนุษย์โลกเท่านั้น
จึงยังผลให้แกนโลกระเบิดด้านเดียว
เพราะความเหนียวหนืดของแกนโลก
จึงทำให้แกนแม่เหล็กโลกบิดตัวได้
เมื่อด้านที่เคยมืดเปลี่ยนเป็นกลางวัน
ด้านที่เป็นกลางวันจะเปลี่ยนเป็นกลางคืน
ทุกชีวิตจะพากันหลับไหลนิ่งสงบ
ส่วนมนุษย์อีกซีกหนึ่งของโลกก็จะตื่น
เพื่อทำหน้าที่ให้ความรักของตนต่อกัน
แล้วแบ่งปัน 1% ให้แกนโลกแทน
แกนโลกอีกด้านหนึ่งก็จะระเบิดแทน
การบิดตัวของแกนโลกด้านนี้
จะสอดรับกับการบิดตัวของอีกด้านหนึ่ง
โดยเป็นเช่นนี้เรื่อยไปไม่รู้สิ้นสุด
โลกจึงเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้จนบัดนี้
มนุษย์ทุกวันนี้
รักกันไม่ได้ ให้กันไม่เป็น
ไม่รู้จักว่าความรักบริสุทธิ์นั้นคือการให้
โดยไม่คาดหวังสิ่งใดตอบแทน
ไม่รู้จักว่าความรัก
คือการอดทน อดกลั้น ให้อภัย
คือความมีจิตใจเมตตากรุณาต่อผู้อื่น
มนุษย์จึงผลิตพลังงานให้โลกไม่ได้
ทำให้ดาวโลกเกิดการเสียสมดุลขึ้น
เพราะแกนโลกมีการระเบิดน้อย
แรงสั่นสะเทือนด้านบวกจึงมีน้อย
หมายถึงจิตสำนึกโลกตกต่ำนั่นเอง
ภัยพิบัติจึงเกิดขึ้นมากมายดังที่เป็นอยู่
ขณะที่โลกถึงกาลสิ้นยุคพลังงานเก่า
ได้เวลาที่จิตวิญญาณพวกท่าน
อาสาเข้ามาทำหน้าที่ผลิตรักให้โลก
ครบ 60,000 ปีโลกแล้วด้วย
จึงเป็นคาบเวลาสุดท้ายที่จะเปลี่ยนยุค
ซึ่งพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
พระผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งในจักรวาล
จักต้องจัดระบบองค์กรโลกนี้ใหม่
สร้างสมดุลใหม่ในสองมิติ
เพื่อยกระดับปรับสมดุลโลกให้สูงขึ้น
ให้เหมาะที่จะเป็นโลกยุคพลังงานใหม่
ที่จะมีพลังอำนาจมากกว่าเดิม 2 เท่า
ดังนั้น
ภัยพิบัติอันเกิดจากมนุษย์โลกทำเอง
กับภัยพิบัติอันเกิดจากการชำระโลก
เพื่อยกระดับปรับสมดุลดังกล่าวนี้
มันจึงมาสอดคล้องต้องกันพอดี
เราจึงเตือนท่านทั้งหลายมาตลอดว่า
ความรักแท้ของพวกท่านเท่านั้น
ที่จะช่วยให้ภัยพิบัติลดทอนลงได้
ทั้งความรุนแรงและความถี่ของการเกิด
ขณะเดียวกันเรายังเตือนท่านด้วยว่า
ขยะพลังงานจิตที่เป็นกิเลสตัณหา
เช่น ความโกรธ ความโลภ ความงมงาย
ซึ่งเป็นอารมณ์ขยะรายวันทั้งหลาย
มันจะเป็นตัวเร่งให้เกิดภัยพิบัติแรงขึ้น
เราจึงเตือนท่านทั้งหลายด้วยว่า
ถ้าท่านทั้งหลายยังจำผู้ที่เคยกล่าวไว้ว่า
เมื่อพระบิดาพิพากษาโลกจะกลับมา
จะมาพาเจ้าสาวที่ถือตะเกียงรอ
เข้าสู่ประตูเรือนหอ คือ ด่านนภาลัย
ก็จงรับรู้ด้วยว่าเรามาแล้ว
เราเคยกล่าวว่า
เราจะกลับมาตะโกนร้องเรียกหา
ประดาแกะของเราที่เราเคยดูแล
ซึ่งขณะนี้กำลังหลงทางอยู่
ถ้าตัวไหนจำเสียงเจ้าของแกะได้
ก็ให้รีบกลับมาเข้าคอกเสียโดยไว
จงรับรู้ไว้เถิดว่า
นี่เป็นเสียงเพรียกจากเราเองใช่ใครอื่น
เรายังเคยกล่าวว่าเราจะกลับมา
ในวันที่พระบิดาทรงพิพากษาโลก
พร้อมทีมเท็คนิกจากพระบิดา
เพื่อมาช่วยกัน "คัดปลา" ขึ้นจากน้ำ
คัดปลาตัวที่ไม่เคยเป็นแกะของเรา
แต่เป็นปลาที่จะถูกคัดไว้ในความรอด
คัดนำขึ้นเรือเพื่อให้ชีวิตใหม่ต่อไป
ทั้งหมดที่เรากล่าวมาเป็นความจริง
ทุกสิ่งที่กล่าวไว้ในอดีตล้วนเป็นสัจจะ
เราจึงกลับมาทำหน้าที่ตามสัจจะที่ให้ไว้
ถ้าท่านทั้งหลายพร้อมรักษาสัจจะ
ก็จงหันหน้าเข้ามาหาเรา
แต่มิใช่หันมาเพื่อประโยชน์แห่งเรา
จงหันมาเพื่อเอาประโยชน์จากเราเถิด
ก่อนประตูแห่งโอกาสบานนี้จะถูกปิด
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23-07-2017

วันเสาร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Meta-physics จิตใต้สำนึก #อภิปรัชญา-8




#อภิปรัชญา
Meta-physics
***************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ระหว่าง การคิด วางแผน
แล้วทำอย่างมีตรรกะในมิติโลก
เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จใดๆที่ต้องการ
กับการใช้พลังจิตใต้สำนึก
เหนี่ยวรั้งความสำเร็จที่ต้องการมาให้
ในมิติทางจิตวิญญาณนั้น

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เหตุแห่งการบรรลุเป้าหมาย
ต้องมาจากจิตหยาบใช้จิตสามนึก
สั่นสะเทือนตนเองให้เกิดการคิด
การกระทำ และการวางแผน
อย่างถูกต้อง เหมาะสม แยบยล
เป็นเบื้องต้น

การนั่งเฉยๆแล้วสั่งจิตใต้สำนึก
เพื่อร้องขอให้ช่วยน้อมนำ
ความสำเร็จที่ต้องการนั้นมาให้
มันไม่มีทางสำเร็จได้หรอก
ถ้าท่านไม่ลงมือทำอย่างถูกต้อง
อย่างสอดคล้องกับเป้าหมาย

ความจริงที่จริงแท้มีอยู่ว่า
มนุษย์ทุกคนต้องทำทุกสิ่งอย่าง
ผ่าน #จิตสามนึกตนเอง เท่านั้น
#จิตใต้สำนึก เขาจะสั่นสะเทือนตามเอง
ไม่ต้องสั่งไม่ต้องไปยุ่งกับเขาเลย

เพียงท่านสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึก
กับการนึกคิดผิดถูกดีชั่วมั่วๆกันไป
จิตใต้สำนึกเขาก็สั่นสะเทือนตาม
เหมือน #รับคำสั่ง ของพวกท่านอยู่แล้ว
จะต้องมี NLP กันอีกทำไมให้ผิดบาป

NLP เป็นเพียงภาษาที่มนุษย์คิดขึ้น
แล้วเรียกว่า "ภาษาจิตประสาท"
เพื่อหมายใจว่าจะสื่อสารทางตรง
กับ #จิตวิญญาณ ของตัวเอง
โดยไม่ต้องใช้ "ภาษาจิตสามนึก"
ผ่านการสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ซึ่งเป็นการพยายามไม่ใช้จิตสามนึก
ทั้งๆที่ตนเองก็เป็นคนสองมิติ
ที่ต้องใช้จิตสามนึกร่วมกับจิตใต้สำนึก
ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
จนตลอดชีวิตนี้กันอยู่แล้ว

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า

การกระทำมักง่ายแบบแทรกแซง
ขั้นตอนการทำงานของจิตสามนึก
ร่วมกับจิตใต้สำนึกดังกล่าวนี้
เพื่อใช้พลังอำนาจพิเศษอันลี้ลับ
น้อมนำความสำเร็จใดๆมาให้ท่าน
โดยไม่สั่นสะเทือนจิตสามนึก
เพื่อใช้อำนาจในมิติโลกทางกายภาพ
ผ่านหนึ่งสมองกับสองมือสองเท้า
เป็นแกนหลักในการกระทำอย่างทุ่มเท

มันก็ไม่ต่างจากการที่ท่าน
ไปต่อสายไฟตรงกับแบตเตอรี่รถยนต์
เพื่อนำเอาพลังงานไฟฟ้าออกมาใช้
โดยไม่ยอมติดเครื่องยนต์นั่นแหละ
ท่านอาจใช้ไฟจากแบ็ตฯได้จริงๆ
แต่ใช้ไปเรื่อยๆไฟก็จะอ่อนลงหรี่ลง
จนในที่สุดไฟก็จะหมดแบ็ตฯ
รถยนต์ก็จะสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด
รถคันนั้นก็เคลื่อนไหวไปไหนๆไม่ได้
เท่ากับว่ารถของท่าน "จอดตายสนิท"
มีสภาพดั่งเศษขยะวัตถุเท็คโนโลยี

เพราะการติดเครื่องยนต์ของรถ
ไม่ต่างจากการสั่นสะเทือนจิตสามนึกเลย
ถ้าท่านทำทุกสิ่งในชีวิตประจำวัน
ผ่านการกระทำด้วยจิตสามนึก
จิตใต้สำนึกเขาก็จะสั่นสะเทือนตาม
แปลว่าถ้ารถยนต์ติดเครื่องยนต์ไว้
แล้วใช้พลังงานไฟจากแบ็ตฯนั้น
การรีชาร์จคือเติมเต็มส่วนที่ใช้ไป
มันก็จะเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง
พลังงานไฟในแบ็ตฯก็จะเต็มตลอด
ไม่มีอะไรเสียหายไม่ต้องวุ่นวายเลย

ดังนั้น
ท่านจักต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า
ทำไมเราจึงไม่เห็นด้วยกับ NLP
ที่อ้างว่าเป็นภาษาแห่งจิตประสาท
เหตุผลข้อหนึ่งในหลายๆข้อก็คือ
เพื่อนมนุษย์ผู้เป็นต้นคิดสร้างศาสตร์นี้
ยังอยู่ในช่วงทดลองวิจัยวิชาของเขาอยู่
โดยอาศัยคนไม่รู้เป็นดั่งหนูทดลองยา
เพื่อค้นหาความจริงว่าแนวคิดของเขา
ใช้การได้ดี ไม่มีปัญหาอันใดหรือไม่
ถ้าพบว่ามีปัญหาพวกเขาเองก็จะเลิกใช้
แต่พวกเขาอาจจะไม่เลิกขาย
ให้คนอยากลองได้นำมาใช้หรอกนะ
เพราะผลประโยชน์ตัวเดียวแท้ๆ

ไม่ต่างจากทฤษฎีการจูงใจของฝรั่ง
ทุกวันนี้เขาทราบดีแล้วว่า
วิธีการจูงใจด้วยอำนาจเหนือ
โดยเอารางวัลมาล่อทั้งด้านบวกและลบ

มันทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าจิตสามนึกคืออะไร
มันทำให้ผู้คนยิ่งกิเลสหนาตัณหาเยอะ
มันทำให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากกว่าส่วนรวม

มันทำให้ผู้คนรักตัวเองและพวกตัวเท่านั้น
รักคนอื่นไม่ได้ให้อภัยไม่เป็น
ไม่รักส่วนรวม ไม่รักสังคม ไม่รักโลก
มันทำให้มนุษย์เป็นเหมือนหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง
จะให้คิดทำอะไรต้อง "กดปุ่ม"
ป้อนคำสั่งให้ทำอย่างเดียวทำเองไม่เป็น

ตอนนี้...ฝรั่งประเทศต้นคิด
เขาเลิกใช้กลวิธีจูงใจกันหมดแล้ว
มีแต่ประเทศที่ยังล้าหลังกว่าตะวันตก
มีแต่ผู้คนในประเทศที่มักง่าย
ไม่ยอมใช้สติปัญญาเท่านั้นแหละ
ที่อะไรๆก็เอาแต่จูงใจตะบี้ตะบัน
ที่ยังใช้ทฤษฎีการจูงใจกันอยู่
จนทำให้โครงสร้างทางจิตใจของผู้คน
อ่อนแอปวกเปียกไม่เอาไหน
จนจิตสามนึกต่ำลงใกล้สัตว์ประจำโลก
ที่ตนเองเอามาเลี้ยงดูเข้าไปทุกทีๆ

การจะสร้างหลักสูตรสอนเด็กเพื่อปลูกฝัง
ให้รู้จักการใช้จิตสามนึกในตนเองก็ไม่ได้
เพราะผู้ใหญ่เองแท้ๆก็ยังไม่รู้เลยว่า
จิตสามนึกกับจิตใต้สำนึกมันคืออะไร
จิตสามนึกกับจิตใต้สำนึกต่างกันอย่างไร
มันทำงานร่วมกันอย่างไร
ทุกวันนี้จึงเรียก #จิตสามนึก ว่า
#จิตใต้สำนึก กันอยู่ตลอดมา

นอกจากนั้น
แทนที่จะช่วยกันคิดค้นหาหรือใส่ใจว่า
ภาษาจิตสามนึกที่ควรทำผ่านจิตหยาบ
อันเป็นภาษาจิตประสาทเหมือนกัน
ที่มันจะสั่นสะเทือนจิตวิญญาณของตน
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตหยาบได้น่ะ
ควรจะเป็นเช่นไร แบบไหน
กลับไม่ยอมใส่ใจที่จะทำ
กลับไม่ยอมใส่ใจที่จะรับฟังเรา

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
การที่ใครบางคน
ไม่คิดจะลงมือทำด้วยจิตสามนึก
แต่จะหลอกใช้จิตใต้สำนึกให้ทำแทน
โดยสะเดาะกุญแจเข้าไป
เพื่อหาทางใช้พลังอำนาจของแก่นแท้
ด้วยกระบวนการผิดธรรมชาตินั้น
ก็มิใช่เรื่องง่ายดายนักหรอกนะ
จะได้ผลจริงก็แค่บางเรื่องเท่านั้น
แต่มันไม่คุ้มค่ากันกับการทำร้าย
จิตวิญญาณตนเองให้เสื่อมพลังหรอก

บางคนเมื่อไปเรียนวิธีสั่งจิตใต้สำนึกแล้ว
กลับมาทำธุรกิจการงานของตนแต่เดิม
แล้วเกิดประสบความสำเร็จขึ้นมาทันตา
จึงเข้าใจว่าผลมาจากการสั่งจิตใต้สำนึก
จนพากันหลงไหลในมายาศาสตร์
กับเจ้าลัทธิกันเป็นการใหญ่

นี่แน่ะ...เราจะบอกความจริงให้
1.อบรมมาแล้วมิได้สำเร็จทุกคนดอกนะ
2.คนที่กลับมาแล้วสำเร็จทันตา
ร่ำรวยขึ้นมาทันใจน่ะ
มันมาจากการที่โครงสร้างทางจิตใจ
หายไปจาก #การอ่อนแอ บ้างแล้ว
3.ความอ่อนแอของท่านเองต่างหาก
ที่ทำให้คนเก่ง คนฉลาด และคนพร้อม
อันเป็นคุณสมบัติดีๆที่ท่านมีอยู่
มันถูกนำออกมาใช้สร้างความสำเร็จ
สร้างความร่ำรวยให้ท่านไม่ได้เต็มพลัง

เพราะท่านเป็นคนกลัวๆกล้าๆ
เพราะท่านขาดความมั่นใจในสิ่งที่ทำ
เพราะท่านขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
เพราะท่านขาดความกล้าตัดสินใจ

ความกลัว ความไม่เชื่อมั่น
ความไม่มั่นใจ ทั้งสามสิ่งนี้ไงท่าน
คือ #ความอ่อนแอไม่เอาไหน
ท่านจึงต้องไปเสียเงินแพงๆ
เพื่อไปเอาความอ่อนแอทั้งสามนี้
ออกไปจากจิตใจท่าน

ทั้งๆที่ตัวท่านอ่อนแอ
ก็เพราะท่านใส่ระหัสปิดล็อคตนเองไว้
เวลาจะถอดออกก็เอาออกเองได้
ไม่เห็นจะต้องให้ใครช่วยเอาออกให้
ไม่จำเป็นจะต้องจ่าย
ค่าซื้อความฉลาดเลยสักบาทด้วยซ้ำ

ท่านสังเกตสิ
ตลอดหลักสูตรอบรมจำพวกนี้
ฝรั่งจะชี้นำให้ท่านคิดบวกต่อตนเอง
ฝรั่งจะสอนให้ท่านมองคนที่แย่กว่า
ฝรั่งจะสอนให้ท่านรู้สึกว่าทำสำเร็จแล้ว
ทั้งๆที่ยังไม่รู้วิธีที่จะทำให้สำเร็จ
และในโลกของความจริง
ท่านก็ยังพิชิตความสำเร็จนั้นไม่ได้ด้วย

การที่ฝรั่งเขาสอนสั่งให้ท่านทำแบบนี้
ก็เพียงแค่ผลลัพธ์เดียวเท่านั้น คือ
#ปลุกเร้าความเชื่อมั่นในตนเอง
ให้คนฉลาด คนเก่ง และคนมีไฟเช่นท่าน
เกิดการลุกโชติช่วงชัชวาลขึ้นมา

นี่แหละ...
เบื้องหลังความสำเร็จหลังผ่านการอบรม
ด้วยเงินทองมากมายซึ่งน่าเสียดายยิ่ง
เพราะแท้จริงนั้นท่านสำเร็จได้อย่างทันตา
ก็ด้วยการสามารถทำลาย
ความอ่อนแอในจิตใจตนเองลงได้แท้ๆ
หาใช่ปาฏิหาริย์แห่งจิตใต้สำนึกไม่

ท่านทั้งหลายยังต้องรู้อีกว่า
เหตุในการบรรลุเป้าหมายของมนุษย์
เช่น ความสำเร็จ ความร่ำรวยมั่งคั่งนั้น
มันต้องได้มาจากทั้งสองจิตร่วมกันสั่น
เพราะมนุษย์เป็นคนสองมิติ
โดยใช้จิตสามนึกเป็นแกนนำ
จะมีจิตใต้สำนึกคอยเป็นผู้รับใช้ท่านเอง

ให้ท่านระวังจิตตปัญญาไว้
อย่าให้นึกชั่ว คิดชั่ว นึกผิดคิดบาป
จิตใต้สำนึกจะทำผิดบาปตามไปด้วย
ความซวยจะเป็นของจิตวิญญาณ
ผู้เป็นตัวตนแท้จริงของท่านเอง
ซึ่งเป็นผู้ข้ามมิติมาเกิดเป็นมนุษย์นี่แหละ

จงอย่าอวดเก่งหลงตนเองว่าเจ๋ง
หลงว่าทำรวยทำสำเร็จได้เอง
ด้วยความสามารถทางปัญญา

จงอย่าอวดว่าตนเฮง
หลงว่าทำรวยทำสำเร็จได้เอง
ด้วยอำนาจวาสนาอีกบุญญาจากอดีตชาติ

ท่านต้องอาศัยปัจจัยทุกด้าน
ทั้งทางโลกและทางจิตวิญญาณ
ทั้งการกระทำที่ฉลาดและกล้าหาญ
ทั้งบุญกุศลที่เคยก่อไว้หนุนนำ
จะบอกว่าไหนสำคัญกว่าไม่ได้หรอกนะ
เพราะมันสำคัญเท่ากันทั้งหมดเลย
จะขาดอันใดสักอย่างนั้นไม่ได้แน่นอน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22-07-2017

Meta-physics จิตใต้สำนึก #อภิปรัชญา-7




#อภิปรัชญา
Meta-physics
***************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ระหว่าง การคิด วางแผน
แล้วทำอย่างมีตรรกะในมิติโลก
เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จใดๆที่ต้องการ
กับการใช้พลังจิตใต้สำนึก
เหนี่ยวรั้งความสำเร็จที่ต้องการมาให้
ในมิติทางจิตวิญญาณนั้น

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เหตุแห่งการบรรลุเป้าหมาย
ต้องมาจากจิตหยาบใช้จิตสามนึก
สั่นสะเทือนตนเองให้เกิดการคิด
การกระทำ และการวางแผน
อย่างถูกต้อง เหมาะสม แยบยล
เป็นเบื้องต้น

การนั่งเฉยๆแล้วสั่งจิตใต้สำนึก
เพื่อร้องขอให้ช่วยน้อมนำ
ความสำเร็จที่ต้องการนั้นมาให้
มันไม่มีทางสำเร็จได้หรอก
ถ้าท่านไม่ลงมือทำอย่างถูกต้อง
อย่างสอดคล้องกับเป้าหมาย

ความจริงที่จริงแท้มีอยู่ว่า
มนุษย์ทุกคนต้องทำทุกสิ่งอย่าง
ผ่าน #จิตสามนึกตนเอง เท่านั้น
#จิตใต้สำนึก เขาจะสั่นสะเทือนตามเอง
ไม่ต้องสั่งไม่ต้องไปยุ่งกับเขาเลย

เพียงท่านสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึก
กับการนึกคิดผิดถูกดีชั่วมั่วๆกันไป
จิตใต้สำนึกเขาก็สั่นสะเทือนตาม
เหมือน #รับคำสั่ง ของพวกท่านอยู่แล้ว
จะต้องมี NLP กันอีกทำไมให้ผิดบาป

NLP เป็นเพียงภาษาที่มนุษย์คิดขึ้น
แล้วเรียกว่า "ภาษาจิตประสาท"
เพื่อหมายใจว่าจะสื่อสารทางตรง
กับ #จิตวิญญาณ ของตัวเอง
โดยไม่ต้องใช้ "ภาษาจิตสามนึก"
ผ่านการสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ซึ่งเป็นการพยายามไม่ใช้จิตสามนึก
ทั้งๆที่ตนเองก็เป็นคนสองมิติ
ที่ต้องใช้จิตสามนึกร่วมกับจิตใต้สำนึก
ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
จนตลอดชีวิตนี้กันอยู่แล้ว

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า

การกระทำมักง่ายแบบแทรกแซง
ขั้นตอนการทำงานของจิตสามนึก
ร่วมกับจิตใต้สำนึกดังกล่าวนี้
เพื่อใช้พลังอำนาจพิเศษอันลี้ลับ
น้อมนำความสำเร็จใดๆมาให้ท่าน
โดยไม่สั่นสะเทือนจิตสามนึก
เพื่อใช้อำนาจในมิติโลกทางกายภาพ
ผ่านหนึ่งสมองกับสองมือสองเท้า
เป็นแกนหลักในการกระทำอย่างทุ่มเท

มันก็ไม่ต่างจากการที่ท่าน
ไปต่อสายไฟตรงกับแบตเตอรี่รถยนต์
เพื่อนำเอาพลังงานไฟฟ้าออกมาใช้
โดยไม่ยอมติดเครื่องยนต์นั่นแหละ
ท่านอาจใช้ไฟจากแบ็ตฯได้จริงๆ
แต่ใช้ไปเรื่อยๆไฟก็จะอ่อนลงหรี่ลง
จนในที่สุดไฟก็จะหมดแบ็ตฯ
รถยนต์ก็จะสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด
รถคันนั้นก็เคลื่อนไหวไปไหนๆไม่ได้
เท่ากับว่ารถของท่าน "จอดตายสนิท"
มีสภาพดั่งเศษขยะวัตถุเท็คโนโลยี

เพราะการติดเครื่องยนต์ของรถ
ไม่ต่างจากการสั่นสะเทือนจิตสามนึกเลย
ถ้าท่านทำทุกสิ่งในชีวิตประจำวัน
ผ่านการกระทำด้วยจิตสามนึก
จิตใต้สำนึกเขาก็จะสั่นสะเทือนตาม
แปลว่าถ้ารถยนต์ติดเครื่องยนต์ไว้
แล้วใช้พลังงานไฟจากแบ็ตฯนั้น
การรีชาร์จคือเติมเต็มส่วนที่ใช้ไป
มันก็จะเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง
พลังงานไฟในแบ็ตฯก็จะเต็มตลอด
ไม่มีอะไรเสียหายไม่ต้องวุ่นวายเลย

ดังนั้น
ท่านจักต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า
ทำไมเราจึงไม่เห็นด้วยกับ NLP
ที่อ้างว่าเป็นภาษาแห่งจิตประสาท
เหตุผลข้อหนึ่งในหลายๆข้อก็คือ
เพื่อนมนุษย์ผู้เป็นต้นคิดสร้างศาสตร์นี้
ยังอยู่ในช่วงทดลองวิจัยวิชาของเขาอยู่
โดยอาศัยคนไม่รู้เป็นดั่งหนูทดลองยา
เพื่อค้นหาความจริงว่าแนวคิดของเขา
ใช้การได้ดี ไม่มีปัญหาอันใดหรือไม่
ถ้าพบว่ามีปัญหาพวกเขาเองก็จะเลิกใช้
แต่พวกเขาอาจจะไม่เลิกขาย
ให้คนอยากลองได้นำมาใช้หรอกนะ
เพราะผลประโยชน์ตัวเดียวแท้ๆ

ไม่ต่างจากทฤษฎีการจูงใจของฝรั่ง
ทุกวันนี้เขาทราบดีแล้วว่า
วิธีการจูงใจด้วยอำนาจเหนือ
โดยเอารางวัลมาล่อทั้งด้านบวกและลบ

มันทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าจิตสามนึกคืออะไร
มันทำให้ผู้คนยิ่งกิเลสหนาตัณหาเยอะ
มันทำให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากกว่าส่วนรวม

มันทำให้ผู้คนรักตัวเองและพวกตัวเท่านั้น
รักคนอื่นไม่ได้ให้อภัยไม่เป็น
ไม่รักส่วนรวม ไม่รักสังคม ไม่รักโลก
มันทำให้มนุษย์เป็นเหมือนหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง
จะให้คิดทำอะไรต้อง "กดปุ่ม"
ป้อนคำสั่งให้ทำอย่างเดียวทำเองไม่เป็น

ตอนนี้...ฝรั่งประเทศต้นคิด
เขาเลิกใช้กลวิธีจูงใจกันหมดแล้ว
มีแต่ประเทศที่ยังล้าหลังกว่าตะวันตก
มีแต่ผู้คนในประเทศที่มักง่าย
ไม่ยอมใช้สติปัญญาเท่านั้นแหละ
ที่อะไรๆก็เอาแต่จูงใจตะบี้ตะบัน
ที่ยังใช้ทฤษฎีการจูงใจกันอยู่
จนทำให้โครงสร้างทางจิตใจของผู้คน
อ่อนแอปวกเปียกไม่เอาไหน
จนจิตสามนึกต่ำลงใกล้สัตว์ประจำโลก
ที่ตนเองเอามาเลี้ยงดูเข้าไปทุกทีๆ

การจะสร้างหลักสูตรสอนเด็กเพื่อปลูกฝัง
ให้รู้จักการใช้จิตสามนึกในตนเองก็ไม่ได้
เพราะผู้ใหญ่เองแท้ๆก็ยังไม่รู้เลยว่า
จิตสามนึกกับจิตใต้สำนึกมันคืออะไร
จิตสามนึกกับจิตใต้สำนึกต่างกันอย่างไร
มันทำงานร่วมกันอย่างไร
ทุกวันนี้จึงเรียก #จิตสามนึก ว่า
#จิตใต้สำนึก กันอยู่ตลอดมา

นอกจากนั้น
แทนที่จะช่วยกันคิดค้นหาหรือใส่ใจว่า
ภาษาจิตสามนึกที่ควรทำผ่านจิตหยาบ
อันเป็นภาษาจิตประสาทเหมือนกัน
ที่มันจะสั่นสะเทือนจิตวิญญาณของตน
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตหยาบได้น่ะ
ควรจะเป็นเช่นไร แบบไหน
กลับไม่ยอมใส่ใจที่จะทำ
กลับไม่ยอมใส่ใจที่จะรับฟังเรา

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
การที่ใครบางคน
ไม่คิดจะลงมือทำด้วยจิตสามนึก
แต่จะหลอกใช้จิตใต้สำนึกให้ทำแทน
โดยสะเดาะกุญแจเข้าไป
เพื่อหาทางใช้พลังอำนาจของแก่นแท้
ด้วยกระบวนการผิดธรรมชาตินั้น
ก็มิใช่เรื่องง่ายดายนักหรอกนะ
จะได้ผลจริงก็แค่บางเรื่องเท่านั้น
แต่มันไม่คุ้มค่ากันกับการทำร้าย
จิตวิญญาณตนเองให้เสื่อมพลังหรอก

บางคนเมื่อไปเรียนวิธีสั่งจิตใต้สำนึกแล้ว
กลับมาทำธุรกิจการงานของตนแต่เดิม
แล้วเกิดประสบความสำเร็จขึ้นมาทันตา
จึงเข้าใจว่าผลมาจากการสั่งจิตใต้สำนึก
จนพากันหลงไหลในมายาศาสตร์
กับเจ้าลัทธิกันเป็นการใหญ่

นี่แน่ะ...เราจะบอกความจริงให้
1.อบรมมาแล้วมิได้สำเร็จทุกคนดอกนะ
2.คนที่กลับมาแล้วสำเร็จทันตา
ร่ำรวยขึ้นมาทันใจน่ะ
มันมาจากการที่โครงสร้างทางจิตใจ
หายไปจาก #การอ่อนแอ บ้างแล้ว
3.ความอ่อนแอของท่านเองต่างหาก
ที่ทำให้คนเก่ง คนฉลาด และคนพร้อม
อันเป็นคุณสมบัติดีๆที่ท่านมีอยู่
มันถูกนำออกมาใช้สร้างความสำเร็จ
สร้างความร่ำรวยให้ท่านไม่ได้เต็มพลัง

เพราะท่านเป็นคนกลัวๆกล้าๆ
เพราะท่านขาดความมั่นใจในสิ่งที่ทำ
เพราะท่านขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
เพราะท่านขาดความกล้าตัดสินใจ

ความกลัว ความไม่เชื่อมั่น
ความไม่มั่นใจ ทั้งสามสิ่งนี้ไงท่าน
คือ #ความอ่อนแอไม่เอาไหน
ท่านจึงต้องไปเสียเงินแพงๆ
เพื่อไปเอาความอ่อนแอทั้งสามนี้
ออกไปจากจิตใจท่าน

ทั้งๆที่ตัวท่านอ่อนแอ
ก็เพราะท่านใส่ระหัสปิดล็อคตนเองไว้
เวลาจะถอดออกก็เอาออกเองได้
ไม่เห็นจะต้องให้ใครช่วยเอาออกให้
ไม่จำเป็นจะต้องจ่าย
ค่าซื้อความฉลาดเลยสักบาทด้วยซ้ำ

ท่านสังเกตสิ
ตลอดหลักสูตรอบรมจำพวกนี้
ฝรั่งจะชี้นำให้ท่านคิดบวกต่อตนเอง
ฝรั่งจะสอนให้ท่านมองคนที่แย่กว่า
ฝรั่งจะสอนให้ท่านรู้สึกว่าทำสำเร็จแล้ว
ทั้งๆที่ยังไม่รู้วิธีที่จะทำให้สำเร็จ
และในโลกของความจริง
ท่านก็ยังพิชิตความสำเร็จนั้นไม่ได้ด้วย

การที่ฝรั่งเขาสอนสั่งให้ท่านทำแบบนี้
ก็เพียงแค่ผลลัพธ์เดียวเท่านั้น คือ
#ปลุกเร้าความเชื่อมั่นในตนเอง
ให้คนฉลาด คนเก่ง และคนมีไฟเช่นท่าน
เกิดการลุกโชติช่วงชัชวาลขึ้นมา

นี่แหละ...
เบื้องหลังความสำเร็จหลังผ่านการอบรม
ด้วยเงินทองมากมายซึ่งน่าเสียดายยิ่ง
เพราะแท้จริงนั้นท่านสำเร็จได้อย่างทันตา
ก็ด้วยการสามารถทำลาย
ความอ่อนแอในจิตใจตนเองลงได้แท้ๆ
หาใช่ปาฏิหาริย์แห่งจิตใต้สำนึกไม่

ท่านทั้งหลายยังต้องรู้อีกว่า
เหตุในการบรรลุเป้าหมายของมนุษย์
เช่น ความสำเร็จ ความร่ำรวยมั่งคั่งนั้น
มันต้องได้มาจากทั้งสองจิตร่วมกันสั่น
เพราะมนุษย์เป็นคนสองมิติ
โดยใช้จิตสามนึกเป็นแกนนำ
จะมีจิตใต้สำนึกคอยเป็นผู้รับใช้ท่านเอง

ให้ท่านระวังจิตตปัญญาไว้
อย่าให้นึกชั่ว คิดชั่ว นึกผิดคิดบาป
จิตใต้สำนึกจะทำผิดบาปตามไปด้วย
ความซวยจะเป็นของจิตวิญญาณ
ผู้เป็นตัวตนแท้จริงของท่านเอง
ซึ่งเป็นผู้ข้ามมิติมาเกิดเป็นมนุษย์นี่แหละ

จงอย่าอวดเก่งหลงตนเองว่าเจ๋ง
หลงว่าทำรวยทำสำเร็จได้เอง
ด้วยความสามารถทางปัญญา

จงอย่าอวดว่าตนเฮง
หลงว่าทำรวยทำสำเร็จได้เอง
ด้วยอำนาจวาสนาอีกบุญญาจากอดีตชาติ

ท่านต้องอาศัยปัจจัยทุกด้าน
ทั้งทางโลกและทางจิตวิญญาณ
ทั้งการกระทำที่ฉลาดและกล้าหาญ
ทั้งบุญกุศลที่เคยก่อไว้หนุนนำ
จะบอกว่าไหนสำคัญกว่าไม่ได้หรอกนะ
เพราะมันสำคัญเท่ากันทั้งหมดเลย
จะขาดอันใดสักอย่างนั้นไม่ได้แน่นอน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22-07-2017

Meta-physics จิตใต้สำนึก #อภิปรัชญา-6






#อภิปรัชญา
Meta-physics
***************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

พลังอำนาจของ #จิตใต้สำนึก นั้น
เป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลาย
ต่างได้สัมผัสและเผชิญกันมาตั้งแต่เด็ก
โดยที่ท่านทั้งหลายอาจไม่รู้ว่า
เหตุการณ์ สถานการณ์ทั้งหลายในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือด้านร้าย
ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จหรือล้มเหลว
เป็นผลมาจากพลังแห่งจิตใต้สำนึกด้วย
มิใช่เป็นผลจากการกระทำในมิติโลก
แต่เพียงด้านเดียวหรอกนะท่าน

การที่ท่านมีเพื่อนที่ดีๆอยู่รอบข้าง
ก็จงอย่าคิดว่าเป็นความบังเอิญของชีวิต
แท้จริงแล้วท่านเองต่างหากที่เป็นคนดี
ซึ่งมีความปรารถนาจะคบคนดีๆเป็นเพื่อน

#จิตใต้สำนึกจึงใช้พลังทางวิญญาณ
ไปควานหาคนดีๆในแบบที่ท่านถือปฏิบัติ
เราขอย้ำอีกครั้งว่า....
จิตใต้สำนึกจะแสวงหา
#คนดีๆในแบบที่ท่านถือปฏิบัติ เท่านั้น

กล่าวคือ
ถ้าท่านหมั่นประพฤติดี
จิตใต้สำนึกก็จะไปเหนี่ยวรั้งคนดีมาให้
ถ้าท่านหมั่นประพฤติไม่ดี
จิตใต้สำนึกก็จะไปแสวงหาคนไม่ดีมาให้

เพราะจิตใต้สำนึกคิดรู้เองไม่ได้ว่า
ความประพฤติของท่านนั้นมันดีหรือชั่ว
ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นเรื่องนั้นท่านต้องการหรือไม่

#จิตใต้สำนึกมีหน้าที่เดียวเท่านั้น
#คือปฏิบัติตามหรือคล้อยตามจิตหยาบ
#เพื่อน้อมนำสิ่งที่จิตหยาบสั่นสะเทือนมาให้
#เพื่อให้เกิดผลลัพธ์แบบเดียวกัน
#ในมิติจิตวิญญาณด้านของแก่นแท้

#จิตใต้สำนึก
จะดึงดูดเหนี่ยวรั้งคนๆนั้นมาให้ท่าน
ให้เข้ามาเป็น #เพื่อนคนใหม่
ให้เข้ามาเป็น #บริวารคนใหม่
ให้เข้ามาเป็น #หุ้นส่วนคนใหม่
ให้เข้ามาเป็น #ลูกค้ารายใหม่ๆ
เหล่านี้...เป็นต้น

ดังนั้น
ท่านจึงต้องรู้ว่าเมื่อใดก็ตาม
ที่จิตหยาบสั่นสะเทือนทางจิตสามนึก
เกิดเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดใดๆขึ้นมา
ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ต้องการ
จิตใต้สำนึกจะแปลว่า #ต้องการ เสมอ
เขาก็จะไปน้อมนำสิ่งนั้นมาสู่ชีวิตท่าน
ท่านจะได้รับได้เผชิญสิ่งนั้นไม่ช้าก็เร็ว

ท่านทั้งหลายจึงต้องสำรวมระวังจิตไว้
อย่าได้จิตตกง่ายๆเมื่อถูกยั่วยุ
อย่าสั่นไหวจิตใจไปในทางลบเด็ดขาด
ความเคยตัวเคยชินด้านลบของท่าน
เท่ากับเป็นการร้องขอต่อจิตใต้สำนึก
ให้น้อมนำสิ่งไม่ดีทั้งหลายมาให้ท่าน
ทั้งๆที่ท่านมิได้ต้องการเลยสักนิด

ถ้าเกลียดไหนก็จะได้นั่น
เกลียดมากก็เร่งวันเร่งคืนจะได้พบเจอ

ถ้ากลัวอะไรก็จะได้เจอสิ่งนั้น
กลัวผีจะได้เจอผี ไม่กลัวผีไม่เจอผี

ดังนั้น
ถ้าท่านคิดถึงพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ด้วยการหมั่นทำสามเหลี่ยมกับพระองค์
ผ่านมาทางเราทุกเพรางาย (ตลอดวันคืน)
จิตวิญญาณโดยจิตใต้สำนึกของท่าน
ก็จะสามารถขึ้นไปกราบพระบาทได้
อันเป็นที่หมายสุดท้ายคือ #แดนนิพพาน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-07-2017

วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ทรงโปรดเวไนย (ภาค 10)




#อภิปรัชญา
พระบิดาทรงโปรดเวไนย
*************************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
พระบิดาทรงกำหนดสร้าง
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ซึ่งเป็นกายหยาบ หรือ "กาย-ยา" ขึ้นมา
เพื่อให้จิตวิญญาณของท่านเข้ามาใช้
ในการทำหน้าที่ตามพันธะสัญญา 6
บนดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้

โดยหน้าที่ในพันธะสัญญาทั้ง 6 ข้อ
ถ้าจะบรรลุผลสำเร็จได้นั้น
พวกท่านทุกคนจักต้องเข้าถึง
อำนาจสูงสุดในตนเอง
เท่าที่สามารถจะเข้าถึงได้ 3 อย่าง คือ

1.#ความฉลาดทางอารมณ์
2.#ความฉลาดทางปัญญา
3.#ความฉลาดทางสังคม

#องค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่าน
ทรงมีแนวทางปฏิบัติสำหรับมนุษย์แต่ละคน
เพื่อยกระดับพลังอำนาจสูงสุดทั้งสามด้าน
รวม 2 ประการร่วมกัน คือ

1) เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของตนเอง
ที่ฝรั่งเรียกว่า Learning by Doing.

2) เรียนรู้จากประสบการณ์ผ่านผู้อื่น
แบบ "ลิงเห็น ลิงทำ" ที่ฝรั่งเรียกว่า 
Monkey See Monkey Do.

ดังนั้น
ในชีวิตจริงของท่านทุกๆคน
จึงต้องเผชิญความจริงอยู่ 2 ประการคือ

#ประการแรก
มนุษย์ทุกคนต้องมีผู้อื่นเป็นครู
เพื่อการสอนให้รู้และเลียนแบบตามอย่าง
โดยมีตนเอง #เป็นครูคนแรก
ที่จะสอนตนเองว่าควรจะเรียนรู้อะไร
ไม่ควรไปเสียเวลาเรียนรู้อะไรในขณะนั้น

และมีตนเอง #เป็นครูคนสุดท้าย
ที่จะสรุปความรู้นั้นเพื่อเก็บไว้เป็นบทเรียน
หรือเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้ตนเองต่อไป

#ประการที่สอง
ทุกคนจึงต้องถูกทดสอบด้วยบททดสอบ
เพื่อเรียนรู้บทเรียนโลกแบบต่างๆ
ในอันที่จะยกระดับความฉลาดทั้งสามด้าน
อันเป็นพลังอำนาจสูงสุดในการเป็นมนุษย์
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในพันธะสัญญา 6
และเป้าหมายในชีวิตของท่านควบคู่กันไป

ท่านจะสังเกตได้ว่าตั้งแต่เด็กจนโต
ท่านต้องมีพ่อแม่ครูอาจารย์อบรมสอนสั่ง
เพื่อให้ท่านเป็นคนฉลาดเฉลียว 
เป็นคนเก่งและเป็นคนดีศรีสังคม

ในขณะที่ตัวท่านก็ยังต้องพัฒนาตนเอง
ด้วยการเผชิญกับปัญหาทางอารมณ์
ที่บุคคลแวดล้อมรอบข้างตัวท่าน
ไม่ว่าคนที่ท่านรักหรือคนที่รักท่าน
ไม่ว่าคนที่ท่านรู้จักหรือว่าคนแปลกหน้า

พวกเขาจะพากันยื่นเงื่อนไขทั้งบวกและลบ
เพื่อใช้ทดสอบอารมณ์ของท่าน
ในยามที่ท่านพลั้งเผลออยู่เนืองๆ
ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยยกระดับความอดทน 
อดกลั้นและการให้อภัยผู้อื่นแก่ท่านนั่นเอง
จนกว่าท่านจะวางเฉยได้เมื่อถูกยั่วยุ
ซึ่งเป็นสภาวะจิตขั้นสูงสุด คือ #อุเบกขา

นอกจากนั้นพระบิดายังทรงมีพระเมตตา
ยอมให้โลกนี้มีคนที่ต่ำต้อยด้อยกว่าท่าน
ยอมให้โลกนี้มีคนที่ชะตากรรมย่ำแย่กว่าท่าน
ยอมให้โลกนี้มีคนที่ทุกข์ยากลำบากกว่าท่าน
เข้ามาอยู่ในท่ามกลางสังคมแวดล้อมตัวท่าน
เพื่อช่วยเป็นเงื่อนไขด้านบวกให้ท่าน
ได้สั่นสะเทือนจิตใจเป็นเมตตา กรุณา 
มุทิตา และ อุเบกขา ตามลำดับ

ดังนั้น
เมื่อท่านเห็นคนที่แย่กว่าท่าน
เขาคนนั้นก็เป็นดั่งครูผู้มาช่วย
ยกระดับสภาวะจิตด้านบวกให้ท่าน

ท่านจงอย่าได้ตั้งแง่รังเกียจเหยียดหยาม
หรือว่าทำเป็นมองข้ามอย่างไม่แยแสเลย
เพราะนั่นเท่ากับว่าตัวท่านนั้น
ได้ทำลายโอกาสดีๆของตัวเองไปเสียแล้ว

ขณะเดียวกัน
เมื่อท่านเห็นคนอื่นที่เขามีดีกว่าท่าน
เขาคนนั้นก็เป็นดั่งครูผู้มาช่วย
ยกระดับสภาวะจิตด้านบวกให้ท่านเช่นกัน

จงอย่าอิจฉาตาร้อนเขาถ้าเขามีสิ่งที่ดีกว่า
แต่ท่านจงร่วมแสดงความยินดีไปกับเขา
ในสิ่งที่ดีกว่าที่เขามีแต่ตัวท่านเองไม่มี

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือ แผนการ
ยกระดับความฉลาดทางอารมณ์ให้ท่าน
พระองค์ยอมให้ท่านผลัดกันทดสอบอารมณ์
ด้วยการสร้างปัญหายั่วยวนกวนอารมณ์
ให้แก่กันและกันทันทีที่มีโอกาส

#แผนพัฒนาความฉลาดทางปัญญา
สำหรับมนุษย์โลกเสรีนี้ก็เช่นกัน

นอกจากจะมีสถานศึกษาในระบบ
ให้ท่านทั้งหลายได้เข้าเรียนกันแล้ว
โลกซึ่งเป็นสถานศึกษาขนาดใหญ่
ก็ยังมีกลไกปฏิบัติการช่วยเหลือท่าน
ให้ได้เผชิญปัญหาน้อยใหญ่
ภายในชีวิตประจำวัน
เพื่อให้ท่านฉลาดคิดตัดสินใ

นอกจากนั้น
พระองค์ยังทรงยอมให้ท่าน
ผลัดกันทดสอบพลังอำนาจทางปัญญา
ด้วยการผลัดกันสร้างปัญหาให้แก่กัน
เพื่อให้ท่านใช้ปัญหานั้นๆ
ยกระดับความสามารถทางปัญญา
ให้สูงขึ้นๆไปเรื่อยๆ

ดังนั้น...ท่านทั้งหลาย
จึงไม่ควรเกลียดกลัวปัญหา
จึงไม่ควรโกรธแค้นผู้สร้างปัญหา
จึงไม่ควรต่อสู้ ตอบโต้ ต่อต้าน
คนที่หยิบยื่นปัญหามาให้ท่า
เพราะผู้คนเหล่านั้นเป็นครู
ที่พระบิดาทรงโปรดส่งมาช่วยท่าน
ให้เกิดการยกระดับทางปัญญา
จนกว่าจะถึงที่สุดนั่นเอง

ปัญหาเล็กๆน้อยๆจะช่วยเหลือท่าน
ให้ฉลาดทางปัญญาและอารมณ์ได้น้อย

ปัญหายากและใหญ่จะช่วยเหลือท่าน
ให้ฉลาดทางปัญญาและอารมณ์ได้มาก

หากชีวิตท่านไม่มีปัญหาใดๆเลย
ความฉลาดทางปัญญาและอารมณ์
ก็จักไม่ได้รับการพัฒนาสภาว
ซึ่งนับว่าเกิดมาแล้วโชคร้ายแท้

หากท่านโกรธเกลียดเคียดแค้นอาฆาต
คนที่เข้ามาสร้างปัญหาชีวิตให้แก่ท่าน
โดยรักไม่ได้ให้อภัยทานก็ไม่เป็น
ทั้งๆที่รู้ความจริงอย่างนี้แล้ว
ก็นับว่าเสียชาติเกิดโดยแท้

#แผนพัฒนาความฉลาดทางสังคม
สำหรับมนุษย์โลกเสรีนี้ก็เช่นกัน
พระบิดาทรงยอมให้มนุษย์แต่ละคน
มีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย
เพื่อให้พวกท่านเรียนรู้ที่จะ "ยอม"
ในสิ่งสำคัญต่อการอยู่ร่วมกัน 
รวมทั้งสิ้น 3 อย่าง คือ

1.ยอมรับ (To Live)
2.ยอมรัก (To Love)
3.ยอมร่วม (To Learn)

ทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้
เป็นสัจธรรมซึ่งรวมธรรมะสามระดับ
คือ โลกิยธรรม โลกุตรธรรม
และอนุตรธรรมเข้าไว้ด้วยกัน
สำหรับท่านที่ปรารถนาจะกลับบ้าน
คือ หลุดพ้น หรือนิพพานในชาตินี้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
18-7-2017