วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วิทยาศาสตร์ทางจิต กับ วิทยาศาสตร์กายภาพ





นักเรียนที่รักทั้งหลายและท่านผู้พเนจร
***************************************
เรามีความจริงที่จะกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า
ความคิดที่พัฒนาแล้ว
กับความเชื่อตามที่เขาเล่าว่านั้น
มันยังมีเส้นแบ่งให้รู้แยกแยะกันอยู่
ทั้งความรู้และความจริง
มันจึงต้องใช้สติปัญญาของผู้เรียนรู้พิจารณา
มิใช่ใช้ความเชื่อตามเพราะเห็นว่าน่าเชื่อ
มิใช่โต้แย้งเพราะเห็นว่าขัดกับความเชื่อเดิมของตัวเอง
เราจึงสอนให้ศิษย์ในห้องเรียนนี้ให้ได้รู้ความรู้ใหม่
และสอนให้ศิษย์ "คิดตามครู" ตลอดมา
ไม่ได้สอนให้ "เชื่อตาม" เรา หรือเชื่อคนอื่น
แต่ให้เชื่อตนเอง เคารพความคิดของตนเอง
ที่นี่ไม่ได้สอนให้ใครงมงาย
การรู้มากเพราะอ่านมากแต่ถูกผิดไม่รู้
มันแค่ทำให้เธอแลดูเป็นคนเก่ง
เพราะเหมือนว่าจะรอบรู้เท่านั้น
ถ้าฉลาดจริงเก่งจริง
นักเรียนจักต้องค้นพบ
สัจธรรมความจริงในจักรวาลนี้
เพื่อสร้างองค์ความรู้นั้นๆได้ด้วยตนเอง
ที่คนอื่นเขาก็ยอมรับได้ต่างหากล่ะ
วิทยาศาสตร์กายภาพ
เก่งแต่ใช้สมองซีกซ้ายวิเคราะห์วิจัยไปตามที่รู้เห็น
โดยใช้หลักของเหตุและผลเป็นที่ยึดเหนี่ยวความเชื่อ
แต่สิ่งที่อยู่เหนือความสามารถของกลไกอายตนะ
ก็จะใช้ "การคาดเดา/ตั้งสมมติฐาน" แทน
ทั้งๆที่มีสมองอีกซีกหนึ่งให้ใช้แต่ใช้ไม่เป็น
กล่าวง่ายๆคือ มีดทำครัวมีสองเล่ม
เล่มหนึ่งใช้หั่นผักเพราะเป็นมีดเล็กๆหรือมีดบาง
อีกเล่มหนึ่งเป็นอีโต้ใช้สับของแข็งๆ
ถ้าเธอใช้เป็นแต่มีดเล่มใดเล่มหนึ่ง
ไม่ว่าจะหั่นหรือจะสับเธอใช้มีดเล่มเดียวกัน
เพราะเธอเชื่อว่ามันคมเหมือนกัน
เพียงเท่านี้เธอก็ทำผิดพลาดไปมากแล้ว
เราสอนศิษย์ของเราให้ฉลาดคิดเสมอมา
เราไม่สอนศิษย์เราให้เชื่อใครง่ายๆแบบงมงาย
เพียงเพราะเห็นว่า "น่าเชื่อตาม" หรอกนะ
วิธีคิดของพวกเราในห้องเรียนนี้จึงต่างกับใครอื่น
เพราะพวกเรารู้จักคิดตาม รู้จักคิดเอง
การคิดตามพวกเราใช้วิธีวิเคราะห์
การคิดเองพวกเราใช้วิธีสังเคราะห์ความรู้ใหม่ที่ถูกต้องนั้น
เพื่อประโยชน์ของการนำมาใช้ในชีวิตจริงต่างหาก
ไม่ใช่รู้แล้วเพียงแค่ช่วยให้ตนเองรู้มากขึ้น
ทำให้ตนเองดูดีขึ้นเท่านั้นเอง
มิน่าล่ะ...
ช่างเท็คนิกสร้างเมฆมายาขึ้นไว้บนฝั่งฟ้า
ตั้งมากมายหลายรูปแบบหลายแห่งทั่วโลก
เพื่อสร้างสติทางวิญญาณให้แก่มนุษย์ทั้งหลาย
ให้หยุดก่อกรรมทำชั่ว
ให้เตรียมตัวผจญภัยพิบัติ
แต่คนส่วนใหญ่กลับมิได้ใส่ใจ
เพราะบอกตัวเองว่า...มันเป็นมายาที่ไร้สาระ
ทั้งๆที่มันเป็น Pure-metaphysics
สำหรับมนุษย์ยุคพลังงานใหม่!
ที่เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางจิต
ซึ่งช่ำชองในการใช้สมองทั้งสองซีกโดยแท้
เราสอนศิษย์ให้ฉลาดคิดตามเรา
เราไม่สอนให้ศิษย์เราอวดฉลาดข่มคนอื่น
เพราะความฉลาดหรือโง่เป็นคุณสมบัติของตัวเอง
การเที่ยวพเนจรไปเพื่อดูหมิ่นคนอื่นว่าโง่กว่า
มันก็ไม่สามารถทำให้ตนเองฉลาดกว่าขึ้นมาได้
การถูกดูหมิ่นว่าเราโง่งมงายกว่าฝรั่งต่างชาติ
มันก็มิได้ทำให้ความฉลาดที่เรามีมันตกต่ำลงแต่อย่างใด
ทั้งหมดที่เราสื่อสอนไว้ในที่นี้
จึงเป็นเพียงการทำหน้าที่ของ "คุรุ"
ซึ่งพระบิดาทรงใช้ให้เรามาทำหน้าที่นี้เท่านั้น
ใครพเนจรเข้ามาแล้วรับวิธีการสื่อสอนของเราไม่ได้
รับความรักเมตตาปรารถนาดีจากเราไม่ได้
ก็ไปตามทางของท่านเถิดนะ
คำพิพากษาในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาลน่ะ
มิอาจแก้ไขให้เป็นอื่นได้หรอก
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
20-2-2017

ความมืดบอดทางจิตตปัญญา






เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เมื่อใดที่จิตมืดด้วยกิเลสตัณหาราคะ
ปัญญาของคนนั้นก็จักบอด หรือ ไม่สว่าง
เมื่อจิตมืดปัญญาบอดเสียแล้ว
ท่านจะนำความฉลาดแม้เพียงน้อยนิด
สักแค่แสงหิ่งห้อยมาใช้เพื่อ "ฉุกคิด"
ให้เกิดการ "ตื่นรู้" ในชีวิตกันได้อย่างไร
เพราะชาวโลกเสรี
มีความบกพร่องในการใช้จิตตปัญญา
จึงค้นหาแสงสว่างบนเส้นทางหลุดพ้นไม่พบ
ยิ่งเวียนว่ายตายเกิดมากภพชาติเท่าใด
ก็ยิ่งเหวี่ยงหมุนตนเองห่างออกไป
จากจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดคือหลุดพ้น
การหลงทางดั่งลูกแกะที่พลัดหลงฝูง
กับการเป็นเจ้าสาวที่ยืนหลับใหล
ขณะถือตะเกียงที่ไร้น้ำมัน
เพื่อรอคอยเจ้าบ่าวที่จะย้อนกลับมา
ช่วยนำพาเข้าเรือนหอ ณ ด่านนภาลัย
จึงเป็นเหตุการณ์ที่ยังดำเนินอยู่
นี่ไงล่ะ...เหตุผลที่ว่า
ทำไมพระบิดาจึงทรงเมตตา
เลื่อนกำหนดการชำระโลกคาบสุดท้ายออกมา
กว่า 800 ปีโลกถึงบัดนี้แล้ว
เพราะทรงเห็นว่า
การแก้ไขความมืดบอดทางจิตตปัญญามนุษย์
เพียงเวลาสั้นๆนั้นมันเป็นไปไม่ได้
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ยิ่งอัตตาสูงเพราะเรียนมากรู้มาก
ยิ่งผ่านการเกิดมาแล้วมากภพชาติ
ก็จะยิ่งยากแก่การแก้ไขเยียวยา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
20-2-2017