วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พลังจิตใต้สำนึก



หลายคนถามเราว่า....
เราเป็นนักวิชาการสัมผัสพิเศษ
ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางจิต
แล้วใยไม่จัดหลักสูตรฝึกอบรมพนักงานบริษัทต่างๆ
เกี่ยวกับการสั่งจิตใต้สำนึกแนวฝรั่งและต่างชาติ
ที่กำลังนิยมกันอยู่ในเมืองไทยขณะนี้ล่ะ

เราได้ตอบพวกเขาไปว่า.....

1.เพราะเราไม่ต้องการทำผิดบาป
ต่อจิตวิญญาณของผู้ที่จะมาเข้ารับการอบรมกับเรา

เพราะการกระตุ้นแรงบันดาลใจ
ด้วยวิธีการ "สั่งจิตใต้สำนึก" โดยตรงนั้น
เป็นการกระทำที่ผิดกระบวนการทางธรรมชาติ

การเจาะเข้าไปหาจิตวิญญาณข้างใน
เพื่อใช้อำนาจทางจิตวิญญาณ
ขับเคลื่อนพฤติกรรมใดๆ
แทนจิตสำนึกของตนนั้นเป็นการกระทำที่ผิดบาป
เสมอการก้าวล่วงจิตวิญญาณของตนนั่นเอง

เพราะธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนนั้น
สามารถเข้าถึงแรงบันดาลใจในตนเอง
ที่ได้จากจิตใต้สำนึกของตนเองกันอยู่แล้ว
โดยไม่ต้องใช้วิธีการหรือพิธีกรรมพิเศษเลย
เพียงแต่ว่าจะทำเป็นใช้เป็นกันหรือเปล่าเท่านั้น

2.เพราะเรารู้ว่า...
แรงบันดาลใจเป็นพลังอำนาจทางจิตวิญญาณ
ซึ่งมนุษย์โลกเรียกว่า "พลังแห่งจิตใต้สำนึก" นั้น
พลังอำนาจที่ช่วยให้คนตกใจเพราะไฟไหม้
สามารถแบกยกขนย้ายตุ่มน้ำ
ที่มีน้ำหนักมากกว่าตนเองหลายเท่าได้

โดยที่พลังอำนาจตัวนี้
จิตวิญญาณแก่นแท้ของมนุษย์
จะสั่นสะเทือนเพื่อขับเคลื่อนออกมาให้ใช้

ผ่านความกลัวสุดขีด! ตกใจสุดขีด!
ในสถานการณ์วิกฤติคับขันเสี่ยงชีวิต

ผ่านความปรารถนาอย่างแรงกล้า
ผ่านความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ผ่านความรักอันบริสุทธิ์
ผ่านความเชื่อมั่นอันสูงสุด

ผ่านสัญชาตญาณในชีวิตประจำวัน
เพื่อการมีชีวิตรอดของเครื่องยนต์แห่งกรรมนั้น
เช่น หิว หาว กระหาย เหนื่อยล้า การหนีภัย
การป้องกันตัว และอื่นๆ
ที่ทั้งคนและสัตว์ล้วนมีเหมือนๆกัน

ดังนั้น...
หากเราไปสอนท่านทั้งหลายให้ทำผิดธรรมชาติ
ทั้งๆที่ยังมีวิธีทางที่ถูกต้องถ่องแท้และไม่ยาก
ซึ่งท่านทั้งหลายสามารถปฏิบัติได้
ด้วยตนเองกันอยู่แล้ว
มันก็จะสร้างความผิดบาปให้เราเองด้วย

3.เพราะเรารู้ว่า....
การสอนท่านให้สั่งตนเองว่า "ทำได้ๆ"
แม้ว่าคำสั่งดังกล่าวนั้นมันอาจจะ "หล่นลงไป"
ในจิตใต้สำนึกของท่านได้ก็ตาม
แต่มันก็เป็นแค่เพียง
การสร้าง "ความเชื่อ" ขึ้นมาในอากาศ
เพื่อทำให้เกิด "ความกล้าแสดงออก"
สำหรับคนขลาดเท่านั้น
มิใช่สิ่งที่เราเรียกว่า "ความเชื่อมั่นในตนเอง"

ความ "เชื่อว่า" ท่านทำได้
กับ "ความเชื่อมั่นว่า" ท่านทำได้
สองสิ่งนี้ความหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะ

การเชื่อว่าตนเองต้องทำได้
จนยังผลให้กล้าพูดกล้าทำกล้าแสดงออก
โดยที่ท่านยังขาดความรู้ ความชำนาญ ความฉลาด
ท่านยังขาดประสบการณ์
ขาดความพร้อมในหลายๆด้านแล้ว
ท่านจะทำสิ่งยากๆนั้นได้แน่หรือ

การเชื่อว่าตนเองต้องทำสำเร็จก็เช่นกัน
หากยังขาดทักษะความพร้อมในหลายๆด้าน
โดยมีแต่ความเชื่อ....เชื่อ.....จากการปลุกเร้าตนเอง
ท่านจะทำสิ่งยากๆนั้นสำเร็จได้แน่หรือ

ความกล้าริเริ่ม...กล้าลงมือทำย่อมเป็นสิ่งดี
แต่ท่านควรสร้างความมั่นใจที่จะทำสิ่งนั้น
ด้วยการเรียนรู้ที่จะสร้างความพร้อมที่จะทำ
ในอีกทางหนึ่งด้วย

มีตัวอย่างมั้ย....มีใครสักกี่คนกัน
ที่เขาสามารถเข้าถึงพลังทางจิตวิญญาณ
ด้วยวิธีการสร้างความเชื่ออย่างที่ท่านถามเรามา
แล้วสามารถคิดหรือทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า
ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม
เหนือมนุษย์คนอื่นๆ.....

4.เพราะเรารู้ว่า....
พลังจิตใต้สำนึกหรือพลังทางจิตวิญญาณ
ที่ท่านเรียกว่า "แรงบันดาลใจ" นั้น
จะใช้สิ่งจูงใจภายนอกมากระตุ้นไม่ได้
เพราะแรงบันดาลใจมิใช่แรงจูงใจ

การขับเคลื่อนแรงบันดาลใจออกมาใช้นั้น
ท่านสามารถจะกระทำผ่านจิตสำนึกแห่งการเป็นมนุษย์
ด้วยวิธีที่เป็นธรรมชาติได้เสมอเมื่อต้องการ
เพียงแต่ท่านจักต้องรู้กลไกกระบวนการ
เพื่อ "สั่งการ" ผ่านจิตสำนึกปกติของท่านให้เป็น
ซึ่งในสไลด์ต่อไป เราจะแนะนำให้ท่านได้รู้

5.เพราะเรารู้ว่า.......
พลังอำนาจทางจิตวิญญาณหรือแรงบันดาลใจนั้น
ถ้ามนุษย์ต้องการใช้มัน
จักต้องสั่นสะเทือนผ่านจิตสำนึกเท่านั้น
จะสั่นสะเทือนผ่าน "จิตไร้สำนึก" ไม่ได้
แม้ท่านจะทำสำเร็จก็ตาม

เพราะพลังอำนาจจากจิตใต้สำนึก
เปรียบเสมือนพลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่รถยนต์
รถยนต์เปรียบเสมือนเป็นร่างกายของท่านนั่นแหละ

เมื่อมีการปฏิสนธิเกิดขึ้นในครรภ์แม่
ถ้าจิตวิญญาณซึ่งเสมือนเป็นแบตเตอรี่
ไม่เข้าไปปฏิสนธิทางวิญญาณ
มันก็ไม่ต่างจากรถยนต์ที่ผลิตเสร็จแล้ว
แต่ไม่ได้ติดตั้งแบตเตอรี่นั่นเอง
รถยนต์คันนั้นก็จะติดเครื่องยนต์
เพื่อขับเคลื่อนใช้งานไม่ได้

ถ้าหากเป็นมนุษย์ก็หมายถึง
ทารกน้อยคนนั้นในครรภ์แม่
จะมีชีวิตขึ้นมาเพื่อการเติบโตไม่ได้เช่นกัน

ถ้าท่านไปขับเคลื่อนพลังจิตใต้สำนึกออกมาใช้
โดยใช้จิตไร้สำนึกแทนจิตสำนึกมนุษย์
มันก็ไม่ต่างจากการไปต่อไฟสายตรง
ด้วยการลากสายมาจากแบตเตอรี่เพื่อใช้งาน
โดยท่านมิได้ติดเครื่องยนต์
เพื่อการรีชาร์จแบตขณะใช้
ผลบั้นปลาย คือ "ไฟหมดแบ็ต"

ท่านคงไม่รู้หรอกว่า
พลังจิตใต้สำนึกหรือแรงบันดาลใจ
ซึ่งเป็นหนึ่งในพลังอำนาจทางจิตวิญญาณนั้น
ถ้ามันเสื่อมลง อ่อนแอ หรือสิ้นพลังแล้ว
มันจะนำปัญหาใหญ่มาสู่คนๆนั้น
ทั้งทางโลกและทางจิตวิญญาณอีกมากมาย
อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

เรากล่าวความจริงตามที่หลายท่านถามเรามา
เราขอนำมาบันทึกเอาไว้ตรงนี้
เพื่อแบ่งปันความรู้นี้ต่อนักเรียนท่านอื่นด้วย
โดยเรามิได้มีเจตนาที่จะก้าวล่วง
ความเชื่อไม่เชื่อของท่านผู้ใดทั้งสิ้น

แต่ที่เรากล่าวมาข้างต้นนั้น.....
มันเป็นความจริงของเราเท่านั้นเอง
เอเมน...สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
22-05-2015

ตัวชี้วัดพลังอำนาจทางจิตวิญญาณ



นักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พลังอำนาจทางจิตวิญญาณของท่าน
ที่เป็นพลังจิตใต้สำนึกนั้น
หากใช้มันไม่เป็น
ก็สามารถเสื่อมถอยน้อยพลังอำนาจลงไปได้
แต่ถ้าหากใช้เป็น....
พลังอำนาจนี้ก็จะไม่มีวันหมดสิ้น
ทั้งยังจะสามารถเพิ่มพูนได้เรื่อยๆอีกด้วย
ตัวชี้วัดพลังอำนาจทางจิตวิญญาณ
ที่กำลังเสื่อมถอยน้อยพลัง
จะสังเกตได้ด้วยตัวของท่านเองดังนี้
1.จะไม่ค่อยมีใครรักท่าน
เสมือนว่าท่านเป็นคนไร้เสน่ห์นั่นแหละนะ
จะคบหากับใครก็คบกันได้ไม่นาน
หากไม่ถูกเอาเปรียบก็จะมีความขัดแย้งอยู่เนืองๆ
เสมือนว่าท่านเป็นคนเข้ากับใครไม่ได้
2.ความรักในครอบครัว
มักมีปัญหาอันเกิดจากความขัดแย้งกันบ่อยๆ
มีปากเสียงกัน ไม่ลงรอยกัน
เข้ากันไม่ค่อยจะได้
หนักมากจะถึงขั้นครอบครัวแตกแยก
พ่อแม่ลูกจะไปกันคนละทางสองทาง
ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
3.ท่านจะเป็นผู้นำที่ผู้ตามมักไม่ยำเกรง
ปกครองคนหมู่มากไม่ค่อยจะได้
ทำให้ทีมไม่เวิร์กจนถึงขั้นทีมแตก
กิจการภารธุระล้มเหลว ขาดทุน
รายได้ตกต่ำ ดำเนินไปได้ไม่ดีดังเดิม
หากท่านเป็นผู้ตามเจ้านายจะไม่ค่อยรัก
ทำถูกจะเป็นผิด จะถูกเพ่งเล็ง
เพื่อนฝูงจะหนีหน้าห่างหายออกไป
4.ท่านจะขาดสติง่ายกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์
ตื่นตกใจง่าย ไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง
จิตใจไม่ค่อยสงบเย็นเท่าที่ควร
เครียดง่ายโดยไม่มีเหตุผล
จะกลายเป็นคนขี้ระแวง
วิตกจริตเพราะคิดลบโดยมองโลกในแง่ร้าย
สมองทึบคิดอะไรไม่ค่อยออก
5.ท่านพูดอะไรจะมีคนเชื่อคำท่านน้อยลง
เสมือนคำพูดนั้นไม่มีน้ำหนักเอาเสียเลย
ทั้งๆที่ท่านพูดความจริงทุกอย่าง
6.จะมีสุขภาพร่างกายอ่อนแอ อ่อนเพลียง่าย
จะเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อยกว่าปกติ
เพราะภูมิต้านทานโรคต่ำ
7.จะตัดสินใจผิดพลาดบ่อยๆ จะลืมง่าย
จะพบเจออุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆบ่อยมากขึ้น
8.ท่านจะขาดคนจริงใจ
มักจะพบเจอแต่คนไม่ดี ไว้วางใจใครไม่ได้
บางวันท่านอาจรำพึงกับตนเองว่า
อยากเจอคนจริงใจมีมั้ยแถวนี้...กันเลยทีเดียว
9.ท่านจะนอนไม่ค่อยจะหลับ
ยามหลับได้ก็มักฝันร้ายบ่อยๆ
มีอาการเซื่องซึมแม้ผ่านการนอนมายาวนาน
เหมือนกับว่านอนไม่พอ หลับไม่อิ่มนั่นล่ะ
**นักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย.....
ทั้ง 9 ประการข้างต้นนั้น
เป็น "ข้อสังเกต" บางประการ
ที่นักเรียนควรรู้แม้ว่าท่านจะไม่อยากรู้ก็ตาม
เพราะท่านจะไม่ใส่ใจ
ในพลังทางจิตวิญญาณไม่ได้แน่
ถ้าหากท่านปรารถนาการหลุดพ้น
เพื่อกลับคืนสู่แดนสุญตาที่ท่านจากมา
ซึ่งพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
คือ องค์จิตจักรวาลทรงรอคอยพวกท่านอยู่
ท่านจักต้องรู้ว่า....
พลังจิตใต้สำนึกขณะท่านมีชีวิตอยู่นี่แหละ
จะเปลี่ยนไปเป็นพลังอำนาจของเมอร์คขะบาห์
ซึ่งทำหน้าที่เป็นพาหนะขับเคลื่อนจิตวิญญาณ
เมื่อท่านทิ้งกายสังขารไปจากการเป็นมนุษย์
ท่านจะหลุดหล่น หลุดลอย หลุดลง
หรือว่า "หลุดพ้น" แบบใดแบบหนึ่งได้
ก็ล้วนขึ้นกับพลังอำนาจทางจิตวิญญาณที่ว่านี้
ประการหนึ่งด้วย.....
เอเมน...สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23-05-2015

นี่คือ....กฎแห่งกำ



นี่คือ....กฎแห่งกำ

1.กรรมใคร ใครกำ
2.กำแทนใคร ไม่ได้
3.กรรมดี กำได้
4.กรรมชั่ว อย่ากำ
5.ไร้กรรม ไม่ต้องกำ

เอเมน....สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
23-05-2015

วิธีการเข้าถึงการใช้ "แรงบันดาลใจ"



นักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย
ทรงมีพระเมตตาให้เรา
มากล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

วิธีการเข้าถึงการใช้พลังจิตใต้สำนึก
ที่เรียกว่า "แรงบันดาลใจ" จากจิตวิญญาณ
ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน
หรือการดำเนินชีวิตประจำวันของท่านนั้น

ท่านทั้งหลายสามารถจะกระทำ
ผ่านจิตสำนึก (Consciousness) ของตัวเองได้
ตามลำดับขั้นตอนที่จัดไว้ให้แล้วดังต่อไปนี้

1.ท่านต้องคิดหรือทำสิ่งใด
โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์เท่านั้น

ผลสัมฤทธิ์ หมายถึง ผลสำเร็จอันสูงสุด
ที่ตัวท่านเองขณะปัจจุบันนั้น
สามารถที่จะเข้าถึงมันได้จริง
มิใช่เพ้อฝัน...มิใช่การหลอกตัวเอง

แต่จะเข้าถึงมันให้ได้
ด้วยความพร้อมด้านต่างๆที่ท่านมีอยู่แล้ว

เช่น ความรอบรู้ ความสามารถ ความชำนาญ
ความกล้าหาญ ความฉลาดทางปัญญา
ความฉลาดทางอารมณ์
ความฉลาดทางสังคม
ที่จะสร้างความสำเร็จร่วมกับผู้อื่น
และความรักที่จะคิดจะทำสิ่งนั้นอย่างแท้จริง

2.จงคิดหรือทำสิ่งใดเพื่อการ "ให้" เท่านั้น
เพราะการให้เป็นคุณสมบัติหรือบุคลิก
ของจิตวิญญาณของท่านนั่นเอง

การคิดหรือทำเพื่อมุ่งที่จะ "เอา"
เป็นพลังของจิตหยาบหรือจิตไร้สำนึก
ที่ขับเคลื่อนด้วยกิเลสตัณหา
ซึ่งเข้ากันกับจิตวิญญาณไม่ได้

3.จงมองปัญหาทุกปัญหา
ที่ท่านต้องคิดอ่านแก้ไขให้เป็นสิ่งน่าท้าทาย
แทนที่ความท้อแท้และท้อถอยให้ได้

ความรู้สึกท้าทาย (Challenge) ที่ในจิตใจท่าน
มันจะช่วยกระตุ้นให้จิตของท่านนั้น
เกิดการสั่นสะเทือนทางด้านบวกสูงสุด
เพื่อยกระดับสูงขึ้นจนเป็นหนึ่งเดียวกัน
กับจิตวิญญาณของท่านได้
ในรูปของความปรารถนาอย่างแรงกล้า
ที่จะประสบผลสำเร็จในสิ่งที่คิดหรือทำนั้นนั่นเอง

4.จงเชื่อมั่นในความพร้อมของตนเอง
ที่จะคิดหรือทำสิ่งนั้นได้สำเร็จโดยไม่ลังเล
หรือไม่เกิดอาการกลัวๆกล้าๆ
หรือไม่เกิดความรู้สึกว่า "เสียวๆ"
จะผิดพลาดจะล้มเหลวเพราะความเสี่ยง

ความพร้อมของท่าน
เราได้กล่าวไว้ในข้อ 1 แล้ว

เมื่อท่านเชื่อมั่นในตนเองแล้ว
การกล้าริเริ่ม กล้าลงมือทำ กล้ารับผิดชอบ
กล้าเปลี่ยนแปลง และสาระพัดกล้า
ที่จะนำพาความสำเร็จอย่างสง่างามมาให้
มันก็จะเกิดขึ้นเองตามมาดั่งอัตโนมัติแล้ว

5.จงคิดหรือทำสิ่งนั้นด้วยความมุ่งมั่น
มิเช่นนั้นแล้วเมื่อท่านต้องเผชิญกับอุปสรรคใดๆ
ท่านก็จะเกิดความท้อแท้ สิ้นหวัง
หมดความมานะ ละความอดทน
จนเลิกล้มความตั้งใจเสียกลางคัน
ซึ่งพวกท่านเรียกว่า "ความท้อแท้" นั่นล่ะ

นักเรียนจักต้องรู้ว่า....
อุปสรรคปัญหาใดๆที่เกิดขึ้น
บนเส้นทางของการคิดและการกระทำใดๆนั้น
เปรียบได้ดั่ง "บททดสอบความมุ่งมั่น" ของท่าน
เพื่อให้ท่านเกิดการเรียนรู้ว่า
สิ่งที่ท่านคิดหรือกระทำมันอยู่นั้น
ท่านมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า
มีความปรารถนาอย่างแท้จริง
ที่จะคิดจะทำมันให้สำเร็จจริงหรือเปล่า

เพราะถ้าท่านปรารถนาจะเข้าถึงผลสำเร็จจริง
ท่านก็จะพยายามข้ามผ่านหรือฟันฝ่า
อุปสรรคปัญหาใดๆที่ได้เผชิญหรือผจญ
อย่างไม่ท้อแท้และท้อถอยแน่นอน
ถ้าไม่จริง...
เมื่อพบเจออุปสรรคปัญหาเข้าหน่อย
ท่านย่อมถอยหรือเลิกคิดเลิกทำทันที

จงจำไว้ว่า....จิตสำนึกของท่าน
ต้องการความมุ่งมั่นเป็นกุญแจ
ไขสู่ประตูมิติแห่งจิตวิญญาณอยู่ดอกหนึ่งด้วยนะ

6.จงมีศรัทธามั่นในสิ่งที่คิดหรือทำอยู่นั้น
เพราะพลังความศรัทธา
จะช่วยค้ำจุนแรงสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุด
ของจิตสำนึกของท่านในขณะนั้นเอาไว้
เพื่อให้สามารถสั่นสะเทือนร่วมกัน
กับจิตวิญญาณของท่านได้อย่างต่อเนื่อง
เพื่อจะรับถ่ายทอดเอาพลังจิตใต้สำนึก
ในรูปของแรงบันดาลใจ (Inspiration)
ให้หลั่งไหลอย่างไม่ขาดสาย
สู่พลังจิต พลังสมอง และพลังกายของท่าน
เพื่อการใช้งานได้อย่างเหลือเฟือ
โดยไม่มีหมด...มอด.....

กระบวนการใช้แรงบันดาลใจ
ใน 6 ประการที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
เป็นวิธีเข้าถึงการดำเนินชีวิตด้วยจิตวิญญาณ
ในแบบที่เป็นธรรมชาติ
ไม่ผิดบาปเพราะมิได้หลอกตัวเอง
ใช้พลังไปเท่าใดก็ไม่มีวันเสื่อมไม่มีวันหมดสิ้น

เมื่อใดที่จิตวิญญาณท่านทิ้งกายสังขารไป
พลังอำนาจของเมอร์คขะบาห์หรือจิตใต้สำนึกแต่เดิม
ก็จะยังทรงพลังอยู่โดยสามารถจะนำพาแก่นแท้ของท่าน
เดินทางไปสู่สุคติภพหรือไปไหนๆ หรือหลุดพ้น
ตามคุณสมบัติทางจิตวิญญาณนั้นๆได้ดังประสงค์

เรากล่าวความจริงเพิ่มเติมต่อท่านทั้งหลายแล้ว
จงศึกษาความจริงนี้อย่างรอบคอบ
เพื่อยังประโยชน์ต่อตนเองและจิตวิญญาณ
ของท่านทั้งหลายตามอัธยาศัยเถิดนะ...

เอเมน....สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22-05-2015