วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

การถ่ายทอดเบิกชี้จุดตำแหน่งที่ตั้ง ของดวงจิตธรรมญาณ


#ถามหลังไมค์
#แต่ขอนำมาตอบที่หน้าไมค์

Question 1:
*************
พระอาจารย์จี้กงให้มีการแฝงเร้น
การถ่ายทอดเบิกชี้จุดตำแหน่งที่ตั้ง
ของดวงจิตธรรมญาณ เพื่ออะไร

Answer:
*********
เพราะพระอาจารย์ต้องการให้ศิษย์ทั้งหลาย
มีสติทางวิญญาณเอาไว้ตลอดเวลาว่า
มนุษย์ทุกคนล้วนมีจิตวิญญาณ
เป็นตัวตนแก่นแท้เร้นอยู่ข้างใน
โดยมีตำแหน่งที่ตั้งอยู่ที่ต่อมพิทูอิทารี่
จึงมีการเบิกชี้คือบอกให้ผู้เป็นศิษย์ทุกคนได้รู้

เพราะถ้ามนุษย์ไม่รู้หรือไม่เชื่อว่า
ตนเองมีจิตวิญญาณอยู่ข้างใน
การบกพร่องต่อหน้าที่ทางจิตวิญญาณ
กับการใส่ใจที่จะประพฤติธรรมของมนุษย์
จะเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกและจักรวาล

งานสอนธรรมะของพระอาจารย์จักล้มเหลว
เพราะมนุษย์จะไม่ใส่ใจหน้าที่ทางจิตวิญญาณ
ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องลึกลับและไร้สาระไป

ดังนั้น
การเบิกชี้จุดที่ตั้งของจิตวิญญาณ
ที่พระอาจารย์ท่านกำหนดเป็นระเบียบพิธีไว้
ให้เปิดเผยต่อสานุศิษย์ก็เพราะเหตุนี้

นอกจากนั้น
การเบิกชี้จุดที่ตั้งของจิตวิญญาณ
ก็มิได้จะให้เป็นความลับพิเศษเฉพาะกลุ่ม
แต่ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นความลับที่ดูลึกลับ
ก็เพราะคนนอกกลุ่มซึ่งเป็นคนหมู่มาก
ไม่มีใครล่วงรู้เพราะไม่มีใครบอกให้รู้เท่านั้น

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
มีหลายคนยังเข้าใจอีกว่า #การเบิกชี้จุด นั้น
นอกจากจะเป็นการชี้ที่ตั้งของจิตวิญญาณแล้ว
ยังเป็นการ "เปิดตาที่สาม" 
หรือเป็นการเปิดญาณทวารอีกด้วย

จากนั้นก็จะตีความกันเองต่อไปด้วยว่า
ถ้าผู้ใดยังมิได้เบิกชี้จุดเปิดตาที่สาม
ผู้นั้นก็ยังเป็นคนนอกกลุ่ม
เพราะภายในกลุ่มเองล้วนเชื่อกันว่า
มนุษย์เปิด "ตาที่สาม" ของตัวเองไม่ได้

ถ้าตาที่สามของใครยังมิได้ถูกเปิดออก
ใครคนนั้นก็จะนิพพานไม่ได้
เพราะไม่รู้ว่าทางออกของจิตวิญญาณ
เมื่อถึงกาลละวางสังขารมันอยู่ตรงไหน

เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

1.การเบิกชี้จุดเป็นเพียงแค่บอกให้รู้ว่า
ที่ตั้งของแก่นแท้คือจิตวิญญาณอยู่ตรงไหน
เพื่อบอกให้รู้ว่าตนยังมีจิตวิญญาณอยู่ข้างใน
ทุกคนจะต้องทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณด้วย

พระพุทธองค์ก็ทรงสอนให้มนุษย์ทั้งหลาย
ดำเนินชีวิตด้วยหลัก #มัชฌิมาปฏิปทา
หมายความว่าให้เดินสายกลางนั่นแหละ
นั่นคือ ท่านทั้งหลายจะกระทำทุกสิ่ง
เพื่อสนองความต้องการของกายหยาบ
โดยไม่กระทำเพื่อจิตวิญญาณของตน
ควบคู่กันไปด้วยเลยนั้นไม่ได้

2.การเบิกชี้จุดมิใช่ปฏิบัติการเปิดตาที่สาม
เพราะตาที่สามหรือ "ต่อมไพเนียล"
สามารถสั่นสะเทือนได้เองตามธรรมชาติ
โดยไม่จำเป็นต้องทำพิธีหรือมีมนต์คาถาเปิด
เพียงแค่จิตสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิด
ต่อมไร้ท่อต่อมนี้ก็จะตื่นตัวขึ้นมาทำงานแล้ว

3.นอกจากนั้น 
ถ้าต่อมไร้ท่อต่อมนี้
สามารถสั่นสะเทือนเป็นด้านบวกได้
มันก็จะกระตุ้นให้ต่อมพิทูอิทารี
อันเป็นที่ตั้งของจิตวิญญาณของท่าน
สั่นสะเทือนตามไปทางด้านบวกด้วย

เมื่อใดที่ต่อมอันเป็นที่ตั้งของจิตวิญญาณนี้
เกิดการสั่นสะเทือนด้านบวกขึ้นมาได้
มันก็จะส่งคลื่นการสั่นสะเทือนด้านบวกนี้
ไปสั่นสะเทือนสมองซีกขวาให้ตื่นขึ้นมา
ทำหน้าที่ให้ความฉลาดทางปัญญา
ที่สูงกว่าความฉลาดทางปัญญาระบบเก่า
นั่นคือสติปัญญาที่ได้จากสมองซีกซ้ายนั่นเอง

4.ถ้าท่านทั้งหลายเข้าใจว่า
การเปิดตาที่สามของพวกท่านโดยผู้อาวุโส
ด้วยวิธีชี้เบิกจุดเป็นการเปิดมิติทางปัญญาให้
ก็นับว่าเป็นความเข้าใจไม่ตรงจริงอีกแล้ว

จงระลึกไว้ด้วยว่า
มนุษย์แห่งโลกเสรีทุกคนนั้น
พระบิดาทรงกำหนดให้พึ่งตนเองเป็นสำคัญ
ครูบาอาจารย์น่ะมีหน้าที่เพียงผู้ช่วยเหลือ
จะออกหน้าออกตาทำแทนใครก็ไม่ได้
จะไถ่บาปรับกรรมแทนใครก็ไม่ได้เช่นกัน

สังเกตสิท่าน
คนบางคนพระอาจารย์ชี้เบิกจุดให้ตั้งนานแล้ว
ภพชาติอดีตและปัจจุบันก็ยังนิพพานไม่ได้
ความสามารถด้านการใช้ปัญญาก็ยังน้อยอยู่
ผู้คนเหล่านี้ยังมีอยู่ในกลุ่มเป็นจำนวนมาก

จึงนับว่าน่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง
ที่ผู้สอนสั่งพวกเขากระทำผิดพลาดเสียเอง
เพราะไปยึดติดพิธีการเบิกชี้จุดว่า
เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของกลุ่ม
ทั้งๆที่พระอาจารย์มีเพียงนัยแห่งการสอน
แฝงไว้ให้ศิษย์ทั้งหลายได้ใช้สมองคิด
ดังที่เราไขข่าวกล่าวเผยไว้ข้างต้นเท่านั้น

กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดา
ขอบพระทัยพระเชษฐาแห่งเรา
ที่ทรงอนุญาตให้เราตอบคำถามแทนได้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
3-09-2017

ความจริงเรื่องภัยพิบัติ




ตอบคำถาม:เมธี บุญสิน 
************
#Question:
1.อาจารย์ เฮอริเคน ฮาวี 
ใช้จำนวนกี่รูปธรรมครับที่หมุนรอบจุดศูนย์กลาง

2.แล้วสมมุดว่า 
พระบิดาเปิดโอกาสให้แก้แค้นจริง 
แล้วฟ้าผ่าลงมาทำให้ศัตรูเสียชีวิต 
แต่มันไม่ตายจริงนะครับ 
เดี่ยวก็มาเกิดใหม่ 

3.ส่วนรูปธรรมที่ผ่าตายจริง 
สูญสิ้นความเป็นรูปธรรมทางพลังงาน 
จุดนี้เขาไม่รู้เหรอครับ หรือยอม

#Answer:
1.ทีมช่างเท็คนิกชุด "ฮาร์วี่ย์" นี้
มีจำนวนรูปธรรมเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจ
มากกว่าทุกชุดที่ผ่านมา

โดยจะยกระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ใช้จังหวะแบบพระตีกลองเพลเลยล่ะ

2.เธอไม่ต้องสมมติหรอกว่า
ถ้าพระบิดาทรงยอมให้แก้แค้นจริง

เพราะเราจะกล่าวตามจริงว่า
เมื่อถึงเวลาก่อนการชำระโลกคาบสุดท้ายนั้น
บานประตูมิติระหว่างจิตวิญญาณกับมนุษย์
มันจะเปิดแง้มอ้าออก

ประดาดวงจิตวิญญาณผู้พยาบาทคาดแค้น
บางรูปธรรมเฝ้ารอแก้แค้นมานานนับร้อยปี
โดยหนีนรกตลอดมาและไม่ยอมผุดเกิด
ก็จะผ่านเข้ามาอยู่ในมิติเดียวกันกับมนุษย์
แล้วปฏิบัติการแก้แค้นของผู้คาดแค้น
ก็จะเกิดขึ้นไปทั่วทุกถิ่นบนแผ่นดินโลก

วิธีการหนึ่งของพวกเขาที่จะหยิบมาใช้
นั่นคือ #สร้างฟ้าผ่า ในสายตาของมนุษย์
โดยจะมีทั้งผ่าคนที่เป็นเป้าหมายเลย
หรืออาจจะผ่าต้นไม้ใหญ่ให้หักโค่นลงมาทับ

เขาสามารถสร้างฟ้าผ่าได้
โดยใช้รูปธรรมจิตวิญญาณเพียง 2 ขึ้นไป
อยู่ที่ว่าเขาปรารถนาจะสร้างอำนาจด้านลบ
มากน้อยหรือว่าจะเอาเป็นเอาตายแค่ไหน

บางรายก็แค่ตายไปจากการเป็นมนุษย์
ต้องยุติภพชาติปัจจุบันไป
บางรายก็ตายไปทั้งสองมิติเล
หมายถึง ฟ้าผ่าตายแล้ว
จิตวิญญาณของคนๆนั้นก็แตกสลายด้วย

การตายทางจิตวิญญาณของมนุษย
จากการถูกฟ้าผ่าโดยเจ้ากรรมนายเวรนั้น
มันไม่เคยมีในประวัติศาสตร์
ทั้งของโลกเสรีและจักรวาลมาก่อน
เพราะครั้งนี้เป็นปฏิบัติการชำระโลก
ทุกอย่างจึงต้อง Set Zero 
นั่นคือ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แก้ไข
และ สร้างใหม่ ให้โลกสมดุลขึ้น
มีพลังอำนาจมากขึ้นนั่นเอง

3.เธอถามว่า...
รูปธรรมที่ฟ้าผ่าตายจริง 
จนสูญสิ้นความเป็นรูปธรรมทางพลังงาน 
จุดนี้เขาไม่รู้หรือ หรือว่ายอม

เราจะตอบตามจริงให้รู้โดยทั่วกันว่า
ปฏิบัติการแก้แค้นของจิตวิญญาณพวกนี้
เขาจะใช้วิธี "วิ่งเข้าชน" ด้วยความเร็วสูง

ถ้าเป็นปฏิบัติการเดี่ยวๆ
จิตวิญญาณที่มีความอาฆาตพวกนี้
ตรงเปลือกนอกของกล่องพลังงานของเขา
จะมีอนุภาคประจุบวกที่ถูกผลักดันออกมา
โดยอนุภาคประจุลบจากด้านในที่มีมากกว่า
ให้ออกมาออกันอยู่โดยรอบ
จะพุ่งเข้าจู่โจมบริเวณศีรษะหรือทรวงอก
ของบุคคลเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

พิกัดตำแหน่งบนร่างกายที่เขาโจมตี
จะเป็นที่ตั้งของต่อมไร้ท่อที่สำคัญมาก

ถ้าผ่ากลางศีรษะก็จะเสียหายหลายต่อม
เนื่องจากในกระโหลกศีรษะมนุษย์นั้น
พระบิดาทรงติดตั้งกลไกสำคัญไว้หลายชิ้น
เช่น ต่อมพิทูอิทารี่เป็นที่ตั้งของจิตวิญญาณ
ต่อมไพเนียลเป็นที่ตั้งของจิตหยาบ และอื่นๆ

ทุกต่อมไร้ท่อในเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์
เป็นเครื่องมือสำคัญของจิตวิญญาณ
ที่ทำงานด้วยระบบคลื่นไฟฟ้าทั้งสิ้น
ถ้าถูกกล่องพลังงานเจ้ากรรมนายเวรพุ่งชน
แปลว่า เขาใช้ประจุบวกที่เขาพอมีอยู่
พุ่งเข้าชนประจุลบที่ต่อมไร้ท่อของคนๆนั้นมี
การสปาร์คของไฟฟ้าในร่างกายจะเกิดขึ้น
การทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆ 
เช่น หัวใจ ตับ ไต ก็จะล้มเหลวฉับพลัน
นั่นแปลว่า...เสียชีวิตโดยพลัน

เธอผู้ถามลองคิดเองดูสิว่า
ปฏิบัติการแบบนี้ระหว่างคนกับผีน่ะ
คนจะถูกฟ้าผ่าจะทันรู้ตัวยอมตายมั้ย?

นั่งอยู่กลางบ้านหลังคาเหล็ก-สังกะสี
พวกเขาก็สามารถสร้างฟ้าผ่าลงมา
ทำให้เสียชีวิตได้

นั่งอยู่ในบ้านเปิดประตูดูฝนตกอยู่แท้ๆ
สายฟ้าก็สามารถเล็กลอดผ่านประตู
เข้าไปผ่าคนๆนั้นถึงข้างในได้

เดินตากฝนบนพื้นชื้นแฉะอยู่ดีๆ
ฟ้าก็จะผ่าลงบนพื้นแฉะโดยไม่แตะต้องตัว
กระแสไฟฟ้าแรงสูงนับหมื่นโว้ลต์
จะใช้น้ำเป็นตัวนำไฟฟ้ามาถึงตัว
ก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้แล้ว

ก็เราย้ำเสมอมาว่า
เรากล่าวความจริงในฐานะของ
The King of the Universe.

เราขอยืนยันว่า
ปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่นี้
มีผู้อยู่เบื้องหลังภัยพิบัติทุกรูปแบบ
มันมิใช่ภัยธรรมชาติในแบบที
นักวิทยาศาสตร์โลกทางกายภาพคิดกัน
แต่ผู้คนอีกมากมายยังไม่รับฟังเรา
เพราะกลัวถูกหลอก
ทั้งๆที่แต่ละท่านก็มีจิตตปัญญาของตน
จะถูกหลอกกันได้ง่ายๆเชียวหรือ?

4.นอกจากท่านได้รู้แล้วว่า
คนที่จะถูกฟ้าผ่าตายเพราะถูกแก้แค้น
จะไม่มีใครรู้ตัวล่วงหน้า
และคำว่ายอมไม่มีแล้ว

ทันทีที่คนๆนั้นเสียชีวิต
จิตวิญญาณก็จะทิ้งกายสังขารออกจากร่าง
กลุ่มรูปธรรมพลพรรคของเจ้ากรรมนายเวร
ก็จะรวมตัวกันพุ่งเข้าชนจิตวิญญาณเป้าหมาย
โดยใช้เพียงแค่สองสามรูปธรร
พุ่งเข้าชนเป้าหมายพร้อมๆกันในทันที

เสียงฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นนั้น
มันจะดังยิ่งกว่าเสียงระเบิ
ดังกังวาลนานนับนาที
ดังทีหนึ่งอาจมีคนแก้วหูแตกได้
เพราะมันจะดังหลายสิบเดซิเบ
เกินกว่าประสาทหูมนุษย์จะต้านไหว

มนุษย์จะเห็นเป็นแสงวิ่งบนฟ้าแบบผิดปกติ
เช่น ฟ้าผ่าจะวิ่งในแนวขนานพื้นโลก
ฟ้าผ่าจะวิ่งย้อนขึ้นจากพื้นดินสู่ท้องฟ้า
ฟ้าผ่าจะวิ่งในแนวเฉียงทำมุมกับพื้นโลก
ปรากฏการณ์เหล่านี้คือการไล่ตีเป้าหมาย
ของประดาผู้แก้แค้นนั่นแหละ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4-09-2017

ผู้สอน ผู้ถ่ายทอด ผู้สื่อ




Question 2:
*************
ว่ากันว่า......
อาจารย์ถ่ายทอดธรรมทั้งหลาย
ผู้รับโองการจากเบื้องบน
ที่กล่าวกันว่าทุกการกระทำและวาจา
ล้วนศักดิ์สิทธิ์นั้น จริงหรือ?
Answer:
*********
1.ครูหรือผู้รู้ธรรมะทั้งหลายมี 3 ประเภท
คือ ผู้สอน ผู้ถ่ายทอด และผู้สื่อ
2.#ผู้สอน
หมายถึง ผู้ที่ค้นพบธรรมะนั้นๆด้วยตนเอง
เพราะศึกษาเรียนรู้มามาก
และผ่านประสบการณ์ชีวิตมามาก
จึงมีฐานะเป็น "ผู้รู้"
ถ้ายิ่งรู้มากๆก็เป็น "ผู้รอบรู้"
เมื่อรู้แล้วก็มีจิตเมตตานำเอาธรรมะที่ตนมี
มาแบ่งปันแก่เพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ
เพื่อการยังประโยชน์สุขของผู้อื่นต่อไป
บทบาทการนำเอาธรรมะที่ตนมี
มาแบ่งปันสู่ผู้อื่นเช่นนี้แหละ
ที่เรียกว่า #ครูสอนธรรมะ
แต่มีเงื่อนไข 2 ข้อ
ซึ่งครูสอนธรรมะทุกคนจักต้องรู้ นั่นคือ
#ข้อแรก:
สิ่งที่ตนจะบอกกล่าวสอนใครนั้น
ต้องมั่นใจว่าเป็นธรรมะที่ถูกต้องถ่องแท้
ซึ่งท่านพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติเองแล้วเท่านั้น
#ข้อสอง:
ต้องระลึกเอาไว้เสมอว่า
สิ่งที่ท่านจะบอกกล่าวสอนใครนั้น
ต้องเป็นเฉพาะเรื่องที่ท่านค้นพบด้วยตนเอง
และพิสูจน์รู้ด้วยตนเองมาแล้วว่า
เป็นความจริงที่จริงแท้เท่านั้น
พระบิดาจึงจะทรงอนุญาตให้ท่านสอนได้
จงอย่าหลงผิดคิดไปเองว่า
การเป็นครูผู้สอนธรรมะ
จะเป็นผู้รอบรู้ธรรมะไปเสียทุกเรื่อง
อย่าลืมว่า...แม้จะรู้ธรรมะลึกซึ้งแค่เรื่องเดียว
ก็สามารถเป็นครูผู้สอนจำเพาะเรื่องนั้นได้แล้ว
ดังนั้น
จงอย่าเผลอทำตนเป็นครูในสิ่งที่ท่านไม่รู้จริง
ในสิ่งที่ท่านยังไม่รู้แจ้งโดยเด็ดขาด
มันอาจจะกลายเป็นทำบุญแต่ก่อบาป
เพราะสอนผิด ชี้แนะผิด เพราะเข้าใจผิด
จนต้องลงไปปลุกจิตสำนึกใหม่ในนรกโน่น
ซึ่งมันไม่คุ้มค่ากันอย่างแน่นอน
3.#ผู้ถ่ายทอด
หมายถึง ผู้ที่นำเอาธรรมะจากพระโอษฐ์
ของพระศาสดาที่ตนสัมผัสรู้ดูเห็นมา
ทั้งด้วยตนเองและที่รู้เห็นผ่านผู้รอบรู้คนอื่นๆ
เช่น จากพระคัมภีร์ จากพระไตรปิฎก
หรือ จาก "ผู้ถ่ายทอด" ที่อาวุโสกว่า
มาบอกกล่าวเล่าความแบ่งปันต่อผู้อื่น
บทบาทการจำธรรมะ
เพื่อมาบอกกล่าวเล่าต่อผู้อื่นนี่แหละ
ที่เรียกว่า #ผู้ถ่ายทอด
4.#ผู้สื่อ
หมายถึง พระบุตรเอกแห่งพระบิดา
ที่เสด็จลงมาจุติเป็นมนุษย์
เพื่อทำหน้าที่กล่าวพระโอวาทต่อมนุษย์โลก
ในพระนามแห่งพระองค์
โดยใช้วิธีสื่อสารทางจิตในระบบจิตสู่จิต
ที่เรียกว่า Vertical Telepathy การสื่อแนวดิ่ง
ระหว่างบุตรเอกที่เป็นมนุษย์กับองค์พระบิดา
พระผู้ทรงเป็นจุดศูนย์กลางแห่งมหาจักรวาล
ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสด 100%
องค์พระศาสดาเยซูคริสต์
องค์ศาสดานะบีมูฮัมหมัด
ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นพระผู้สื่อ
ในความหมายที่เรากล่าวนี้
5.จากประเด็นที่ท่านถามเราว่า...
"อาจารย์ถ่ายทอดธรรมทั้งหลาย
ผู้รับโองการจากเบื้องบน" นั้น
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านผู้ถามว่า
คำกล่าวประโยคนี้
สามารถใช้ได้กับพระศาสดาเท่านั้น
จะนำไปกล่าวกับครูที่มิใช่ "ผู้สื่อ" ไม่ได้
เพราะว่าครูผู้สอนและครูผู้ถ่ายทอด
ล้วนมิได้เป็นผู้รับโองการให้ทำหน้าที่
ในพระนามแห่งพระบิดาแต่อย่างใด
พวกเขาน่าจะเป็น "ครูอาสา" มากกว่า
6.เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความศักดิ์สิทธิ์ทุกการกระทำและวาจา
มิได้เป็นคุณสมบัติอันประเสริฐ
จำเพาะพระศาสดาหรือใครบางคน
เท่านั้นหรอกท่าน
อันคำกล่าวของบิดามารดา
ก็เป็นคำกล่าวที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบุตร
สมควรที่บุตรจักต้องถ่อมใจเชื่อฟัง
สมควรที่บุตรต้องปฏิบัติตามมิใช่ปฏิเสธ
มิใช่หรือท่าน
ความหมายของคำว่า #ศักดิ์สิทธิ์ ก็คือ
คำกล่าวคำสอนนั้น
#ถูกต้องถ่องแท้
เชื่อถือได้ว่าไม่เทียมเท็จ
#เป็นความจริงที่จริงแท้
ต้องทำตาม ไม่ทำตามไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เอง
มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้
ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร
ต่างล้วนสร้างวาจาหรือการกระทำใดๆ
ที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้อื่นกันได้ทั้งนั้น
ถ้าท่านพูดแล้วทำแล้ว #คนอื่นเขายอมรับ
ถ้าเขาทำตามที่ท่านพูดแล้ว #ได้ผลจริง
ถ้าเขาไม่ทำตามที่ท่านพูดแล้ว #เสียหายจริง
กราบพระบาทขอบพระทัยองค์จิตจักรวาล
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ขอบพระทัยพระเชษฐาแห่งเรา
ที่ทรงอนุญาตให้เราตอบคำถามนี้แทนได้
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4-09-2017