วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

หน้าที่ ที่ควรกระทำ





พี่น้องที่ <3 span=""> รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

#การให้ทานแก่คนที่ขัดสน
#การแบ่งปันให้แก่คนที่ไม่ม

มันเป็น "หน้าที่" ของท่านอันควรกระทำ
เพราะกลุ่มคนที่อัตคัตขัดสนบนโลกเสรีนี้
จะไม่มีวันหมดสิ้นไปจากแผ่นดินพระบิดา

หากท่านไม่ช่วยเติมเต็ม
ในสิ่งที่ผู้อื่นขาด
ความสมดุลตามธรรมชาติบนโลกนี้
ก็ไม่มีหนทางที่จะเกิดขึ้นได้
โลกเสรีนี้จึงต้องมีคนที่มีน้อยกว่าท่าน
เพื่อให้ท่านมีโอกาสเติมเต็มให้เขาได้

ไม่ต่างจากจุดใดที่อากาศหายไป
มันจะยังผลให้อากาศที่อยู่รายรอบ
พากันไหลหลั่งเข้าไปแทนที่
เพื่อเติมเต็มความว่างตรงจุดนั้นทันที

กฏแห่งการสมดุลกันของสรรพสิ่ง
ภายในจักรวาลอันไพศาลนี้
มันล้วนเป็นเช่นนี้ด้วยกันทั้งสิ้น

เราจะขอกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
ในจักรวาลนี้จักต้องมีพื้นที่ว่างๆ
ทับซ้อนอยู่กับความไม่ว่างเสมอ
เพื่อให้ความว่างตรงนั้น
ถูกแทนที่หรือเติมเต็มด้วยความไม่ว่าง
จะได้เกิดความว่างบนความไม่ว่าง
ตรงพิกัดอื่นๆในจักรวาลนี้ต่อไป
โดยมันต้องเป็นของมันเช่นว่านี้เรื่อยไป

พวกท่านในจักรวาลโลกนี้ก็เช่นเดียวกัน
หากท่านพบใครสักคนที่เขาอัตคัดขัดสน
นั่นแปลว่าตรงพิกัดนั้นคือตัวเขา
ได้เกิด "ความว่าง" ในท่ามกลางพวกท่าน
ที่เต็มไปด้วย "ความไม่ว่าง" คือมีมากกว่า

ท่านจึงต้องเข้าไปช่วยเติมเต็ม "ความว่าง"
อันหมายถึง ความอัตคัดขัดสนของเขา
ให้กลับมา มีมั่ง มีพอ หรือ มีเท่าที่เขาควรมี
เท่าที่ท่านจะสามารถช่วยเติมเต็มให้เขาได้
ตามกฎเกณฑ์แห่งการสมดุลกันของสรรพสิ่ง
ซึ่งเป็นกฎข้อใหญ่ในจักรวาลอันไพศาลนี้

เพราะการใช้ความไม่ว่างคือมีมากกว่า
ช่วยเติมเต็มผู้ที่มีความว่างคือมีน้อยกว่า
มันเป็น #หน้าที่ ของทุกคนจะต้องทำต่อกัน

ดังนั้น
การแบ่งปัน การบริจาค การให้ทาน
จึงไม่จำเป็นต้องเลือกคนที่ท่านจะให้ 
จึงไม่จำเป็นต้องให้แต่ที่ธรรมศาลา
จึงไม่จำเป็นต้องโฆษณาในทุกครั้งคราที่ให้
จึงไม่จำเป็นต้องให้เพราะหวังสิ่งตอบแทน

เพราะการให้
เป็นเหตุให้เกิดสุขที่ในใจของผู้ให้อยู่แล้ว

เพราะการให้เป็นหน้าที่ของท่าน
ตามกฎแห่งการสมดุลของจักรวาลเช่นกัน

ถ้าท่านรู้จักให้โดยไม่เอาหน้า
ถ้าท่านรู้จักให้โดยไม่ต้องโฆษณา
ถ้าท่านรู้จักให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
เราจะเรียกการให้ทั้งสามแบบนี้ว่า
#การให้ในที่ลับ

เนื่องเพราะพระบิดาทรงมองเห็น
พฤติกรรมการให้ของท่านได้ชัดดีในที่ลับ
พระองค์ก็จะประทานบำเหน็จรางวัลให้
พร้อมส่วนที่หายไปจากการที่ท่านให้ผู้อื่น
เพื่อเติมเต็ม "ความว่าง" ที่เกิดขึ้น
ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองในทันที

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
31-05-2017

วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

หลงผิดเพราะจิตสำนึกป่วย





#มหัศจรรย์อำนาจแม่เหล็กโลก

ภาพที่ท่านเห็นนี้มิใช่รูปปั้นศักดิ์สิทธิ์
แต่แท้จริงนั้นภาพนี้คือ #แพะตาเดียว จากอินเดีย
ซึ่งยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันนี้

เป็นลูกแพะที่เพิ่งคลอดออกมาได้ 2 สัปดาห์
มีขนสีดำและสาระรูปทุกอย่างเหมือนแพะทั่วไป
แต่เจ้าตัวน้อยนี้ต่างจากลูกแพะทั้งหลาย
ก็ตรงที่มีตาเดียวโตๆอยู่ตรงกลางหน้าผากพอดี
ลักษณะคล้ายรูปปั้นโบราณไม่มีผิด

ความแปลกประหลาดแพะของเจ้าตัวนี้
เกิดจากยีนส์กับโครโมโซมบกพร่องแต่กำเนิด
เมื่อสนามแม่เหล็กโลกในพิกัดนั้นแปรปรวน
จึงยิ่งเกิดการเสียสมดุลไปในทางต่ำมากขึ้น
จนยังผลให้เซลอวัยวะร่างกายผิดเพี้ยนไป

แต่เรื่องทางจิตวิญญาณก็มีเหมือนกัน
เพราะในอดีตชาตินั้นเขาได้จับแพะ
ฆ่าบูชายัญมาแล้วตั้งมากมาย

เพราะเขาเป็นพวกเทวนิยม
จึงมีการเซ่นไหว้รูปเคารพของเทพเจ้า
ซึ่งเทพเจ้าองค์ที่ว่านี้มีจุดเด่นก็คือ
เป็นเทพเจ้าที่มี "ตาเดียว" 
โดยดวงตาจะตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางหน้าผาก
เหมือนเจ้าตัวนี้ไม่มีผิดเพี้ยน

แพะตาเดียวตัวนี้
เกิดมาเพื่อเป็นบทเรียนของพวกท่าน
และเป็นบททดสอบจิตสำนึกของเขาด้วยว่า

การเชื่อในสิ่งที่ตนอธิบายไม่ได้
การยอมรับนับถือในสิ่งที่ตนไม่เข้าใจ
การฝักใฝ่จิตใจในรูปลักษณ์พิสดาร

ล้วนเป็นเหตุให้เขาต้องกลับมา
เกิดเป็นแพะตาเดียวอย่างที่เห็น
เพราะจิตวิญญาณของเขาหลงมิต
เหตุจากความงมงายของจิตหยาบ
ที่ขาดการใช้ปัญญาจนเป็นนิสัยที่บกพร่อง
จึงต้องตกชั้นลงไปเยี่ยงนี้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-05-2017

3นาที มีประโยชน์ สิทธิพิเศษที่เท่าเทียมกัน

 


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ตั้งแต่นี้ไปจนกว่าถึงวันปิดยุคพลังงานเก่า
ในช่วง 56 วัน หรือ 8 ราตรีที่มืดมิดนั้น

#การก่อกรรมทางจิตโดยไม่เกิดผลกรรมนั้น
พระบิดาจะทรงเมตตาให้โอกาสท่านกลับใจ
ภายในเวลาไม่เกิน 3 นาที
จะทรงถือว่า "ไม่มีอะไรเกิดขึ้น"

โดยการสั่นสะเทือนทางจิตด้านลบของท่าน
ไม่ว่าจะเป็นโลภ โกรธ หลง
มันจะไม่หล่นลงไปบันทึกไว้ใน #จิตใต้สำนึก
ให้เกิดเป็น #วิบากกรรม
ที่เป็นบุรพกรรมแม่เหล็กใดๆทั้งสิ้น

"จิตใต้สำนึก"ก็คือความทรงจำทางจิตวิญญาณ
ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่านนั่นเอง

"วิบากกรรม" ก็คือผลกรรมที่จิตวิญญาณท่า
ต้องย้อนกลับมาเกิดใหม่ในภพชาตินี้
เพื่อมาพบผ่านสถานการณ์แบบเก่าๆ
แล้วใช้โอกาสแก้ไข #จิตใต้สำนึก ที่ผิดบาป
เพราะจิตหยาบของท่านกระทำไว้ในอดีต
ให้คืนกลับสู่ความสมดุลดังเดิมนั่นเอง

"บุรพกรรมแม่เหล็ก" หมายถึง
อนุภาคประจุลบที่มีรหัสกรรมบันทึกไว้
ซึ่งมันจะถูกผลิตสร้างขึ้น
ด้วยกลไกที่เรียกว่า "คอร์พัสคอลโลซั่ม"
ในความร่วมมือของ "ไพเนียลแกลนด์"
โดยอนุภาคแห่งบุรพกรรมแม่เหล็กนี่แหละ
ที่ทำให้น้ำหนักมวลของจิตวิญญาณ
มากกว่าภพชาติแรกที่มาเกิดเป็นมนุษย์
จนไม่อาจดีดตนเองให้หลุดพ้นแรงดึงดูด
เพื่อออกไปจากระบบเอกภพนี้ได้
จึงต้องย้อนกลับมาสู่การเกิดใหม่ไม่สิ้นสุด

ดังนั้น
เงื่อนไขสำคัญหนึ่งในหลายประการ
ที่วันนี้ท่านทั้งหลายจำเป็นจะต้องรู้
หากเป็นผู้ปรารถนาการหลุดพ้
บนเส้นทางนักสู้เพื่อการรู้แจ้งคือ"ฆราวาส"

นั่นคือท่านจักต้องเรียกสติคืนให้ทัน
ภายในไม่เกินเวลา 3 นาทีโลก
ทุกครั้งที่ท่านเกิดความโกรธ โลภ หลง

พระบิดาจะทรงเมตตาท่าน
ด้วยการปิดกั้นการก่อผลกรรมนั้นๆไว้
เหมือนมันมิได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด
เพื่อช่วยให้บุตรทั้งหลายของพระองค์
สามารถหลุดพ้นออกไปจากระบบได้ง่ายขึ้น
โดยบุตรของพระองค์ทุกชาติศาสนา
จะได้รับสิทธิพิเศษนี้เท่าเทียมกันทุกรูปธรรม

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
30-05-2017

จิตสงบ ก็พบสุข



อยากได้พริกต้องปลูกพริก
อยากได้มะม่วงต้องปลูกมะม่ว

ไม่ใช่อยากได้มะม่วงแต่ปลูกต้นพริก
หรืออยากได้พริกแต่กลับปลูกต้นมะม่วง

ถ้าท่านมี #มหาสติ
ท่านจะไม่ทำตนดั่งสับสนกับตนเอง
อย่างเช่นทุกวันนี้เลย

เพราะการทำสิ่งหนึ่งที่ตนไม่ต้องการ
เพื่อหมายจะได้อีกสิ่งหนึ่งที่ตนต้องการนี่แหละ
#ทุกๆวัน ของท่านทั้งหลาย
มันจึงกลายเป็น #ทุกข์ทุกวัน ตราบจนบัดนี้

เพราะ #ทุกๆคน ทำตนกันแบบนี้เอง
ท่านทั้งหลายจึงกลายเป็น #ทุกข์ทุกคน

ดังนั้น ตลอดภพชาตินี้
ถ้าท่านจะมีโอกาสพ้นทุกข์ได
ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่
อย่าหาทุกข์มาใส่ใจตน

<3 span=""> เมื่อผิดใจใครก็อย่าปล่อยให้จิตมันโกรธ
อยากมีความสุขก็ต้องสร้างสุขให้ตนเอง
ด้วยการอดทน อดกลั้น และให้อภัยทันที
จิตสงบเมื่อใดท่านจะพบสุขเมื่อนั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-05-2017

วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เรากลับมาค้นหาประชากรของพระองค์





พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ผู้ทรงเป็นจิตแห่งจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระเจ้าอันยิ่งใหญ่เหนือสิ่งทั้งปวง
ได้ทรงประทานภารกิจสำคัญแก่เรา
ให้กลับมากล่าวพระโอวาทแทนพระองค์
เพื่อช่วยท่านทั้งหลายให้พ้นจากอธรรมทุกสิ่ง
เพื่อชำระพระจิตของท่านทั้งหลายให้บริสุทธิ์
เพื่อช่วยชี้ทางแห่งการหลุดพ้น
เพื่อช่วยทุกคนให้รักการทำความดีงาม
ทรงให้เรากลับมาแจ้งข่าวสารการชำระโลก
เพื่อเปลี่ยนโลกและมนุษย์สู่ยุคพลังงานใหม่
ทรงให้เรากลับมาค้นหาประชากรของพระองค์
เพื่อนำทางกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอน
ก่อนวันปิดยุคพลังงานเก่า 56 วัน หรือ 8 ราตรี
(1 ราตรี มี 7 วัน)
ดังนั้น
นับตั้งแต่นี้มนุษย์กับโลกเสรีจะถูกเปลี่ยนแปลง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา

วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ทำดีเพราะจิตสำนึก




พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

งอย่าทำความดีงามใดๆ
เพื่อหวังเอาหน้าหรืออวดคนอื่น

จงอย่าทำความดีงามใดๆ
เพื่อหวังสิ่งตอบแทน

จงอย่าทำความดีงามแล้ว
ป่าวประกาศโฆษณาทางสังคม
เพื่อต้องการให้คนอื่นสรรเสริญเยินยอ

ถ้าท่านทำความดีงามตามแบบที่ว่านี้
ท่านจะไม่ได้รับรางวัลจากพระบิดาเลย
เพราะท่านได้ให้บำเหน็จรางวัลตนเอง
ตาม #กฎแห่งการกระทำ ที่ท่านสร้างขึ้นแล้ว

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
โลกนี้เป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี
เมื่อท่านเลือกที่จะให้รางวัลตนเองแล้ว
บำเหน็จรางวัลจากพระบิดาก็มิสำคัญอะไร

เพราะว่าพระบิดาทรงเป็นทั้งผู้เริ่มต้น
และทรงเป็นผู้สิ้นสุดของทุกสรรพสิ่ง
พระองค์จึงทรงเป็นดั่งจุดศูนย์กลาง
ในการสั่นสะเทือนของทุกสรรพสิ่ง
ในจักรวาลอันไพศาลนี้

ด้วยเหตุนี้เองเมื่อท่านทั้งหลาย
ถือกำเนิดมาจากพระองค์
การสั่นสะเทือนใดๆของพวกท่า
จึงต้องไปสิ้นสุดยุติที่พระองค์เท่านั้น

หมายความว่า
ถ้าท่านกระทำความดีงามใดๆก็ตาม
แรงสั่นสะเทือนทางจิตสามนึกที่ดีงามนั้น
มันจะต้องสั่นสะเทือนไปจนสุดทางที่พระบิดา
เพื่อให้พระองค์ทรงประทานบำเหน็จแก่ท่าน
เป็นรางวัลตอบแทนความดีงาม
อย่างสมน้ำสมเนื้อและเป็นธรรม
ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองเท่านั้น

การทำความดีงามโดยหวังสิ่งตอบแทน
มิได้ทำด้วยความรักเพื่อให้
มิได้ทำด้วยจิตสำนึกที่ถูกต้องเหมาะสมดีงาม
มันคือการแทรกแซงภารกิจแห่งพระเจ้า
ที่บุตรของพระองค์มิสมควรทำอย่างยิ่ง

การเป็นบุตรที่มีพ่อแม่คอยอุ้มชูดูแล
จักมีคุณค่ายิ่งกว่าการทำตนดั่งบุตรกำพร้า
ที่จะต้องทำมาหาเลี้ยงตนเองมิใช่หรือ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22-05-2017

เชื่อมั่นในตนเองและทุกสิ่งที่ตนทำ





พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้ง
หลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เพราะองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ทรงเป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่าน
ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าเหนือทั้งปวง

ดังนั้น
ท่านทั้งหลายและทุกสรรพสิ่ง
จึงเป็นบุตรรักในพระองค์

จงเชื่อมั่นเถิดว่า
พระองค์จะทรงรักและดูแลท่าน
เหมือนดูแลทุกสรรพสิ่ง
ในจักรวาลอันไพศาลนี้
ที่ทรงให้กำเนิดและสร้างไว้เป็นอย่างดี
ดุจดั่งบิดามารดาเลี้ยงดูบุตรของตน
ให้เป็นคนฉลาด เป็นคนเก่ง และเป็นคนดี

คราใดที่ท่านเผชิญอุปสรรคปัญหา
ก็จงทราบไว้เถิดว่าในขณะนั้
พระองค์กำลัง "หยิบยื่นปัญญา"
ที่สูงกว่า ฉลาดกว่ามาให้ท่าน

คราใดที่สังขารท่านเหนื่อยล้าอ่อนแอ
ก็จงทราบไว้เถิดว่าในขณะนั้
พระองค์กำลังหยิบยื่น
"สุขภาพพลานามัยที่ดี" ให้แก่ท่าน

คราใดที่ท่านท้อแท้สิ้นหวัง
ก็จงทราบไว้เถิดว่าในขณะนั้
พระองค์กำลังหยิบยื่น "พลังบันดาลใจ"
ที่ท่านทั้งหลายเรียกว่า "แรงฮึด"
ให้แก่ท่าน

คราใดที่ท่านรู้สึกอัตคัตขัดสน
ก็จงทราบไว้เถิดว่าในขณะนั้
พระองค์กำลังหยิบยื่น
"ประตูแห่งโอกาส"หลายๆบาน
ให้ท่านได้เลือกดิ้นรนที่จะเปิดมัน
ตามจริตและความพร้อมของท่าน

ถ้าท่านศรัทธาในพระองค์
เพราะเห็นพระคุณของพระบิดา
ท่านจะไม่มีชีวิตที่น่าอาภัพอับเฉา
ชีวิตท่านจะไม่มีวันขัดสนเล

จงเชื่อมั่นในตนเองในทุกสถานการณ์
จงฉลาดดำเนินชีวิตด้วยจิตใจที่กล้าหาญ
จงเข้มแข็งอดทนและมีมานะพยายาม

โดยหาคำตอบให้แก่ตนเองให้ได้ว่า
ความทุกข์ทั้งหลายที่ท่านทนมันได้ยากนั้น
พระองค์กำลังจะหยิบยื่นสิ่งดีใดให้แก่ท่าน

จงพร้อมต่อการรอคอยพระบิดาโดยไม่ย่อท้อ
เพื่อท่านจะได้อิ่มท้อง
และเป็นสุขในอีกไม่นาน
เมื่อวันแห่งชัยชนะของท่านมาถึง

ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
เป็นนัยความหมายของคำว่า
#ศรัทธาในพระบิดา
#เชื่อมั่นในตนเองและทุกสิ่งที่ตนทำ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22-05-2017

วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

คำอธิฐานของผู้ชอบธรรม




พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้ง
หลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ถ้าท่านอธิษฐานจิตเพื่อการร้องขอ
ด้วยความมีศรัทธาต่อองค์จิตจักรวาล
พร้อมกับการอธิษฐานด้วยความเชื่อมั่นว่า
พระองค์จะทรงช่วยบำบัดรักษาความเจ็บป่วย
ให้ท่านหายไปจากโรคนั้นๆได้แล้ว
พระองค์ก็จะทรงเมตตาให้ท่านหายในเร็ววัน

ดังนั้น
จึงมีอยู่สามสิ่งที่ท่านจะละเว้นไม่ได้
หากปรารถนาความสำเร็จในการอธิษฐานนั่นคือ

1.ความศรัทธาที่บุตรพึงมีต่อพระบิดา
2.ความเชื่อมั่นว่าพระองค์จะทรงช่วยเหลือท่าน
ให้หายจากโรคตามแรงอธิษฐานของท่านได้แน่ๆ
3.ความรักที่ท่านจะต้องมีต่อพระบิดา
ต้องรักตนเองและรักคนข้างบ้านได้ทุกคน

ทั้งสามสิ่งนี้จะทำให้ท่านเป็นคนชอบธรรม
แล้วพระองค์ก็จะทรงประทานความสว่าง
มาเป็นรางวัลสำหรับท่านผู้ชอบธรรมโดยตรง

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22-05-2017

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

พระบัญชาให้เรากลับมาอีกครั้ง





พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหล
าย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

องค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ของท่านทั้งหลายนั้น

เป็นผู้มีพระบัญชาให้เรากลับมาอีกครั้ง
เพื่อนำความสว่างไสวเข้ามาในโลกเสรีนี้
ซึ่งบัดนี้...เราได้นำเข้ามาแล้ว

แต่เราพบว่า
พวกท่านส่วนใหญ่ยังคงรักความมืด
มากกว่าความสว่าง
เพราะยังตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา
ยังติดพันอยู่กับราคะจริตรายวันกันอยู่

เนื่องจากขาดการชำระจิตใจให้ใสสวย
ขาดการช่วยยกระดับสติปัญญาในตนเอง
ขาดติดต่อกันเป็นเวลายาวนานผ่านภพชาติ
ท่านจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตอยู่กับด้านมืด
ดำเนินชีวิตอยู่เสมือนเป็นผู้เกลียดความสว่าง

โดยบ้างก็ปฏิเสธพระบิดา
พระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตัวเอง
ทั้งทรงเป็นพระผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่งอีกด้วย

บ้างก็แสดงความไม่ศรัทธาในคำสอน
ที่พระองค์ทรงสื่อผ่านเรามา
โดยปฏิเสธในทันทีที่ได้รู้ได้ยินหรือได้ฟัง
ตั้งแต่ยังมิทันเรียนรู้เลยว่า
พระองค์ทรงเมตตาสอนอะไร

ถ้าท่านทั้งหลายไม่มีเวลาให้กับความสว่าง
ยังดุ่มเดินอยู่ในท่ามกลางความมืดมิดแล้ว
ท่านก็จะมิอาจแลเห็นเรากับพระบิดาได้
นอกจากการวกวนวุ่นวายอยู่กับตนเองไปวันๆ
แล้วท่านก็จะตกหลุมพรางแห่งการหลงตนเอง
นั่นคือหลงยึดติดตนเองแล้วก็ปฏิเสธความสว่าง

ปฏิเสธความสว่าง.....ที่มีพระบิดา
ผู้ทรงประทานแสงสว่างอันเจิดจ้านั้น
ให้แก่พวกท่าน....ผ่านมาทางเรานั่นแล

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-05-2017

การนึกลบ - การนึกด้านลบ แตกต่างกัน








<3 span="">



 พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
#การนึกลบกับการนึกด้านลบไม่เหมือนกัน

นิยามของ "การนึกลบ" หมายถึง

อาการของจิตที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่ในขณะนั้น
อันเกิดจากการมองโลกด้านลบของท่าน
แล้วเป็นเหตุให้จิตที่มันเคยสงบอยู่
ต้องเสียสมดุลไปในทางลบ
โดยมี "การนึกลบ" ของท่านเองเป็นเงื่อนไข
ทั้งๆที่โลกอันหมายถึงผู้อื่นหรือสิ่งอื่นนั้น
ยังมิได้สร้างเงื่อนไขลบใดๆต่อท่านเลยสักนิด
แต่เป็นการนึกคิดรู้สึกไปเองหรือมโนเองทั้งสิ้น

ดังนั้น
ลักษณะเด่นของการนึกลบก็คือ

1.เป็นการมองโลกอันหมายถึงคนอื่น สิ่งอื่น
ในแง่ร้าย ในแง่ไม่ดี ทั้งๆที่ในขณะนั้น
ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามที่ตนเองนึกเลยสักนิด

2.จากนั้นก็นำเอาสิ่งที่ตน "นึกลบ" นั้น
มาเป็นเงื่อนไขทางจิตใจให้ตนเอง
เกิดอารมณ์รู้สึกไปทางด้านลบต่อคนนั้นสิ่งนั้น
ตามที่ตนมโนไปเอง

3.เมื่อเสียสมดุลทางอารมณ์รู้สึกไปแล้ว
ท่านก็จะแสดงออกหรือกระทำด้านลบบางสิ่ง
ไปตามอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบของตัวเอง
ต่อคนๆนั้นหรือสิ่งนั้นแม้กระทั่งทำกับตนเอง

อาการทางจิตด้านลบนี้เรียกว่า #วิตกจริต
คือ การตีตนไปก่อนไข้
หมายถึง พอนึกคิดว่าตนป่วยไข้
ก็เกิดความรู้สึกว่าตนมีอาการป่วยไข้แล้วจริงๆ
ซึ่งเป็นการ #ป่วยทางจิต หรือจิตป่วย
ทั้งๆที่ร่างกายยังมิได้ป่วยไข้อะไรเลย

4.การนึกลบต่อผู้อื่นว่า "เขาต้องโกหก" แน่ๆ
มันจะทำให้ท่าน "ไม่เชื่อ" ในสิ่งที่เขาพูด
มันจะทำให้ท่าน "ไม่วางใจ" ในสิ่งที่เขาทำ
มันจะทำให้ท่าน "ไม่ไว้ใจ" ในตัวเขา

เพราะท่านรู้สึก "เชื่อ" ว่าตนจะถูกหลอกลวงแน่
เพราะท่านรู้สึก "เชื่อ" ว่าตนจะต้องผิดหวังแน่
เพราะท่านรู้สึก "เชื่อ" ว่าตนจะต้องเดือดร้อนแน่

5.เมื่อท่านเกิดความเชื่อว่าเขาจะเป็นลบ
สภาวะจิตของท่านมันก็ไม่สงบ
เพราะจิตเป็นเหตุให้จิตตกเอ
แล้วจิตที่เป็นลบอยู่ในขณะนั้น
มันก็จะหาทางที่จะป้องกันตนเองเสียใหญ่โต
ด้วยการแสดงออกหรือกระทำต่อคนนั้นสิ่งนั้น
ในลักษณะของการ "ปฏิเสธ" เช่น

ไม่ใส่ใจในคำพูดหรือการกระทำของเขา
ว่ามีสาระประโยชน์อันควรรับรู้เรียนรู้หรือไม่

โต้แย้งในสิ่งที่เขาพูดเพราะเชื่อว่าโกหก
ต่อต้านในสิ่งที่เขาทำเพราะเชื่อว่าหลอกลวง
ไม่ญาติดีกับเขาเพราะเชื่อว่าไว้วางใจไม่ได้

6.ความจริงทั้งหมดที่เรากล่าวมา
เป็นเรื่องของ #การนึกลบคิดลบ 
ที่เป็นเหตุให้เกิดพฤติกรรมด้านลบตามสูตรสำเร็จ 
"จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" ทั้งนั้น

7.ส่วน #การนึกด้านลบ (มีคำว่า "ด้าน" อยู่ด้วย)
เป็นการมองโลกซึ่งเป็นคนอื่นสิ่งอื่น
เพื่อ "ป้องกัน" มิให้สร้างเงื่อนไขด้านลบ
ต่อตัวท่านเองทั้งในปัจจุบันและอนาคต
โดยเป็นการคิดป้องกันเอาไว้ล่วงหน้า
อย่างรู้สติ มีสติ และใช้สติ
เพื่อมิให้เหตุการณ์ด้านลบที่ตนนึกคิดอยู่
มันเกิดขึ้นมาได้ตามที่ตนเองนึกคิดนั้น
เป็นต้นว่า

วันนี้ที่เขาดีกับท่านอยู่เพราะสาเหตุใด
แล้ววันหน้าเขายังจะดีกับท่านตลอดไปมั้ย
ถ้าเขาจะไม่ดีกับท่านเป็นเพราะสาเหตุใด

ทั้งหมดเป็นการนึกคิดด้านลบล่วงหน้า
ที่ไม่เป็นเหตุให้ตัวท่านเอ
เกิดการเสียสมดุลในจิตใจหรือจิตตกเลย
แต่เป็นการคิดด้านลบเพื่อป้องกันไม่ให้
เกิดเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์ในอนาคต

เป็นการคิดด้านลบ
ที่ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่น
เกิดความเดือดร้อนเสียหายใดๆทั้งสิ้น
ทั้งยังจะเป็นการบ่งชี้ว่า
ท่านไม่ประมาทและฉลาดดำเนินชีวิต
เสียมากกว่าด้วยซ้ำไป

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-05-2017