วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

ธรรมะ จากธรรมชาติ
































เราได้กล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายมาแล้วว่า
องค์จิตจักรวาลผู้ทรงเป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งนั้น
ได้ทรงบันทึกรหัสสัจธรรม
ไว้สร้างสติทางวิญญาณให้แก่บุตรมนุษย์
ที่เข้ามาปฏิบัติภารกิจยังโลกเสรีนี้ไว้ในทุกสรรพสิ่ง
ทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ในธรรมชาติทั้งหลายนั้น

ผู้ที่จะเข้าถึงสัจธรรมในธรรมชาติได้
จักต้องอาศัยเครื่องมือชิ้นสำคัญ
นั่นคือ "จิตกับสมอง"
ซึ่งพระองค์ได้ทรงประทานเอาไว้ให้แก่ทุกท่านแล้ว

ถ้าตั้งแต่วัยเด็กพ่อแม่เหลวไหล
ไม่เคยสอนลูกของตนให้ฉลาดทางจิต
ไม่เคยสอนลูกให้คิดรู้ด้วยปัญญา

ได้แต่สอนให้บ้าที่จะเป็นคนเก่ง
ด้วยการเป็นผู้รอบรู้เพราะจำเก่ง-เรียนเยอะ

ปล่อยให้ลูกของตนหมกมุ่นอยู่กับกิเลสตัณหา
ปล่อยให้ใช้ปัญญาเป็นเครื่องมือของอารมณ์

จะเรียนรู้สิ่งใด จะเข้าใจสิ่งใด
จึงไม่สามารถใช้ปัญญาของตนเองได้
ต้องพึ่งพาผู้อื่นให้เป็นครูอยู่ร่ำไป
ยังผลให้จิตสำนึกต่ำลงๆในทุกภพชาติ
ด้วยรหัสลบอันเกิดแต่กิเลสตัณหาล้วนๆ

อย่างกรณี "ธรรมะจากธรรมชาติ"
บทนี้ บทที่ว่าด้วย.....
"สายน้ำจะไหล จากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ"
พระบิดาทรงแฝงข้อสัจธรรมคำสอนบุตรมนุษย์เอาไว้
ให้ใช้สติปัญญาและปัญญาญาณ
อันเป็นพลังอำนาจจากสมองสองซีกของทุกท่าน
เพื่อการเรียนรู้ให้ได้ว่า....

"ผู้ที่มีมากกว่า
จักต้องเมตตาต่อผู้ที่มีน้อยกว่าเสมอ"
ตัวอย่างเช่น.....

ผู้ใหญ่ต้องมีเมตตาต่อเด็ก
มิใช่เอาเปรียบเด็กเพราะเห็นว่าอ่อนแอกว่า

คนรวยต้องช่วยเหลือคนจน
มิใช่เห็นแก่ตัว งก ตระหนี่ ขี้เหนียว

จิตวิญญาณผู้มีบุญบารมีมากกว่า
จักต้องให้โอกาสผู้มีบุญบารมีน้อยกว่ามาเกิดก่อน

สัจธรรมพื้นๆเหล่านี้
เป็นธรรมะในหมวด "โลกิยธรรม"
ที่ท่านทั้งหลายสามารถ
สังเคราะห์จากธรรมชาติกันได้เอง
ด้วยความฉลาดทางปัญญาในตนเอง
แล้วนำมาใช้ปฏิบัติ
ในชีวิตประจำวันได้เสมอ
โดยมิพักต้องเสี่ยงกับเจ้าลัทธิคนไหนๆอีก

เพราะคนส่วนใหญ่
ยังพึ่งปัญญาตนเองไม่ได้นี่แหละ
ลัทธิต่างๆจึงถูกสร้างขึ้นมา
โดยเจ้าลัทธิที่มากมีด้วยกิเลสมาร
พระศาสนาที่แท้จริงจึงเสื่อม
พระธรรมที่แท้จริงจึงถูกบิดเบือน
เราจึงกลับมาพร้อมคำพิพากษาของพระองค์
ตามสัจจะที่ให้ไว้....

เอเมน....สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
1-03-2015

"เมืองสวรรค์มายา"
































ลัทธิเร่ขายบุญนั้นมักจะนำสวรรค์มายา
มาเป็นเครื่องจูงใจสาวก

โดยจะหลอกลวงให้เชื่อว่า
เงินตราสามารถซื้อบุญตุนสวรรค์ได้
ทำยังกับว่าบุญกับสวรรค์นั้นเป็น "วัตถุ" ชนิดหนึ่ง
จึงเที่ยวเร่ขายบุญตุนสวรรค์กันยกใหญ่

ทั้งยังลวงหลอกให้เชื่ออีกด้วยว่า
ภพภูมิสวรรค์มายาน่ะเหนือกว่าภพภูมิมนุษย์โลก

เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
แรกเริ่มเดิมมา "เมืองสวรรค์มายา" นั้นไม่เคยมีหรอก
เพราะองค์จิตจักรวาลมิได้ทรงกำหนดสร้างไว้เลย
มีเพียงมนุษย์อุตริในยุคโบราณเท่านั้น
เป็นผู้กำหนดสร้างรูปบูชาสมมติเทพขึ้นมา
พร้อมปรุงแต่งเรื่องเล่าแนวพิสดารอภินิหาร
เพื่อสร้างสรรค์ศรัทธาในหมู่ชนประกอบด้วย

ท่านทั้งหลายจะต้องรู้ด้วยว่า
พลังจิตของมนุษย์อย่างพวกท่านนั้น
มันสามารถสร้างมายาขึ้นมาได้
แค่เพียงอาศัยความเชื่อความศรัทธา
อย่างแรงกล้าเท่านั้น

ดังนั้น....
เรื่องแต่งเรื่องเล่าของภพภูมิสวรรค์
พร้อมตำนานแห่งเทพสมมติอันพิสดารพันลึก
จึงถูกความเชื่อจากพลังจิตของผองชนยุคนั้น
ปรุงแต่งจินตนาการขึ้นมาเป็นสวรรค์มายาทันที

ไม่ต่างจากคนที่ตายแล้ว
จิตวิญญาณที่ออกจากร่างมนุษย์นั้น
แท้จริงเป็นแค่เพียงกล่องพลังงานเท่านั้น
แต่เพราะเชื่อว่าตนมีรูปลักษณ์และมีอาภรณ์
ในแบบที่ตนคุ้นเคย
จิตวิญญาณนั้นจึงปรุงแต่งมายาแห่งตนขึ้นมา
เป็นรูปลักษณ์และอาภรณ์ในแบบนั้นทันที

ก่อนตายจำได้ว่าตนเป็นคนแก่
ก่อนตายจำได้ว่าตนสวมชุดคนไข้ในโรงพยาบาล
ก่อนตายจำได้ว่านอนป่วยที่โรงพยาบาล

เมื่อตายแล้วจึงสำแดงตนเป็นคนแก่

เมื่อตายแล้วจึงกำหนดมายาให้ตน
เป็นคนแก่ที่สวมชุดคนไข้นั้น

เมื่อตายแล้วจึงเป็นคนแก่ที่สวมชุดคนไข้
และวนเวียนอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น
ไม่ไปไหน....เพราะจำได้แค่นั้น

ภาพภพภูมิสวรรค์มายาในชั้นต่างๆก็เช่นกัน
แรกเริ่มนั้นมันเกิดจากความเชื่อที่ถูกชักจูงว่า
พระพรหม คือ พระผู้สร้าง
สวรรค์ชั้นพรหมเป็นสวรรค์ชั้นสูงสุด
ที่มนุษย์เหล่านั้นปรารถนาจะไปเมื่อตายแล้ว

แต่เนื่องจากบุญทำกรรมแต่งในแต่ละคนไม่เท่ากัน
การสร้างกุศลกรรมทำความดีงามไม่เท่ากัน
จิตวิญญาณแต่ละคนที่เชื่อเรื่องสวรรค์มายา
จึงสามารถ "หลุดลอย" ขึ้นไปหาเป้าหมาย
อันเป็นมายาที่เกิดจากความเชื่อของตน
ได้สูงไกลไม่เท่ากัน

นี่จึงเป็นที่มาของสวรรค์มายาซึ่งมีหลายชั้น
ตราบกระทั่งปัจจุบันหลายท่านก็ยังเชื่อกันอยู่
ดังภาพสไลด์ที่เรานำมาแสดงไว้ในที่นี้นี่แหละ

ถ้าท่านทั้งหลายเข้าใจความจริงและเชื่อที่เรากล่าว
โดยเชื่อให้ได้ว่าสวรรค์มายาที่ว่านี้
มันเป็นแค่สิ่งสมมติ มันมิใช่ภพภูมิที่แท้จริง
เพราะมิใช่หนึ่งในสิ่งที่พระผู้สร้าง
ทรงกำหนดสร้างขึ้นไว้
ในจักรวาลของพระองค์แต่อย่างใด

ภพภูมินรกต่างหากคือดินแดนที่มีอยู่จริง
เพราะพระองค์ทรงกำหนดสร้างขึ้นไว้นั่นเอง

เมื่อท่านเลิกเชื่อเลิกงมงายได้แน่แล้ว
ท่านจงใส่รหัสที่ในจิตของท่านเสียใหม่
โดยจงบอกกับตนเองว่า

แก่นแท้ของท่านมาจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
บ้านเกิดของแก่นแท้ท่านที่อยู่นอกระบบเอกภพ
เราสมมติเรียกว่า "แดนสุญญตา"

ท่านเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทำหน้าที่ค้ำจุนโลก
ด้วยพลังความรักจากจิตสำนึกด้านบวก

เมื่อทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณสำเร็จเสร็จแล้ว
ท่านมีหน้าที่จะต้องนำพาแก่นแท้ของท่านกลับบ้าน
บ้านที่แก่นแท้ของท่านจากมาแสนนานนั่นไง
มิใช่แดนสรวงแดนสวรรค์มายานั้นแต่อย่างใด

จงใช้ปัญญาของท่านไตร่ตรอง
เรามาตามพวกท่านกลับบ้าน
ด้วยการช่วยสร้างสำนึกทางวิญญาณ
ให้พวกท่านได้ข้ามผ่านความงมงายนับพันปี
เพื่อการหลุดพ้นได้จริงในภพชาติเดียว
โดยมิพักต้องหลุดลอย
แล้วค่อยๆยกระดับสู่การหลุดพ้น
โดยต้องใช้เวลาโลกกันอีกยาวนานเท่าใดก็ไม่รู้

กลับไปกราบพระบาทองค์จิตจักรวาลกัน
ไม่ต้องเดินทางผ่านสวรรค์มายาก็ได้
ตายแล้ว "หลุดพ้น" น่าสนกว่า "หลุดลอย" มั้ย?

นี่เรากล่าวให้พวกท่านคิดตามนะ
มิได้สอนให้ใครเชื่อหรือปฏิเสธโดยมิใช้ปัญญา
เพราะเรา คือ ครู และที่นี่เป็นห้องเรียนของเรา
เรากล่าวตามพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
เรากล่าวต่อท่านทั้งหลายในพระนามแห่งพระองค์

เอเมน...สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
3-03-2015