วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558



HMDC : จัดฝึกอบรม เเละพัฒนาบุคลากร
30 นาที ·
งานแก้ไขพฤตินิสัยพนักงานขององค์กรที่บกพร่องนั้น
ท่านผู้บริหารหรือผู้บังคับบัญชาจะใช้วิธีจัดการธรรมดา
อย่างที่เคยทำ แต่ไม่ได้ผลกันอยู่อีกทำไม
............................................................................
นี่เป็นตัวอย่างบางพฤติกรรม
บางพฤตินิสัยเหลวไหลบกพร่องของพนักงาน
ซึ่งองค์กรหรือทีมงานของท่านไม่ต้องการ
เพราะสร้างปัญหาในระบบทีมเวิร์กได้มากมาย
และท่านนักพัฒนาคนขององค์กรทั้งหลาย
เคยแก้ไขกันอยู่...แต่ก็ไม่ได้ผล...9 แบบ เช่น
1.พนักงานบางคนเห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตัว
2.พนักงานบางคนทำงานตามอารมณ์
3.พนักงานบางคนไม่กระตือรือร้นในการทำงาน
4.พนักงานบางคนเข้ากันกับคนอื่นไม่ได้
5.พนักงานบางคนทำตนเป็นหัวโจกในด้านลบ
6.พนักงานรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่เข้ากันไม่ได้
7.พนักงานบางคนทำตนไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์กร
8.พนักงานบางคนมุ่งแต่จะอิจฉาตาร้อนผู้อื่น
9.พนักงานบางคนชอบยุแยงตะแคงรั่วให้ทีมแตกแยก
*วิธีจัดการที่ท่านทั้งหลายมักหยิบใช้กัน
แล้วมันไม่ได้ผล เป็นอาทิ....
1.ผู้บังคับบัญชาหัวหน้างาน คอยดุด่า ว่ากล่าว
ตักเตือน ติติง เฝ้าระวังอยู่ใกล้ชิดเท่าที่จะทำได้
ซึ่งจะได้ผลเฉพาะต่อหน้า แต่ว่าลับหลัง
ก็ยังเหมือนเดิม
2.ให้รางวัลจูงใจด้านบวก ล่อให้หันมาทำดีแทน
โดยกระตุ้นให้อยากได้รางวัลนั้น เพื่อเขาจะได้ละเลิก
พฤติกรรม 1 ใน 9 นั้นเสีย
ผลลัพธ์ คือ ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง
ขึ้นกับว่ารางวัลนั้นจูงใจพวกเขาจริงหรือเปล่า
ผลลัพธ์ คือ ได้ผลในระยะสั้น
พอรางวัลจูงใจให้ไปนานๆมันก็เสื่อมอำนาจลง
พวกเขาก็หันกลับมาเหลวไหลในแบบเดิม
เมื่อไหร่ที่นายเผลอ หรือมีรูรั่ว
จนต้องหารางวัลจูงใจกันใหม่
จนต้องหารางวัลมาจูงใจเพิ่มอีก
เป็นอย่างนี้เรื่อยมาโดยไม่รู้จักคำว่า "พอ"
วันๆผู้บริหารจึงมิพักต้องทำอะไร
เพราะใช้เวลาไปกับการหาสิ่งจูงใจมาให้พวกเขา
เพียงเพื่อระงับพฤตินิสัยไม่ดีพวกเขา
แล้วจูงพวกเขาให้หันมาทำดีในแบบที่ท่านต้องการ
3.ให้รางวัลจูงใจด้านลบ เป็นกฎกติกา
เพื่อกดดันปิดกั้นการแสดงออกหรือกระทำ
พฤติกรรมขยะ (Un-acceptable Behavior)ของเขา
ที่องค์กรหรือทีมงานไม่พึงประสงค์เอาไว้
โดยใช้ความกลัวจะเสียประโยชน์
โดยใช้ความกลัวจะถูกลงโทษ
เป็นเครื่องมือสำคัญ
ผลลัพธ์ คือ ได้ผลในระยะสั้น
พอนานวันเข้ารางวัลด้านลบก็เสื่อมคลาย
เพราะมีการฝ่าฝืนเกิดขึ้น
เพราะบางคนฉลาดหลีกเลี่ยง
เพื่อที่จะทำเหลวไหลตามนิสัยลบของตัวมากขึ้น
ยิ่งถ้าผู้บังคับบัญชาบ้างาน ไม่เอาคน
รูรั่วก็จะเกิดขึ้นเยอะ
กฎข้อใหม่ๆก็จะมีเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
เพิ่มจนพนักงานและคนออกกฎเองจำไม่ได้ว่า
กฎข้อไหนว่าอย่างไรบ้าง
สำคัญ คือ พนักงานส่วนใหญ่ที่ดีๆขวัญเสีย
เพราะวิตกหวั่นไหวกลัวจะทำผิดกฎระเบียบ
วันๆทำงานอยู่อย่างไม่มีความสุข
เพราะพนักงานที่ดีมักจะกลัวผิดกฎ
ขณะพนักงานที่เหลวไหล
มักหาทางหลบเลี่ยงกฎระเบียบเสียส่วนใหญ่
ดังนั้น
ถ้าผู้บริหารมักง่าย
คอยใช้กฎเป็นเครื่องมือ
กำกับพฤตินิสัยเหลวไหลของพนักงานส่วนน้อย
องค์กรนั้นก็มักจะเสียพนักงานส่วนใหญ่
ที่เขามีนิสัยดีๆมีคุณภาพ
ในรูปแบบสมองไหล เทิร์นโอเว่อร์สูง...
จะลาออกไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
4.นำพวกเขาไปเข้าหลักสูตรฝึกอบรมทางวิชาการ
ให้ผู้รู้นำเอาองค์ความรู้มากมายที่ฝรั่งคิดมาขาย
เข้ามาทำเป็นโครงการฝึกอบรมอยู่เนืองๆ
ผลลัพธ์ คือ ได้ผลดีกับคนที่ดีๆอยู่แล้ว
แต่กับพนักงานเป้าหมายที่ไร้คุณภาพ
กลับไม่ค่อยได้ผล
เมื่อพบว่าหลังฝึกอบรมแล้ว
แต่ละคนยังไม่เปลี่ยนแปลง....
ที่มันไม่ได้ผลกับบุคคลที่บกพร่องเหลวไหล
เพราะว่า "การสอนให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร"
ในรูปแบบการฝึกอบรมทั่วๆไปนั้น
มันเปลี่ยนแปลงแก้ไขพฤตินิสัยที่ไม่ดีของคนไม่ได้
เพราะมันเป็นปัญหาด้าน "จิตตปัญญา" ของมนุษย์
ที่พวกเขาบกพร่องมิใช่ไม่รู้ว่า
ที่เขาประพฤตินั้นไม่ดี ไม่สมควร ไม่ถูกต้อง
หรือเป็นพฤติกรรมที่ทีมหรือองค์กรไม่ต้องการ
แต่พวกเขาล้วนรู้อยู่เต็มอกว่าไม่สมควรทำ
ดังนั้น
เราจึงขอเรียนท่านนักพัฒนาคน
รวมทั้งผู้บริหารองค์กรว่า.....
อย่ามัวเน้นการใช้กฎ ใช้สิ่งจูงใจ
และใช้การสอนด้วยวิธีฝึกอบรม
เพื่อมุ่งให้ความรู้เพราะคิดว่าเขาไม่รู้อยู่อีกเลย
ให้ท่านเปลี่ยนวิธีคิดที่จะแก้ไข
เพื่อเปลี่ยนแปลงหรือพฤติกรรมของพวกเขา
ด้วยหลักการด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรมดีกว่า
โดยให้มองว่าพวกเขา คือ
ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ
มิใช่ผู้ที่ "ไม่รู้"
เพราะมนุษย์ทุกคนต้องการเป็นคนดี
ต้องการการยอมรับจากผู้อื่นและสังคม
การบกพร่องด้านพฤติกรรม
มันคือการบกพร่องทางจิตและปัญญา
ถ้าจะแก้ไขต้องแก้ที่
การพัฒนาจิตให้ใส พัฒนาที่ใจให้สวย
ช่วยให้เขามีจิตตปัญญา (จิตรู้สำนึก)ที่แข็งแกร่ง
สามารถระลึกรู้ในสิ่งอันควรไม่ควรได้ด้วยตนเอง
สามารถแสดงออกหรือกระทำแต่สิ่งดีๆ
ในแบบที่องค์กรหรือทีมต้องการได้ด้วยตนเอง
ทั้งสามารถลดละเลิกพฤติกรรมขยะใดๆได้ด้วยตนเอง
โดยไม่ต้องจูงใจให้เปลืองรางวัลพิเศษ
โดยไม่ต้องให้บังคับขู่เข็ญ
ให้เสียอารมณ์รู้สึก
หรือเสียบรรยากาศในที่ทำงานของคนส่วนใหญ่
ท่านนักพัฒนาคนทั้งหลาย
ถ้าท่านเชื่อเหมือนที่ผมเชื่อว่า....
พลังอำนาจที่แท้จริงของทุกๆสรรพสิ่งนั้น
มันจะต้องขับเคลื่อนออกมา
จากข้างในของสรรพสิ่งนั้นเท่านั้น
ดังเช่น.....
ความร้อนแรงและแสงสว่างของดวงอาทิตย์
ก็ล้วนสั่นสะเทือนออกมาจากข้างในแล้ว
พลังอำนาจด้านบวกด้านลบของมนุษย์
ก็จะต้องสั่นสะเทือนขับเคลื่อนออกมาจากข้างใน
ที่เราเรียกกลไกนี้ว่า "จิตตปัญญา" เช่นกัน
ถ้าเราจะช่วยให้คนที่บกพร่องเหลวไหล
หยุดพฤติกรรมขยะนั้นๆได้
เราก็จะต้องช่วยเข้าไปแก้ไขที่จิตสำนึก
ที่คอยขับเคลื่อนพฤติกรรมขยะของเขานั่น
เพราะพฤติกรรมขยะที่เขาแสดงออกมา
มันไม่เหมือนเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เขาใส่
พอเห็นว่าไม่สวยงามแล้วบอกให้เขาถอดทิ้งง่ายๆ
มันจึงเป็นไปไม่ได้...
เขาต้องการความช่วยเหลือจากท่านมากกว่านั้น
ด้านพฤติกรรมที่ดีๆก็เช่นกัน
หากจะให้เขาแสดงพฤตินิสัยแบบไหน
ท่านต้องช่วยเติมเข้าไปที่จิตตปัญญาของเขาเท่านั้น
พวกเขาจะสั่นสะเทือนมัน ขับเคลื่อนมัน
ออกมาให้ท่านทั้งหลายได้ชื่นใจ
ด้วยตัวของเขาเอง
Smart People
คือ ผู้ที่มีความเป็นผู้นำในตนเอง
ในแบบที่ท่านต้องการ
มิใช่เกิดจากการถูกบังคับหรือจูงใจแน่นอน
ทั้งหมดที่ผมกล่าวมา
เป็นสิ่งที่ผมขออนุญาตตอบคำถามท่านทั้งหลายว่า
PSYCHO-SHOW ของ ปริญญา
คือ อะไร
ทำอะไรได้บ้าง
เป็นประโยชน์ต่องานพัฒนาคนอย่างไร
ด้วยความเคารพ
อ.ปริญญา ตันสกุล
Tel.081-6681478, 081-9349789

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ดอกปริญญาบารมี






























แนะนำดอกไม้ที่ท่านไม่เคยรู้จัก
พบได้ที่จิตจักรวาลสถานธรรม ณ ภูกระต่าย
เป็นดอกไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง
มีลักษณะเป็นช่อดอก สีม่วงอมชมพู
ช่อดอกเป็นรูปทรงเจดีย์
แต่ละช่อประกอบด้วยดอกเล็กๆรวมกันเป็นพวง
ลักษณะดอกเป็นรูปดาว 12 แฉก
อยู่ในวงกลมวงเดียวกัน มีจุดศูนย์กลางร่วมกัน
คือ องค์จิตจักรวาลนั่นเอง
หากสังเกตให้ดีจะพบว่า
จะมีกลีบดอกซ้อนกันสองชั้นๆนอกมี 6 กลีบ
ส่วนกลีบดอกชั้นในก็มี 6 กลีบเท่ากัน
ความหมายคือ
พระบิดาทรงมี 12 เหลี่ยมมุม
โดยทรงเป็นพระผู้ให้กำเนิดพระจิต
คือ จิตวิญญาณมนุษย์ที่มี 6 เหลี่ยมมุมนั่นเอง
ส่วนตรงกลางที่เป็นเกสรนั้น
จะมีลักษณะเป็นงวงยื่นยาวออกมา
นี่หมายถึงพระบิดาและพระจิต
ผู้เป็นแก่นแท้ของมนุษย์
ล้วนมีความเชื่อมโยงกันกับรูปธรรมอื่น
ทั้งยังสามารถสร้างใหม่ในสิ่งที่พึงประสงค์ได้ด้วย
รับรองว่า....หาดูยากแน่นอน
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
25-08-2015








วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

แม่ของใคร




หวังว่า....นักเรียนของเรา
ยังคงไม่ลืมใครอีกคนหนึ่งซึ่งเขารักเรามากที่สุดในชีวิตกันดอกนะ...
ไม่ว่าเขาจะยังคงมีชีวิตอยู่ หรือว่าเขาได้จากเธอไปตลอดกาลตั้งนานแล้วก็ตาม
ความรักความกตัญญู...ยังสั่นสะเทือนถึงเขาคนนั้นได้เสมอ...
แล้วดาวโลกดวงนี้ก็จะสั่นสะเทือนตาม...

แผ่นดินไหวแรงๆ...เกิดจากโลกสั่นไหวในทางลบ
หากมนุษย์ช่วยกันสั่นสะเทือนโลกกันด้วยความรักกันให้มากขึ้น
หายนะภัยร้ายๆที่กำลังจะเกิดขึ้นกับแผ่นดินโลกในเร็วๆนี้
มันก็จักบรรเทา...หรือผ่อนความรุนแรงลงได้...ก็เพราะความรักของพวกเธอ
เพราะพวกเธอรู้จักรักกันนั่นแหละ....

ป.วิสุทธิปัญญา
6-04-2014

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ทำไมมนุษย์ต้องมีบททดสอบ





หอพระคัมภีร์จิตจักรวาล สื่อถ่ายทอดโดย ป.วิสุทธิปัญญา: ทำไมมนุษย์ต้องมีบททดสอบ:
บททดสอบ คือ อะไร ทำไมมนุษย์ต้องมีบททดสอบ หลายท่านที่เกิดมาเป็นมนุษย ์บนโลกเสรีนี้ จะมีบางสิ่งในชีวิตส่ วนตัว ที่เหมือนๆกันอยู่อย่า...  

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความแตกแยกเป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดในจักรวาล




หอพระคัมภีร์จิตจักรวาล สื่อถ่ายทอดโดย ป.วิสุทธิปัญญา: ความแตกแยกเป็นเรื่องร้ายแรงที่สุดในจักรวาล: เพราะมนุษย์สอบตกบททดสอบ การเป็นหนึ่งเดียวกัน สังคมจึงวุ่นวาย โลกจึงไม่สงบ ภัยพิบัติจึงทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เพราะจิตสำนึกตกต่ำจนยากเย...

จิตสำนึกแห่งหมู่คณะ 10 ประการ


หอพระคัมภีร์จิตจักรวาล สื่อถ่ายทอดโดย ป.วิสุทธิปัญญา: จิตสำนึกแห่งหมู่คณะ 10 ประการ: จิตสำนึกที่ดีงาม 10 ประการ การที่มนุษย์ทั้งหลาย จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน หรือจะใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสังคมเดียวกันได้นั้น พวกท่าน... 1. ส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกคนเข้าใจและเข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระศาสดา แห่งศาสนาที่แต่ละคนนับถืออยู่นั้น โดยไม่เชิญชวนให้ท่านเปลี่ยนศาสนาโดยเด็ดขาด 2. เราถือว่าศาสนาทุกศาสนาล้วนยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่อยู่แล้ว พวกเราจึงไม่ได้มีความคิดที่จะตั้งศาสนาใหม่หรือลัทธิใหม่ใดๆ ทั้งสิ้น 3. เรา เชื่อว่าศาสนาทุกศาสนาล้วนเป็นสากล เพราะพระธรรมคำสอนของพระศาสดาทุกพระองค์ล้วนสอนมนุษย์ให้เป็นคนดี มีความรักต่อกัน สอนให้รู้จักใช้เหตุผล สอนให้ไม่โง่และงมงาย และสอนไม่ให้ก้าวล่วงผู้อื่น (มีศีล) เหมือนกันเลย แต่ที่เราต้องเรียนรู้คำสอนรวมกันทั้งสามศาสนา เพราะพวกเราบางคนนับถือคนละศาสนากัน จึงได้นำเอาพระธรรมของแต่ละศาสดามาเติมเต็ม หรือบูรณาการให้เข้าใจกันลึกซึ้งยิ่งขึ้นนั่นเอง เราจึงจำเป็นต้องใช้คำศัพท์เฉพาะที่พระศาสดาพระองค์นั้นๆ ทรงตรัสไว้ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระศาสดาพระองค์นั้นๆเป็นสำคัญด้วย มิได้มีเจตนาจะเอามาต้มยำทำแกง ตะแบงคำ อย่างที่บางคนร้อนตัวร้อนใจแต่อย่างใด และการที่เราไม่คิดบัญญัติคำใหม่ขึ้นมาแทนคำนั้นๆ ก็เพราะต้องการยืนยันว่า เรามิได้ต้องการสร้างลัทธิใหม่หรือตั้งศาสนาใหม่ หรือต้องการทำลายศาสนาดีๆ ที่มีอยู่อย่างที่บางคนคิดแต่อย่างใดทั้งสิ้น (เรื่องนี้สมาชิกของเราทุกคน ยืนยันได้ว่าจริงอย่างที่เรากล่าวมาใช่มั้ย?) หากใครจะสร้างลัทธิใหม่ศาสนาใหม่จริงๆแล้วยังดันไปลอกเลียนคำศัพท์คำสอนของ พระศาสดาพระองค์อื่นๆ นั้น แค่คิดก็น่าอายแล้ว และคงไม่มีใครโง่ไปเชื่อตามแน่ๆ เพราะทุกท่านล้วนมีภูมิปัญญาทั้งนั้น 4. สิ่ง สุดท้ายที่อยากกราบเรียนท่านผู้เจริญทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ก็คือ พระผู้ทรงเป็นองค์ความรู้ของเรา คือ องค์จิตจักรวาลนั้น พวกเราเรียกพระองค์ท่านว่า พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งมิได้เกี่ยวข้องกับลัทธิไหนศาสนาใดทั้งสิ้น พระองค์ทรงเป็นเพียงองค์ความรู้ของพวกเรา ที่ช่วยเมตตาสื่อสอนให้พวกเราได้รู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ และทรงสอนให้พวกเราได้คิด คิดได้ และคิดเป็น เพื่อทำความเข้าใจในข้อธรรมะของพระศาสดาแต่ละพระองค์ให้กระจ่างมากขึ้นแทน ที่จะงมงาย และยึดติดอยู่กับสัญลักษณ์หรือพิธีกรรม โดยที่พระองค์มิใช่ศาสดาใหม่ของโลกที่จะมาทำลายศาสนาไหนๆ ทั้งสิ้น เพราะพระองค์ทรงเป็นที่สุดแห่งที่สุดอยู่แล้ว 5. พวกเราทุกคนเชื่อว่า พระศาสดาพระองค์ต่อไปก็คือ พระศาสดาศากยมุณีศรีอริยเมตไตรย์ เท่านั้นครับ 6. พวกเรายินดีต้อนรับศาสนิกชนคนประพฤติธรรมทุกคน ที่พร้อมจะยกระดับสติปัญญา พัฒนาจิตสำนึกร่วมกัน ไม่ว่าท่านจะรับถือศาสนาใดอยู่ก็ตาม เพื่อจะช่วยกันปฏิบัติตามปริศนาธรรมของพระพุทธองค์ที่ว่า "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก เราคือโลก โลกคือเรา" อย่างเป็นรูปธรรมกันจริงๆ เสียที แทนที่จะมีดีแต่ที่ปากเท่านั้น 7. จง อย่าระแวงพวกเราเลยเพราะจะเกิดทุกข์ใจโดยเปล่าดาย ติดตามพฤติกรรมพวกเราไปเรื่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ท่านจะรู้จักเรามากขึ้น และอาจเป็นอีกคนหนึ่งที่สักวันท่านจะรักพวกเราเหมือนที่เรารักท่านอยู่เช่น กัน

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

7 ทางเลือกเสรีของท่าน ในกาลสิ้นยุคพลังงานเก่า



หอพระคัมภีร์จิตจักรวาล สื่อถ่ายทอดโดย ป.วิสุทธิปัญญา: 7 ทางเลือกเสรีของท่าน ในกาลสิ้นยุคพลังงานเก่า: เมื่อโลกถึงกาลสิ้นยุคแล้ว ในคาบของการปิดยุค  56 วัน หรือ 8 ราตรี ผู้ที่นำพาจิตวิญญาณตนเอง หลุดพ้นไม่ได้ เมื่อตายแล้วจะไปไหน.... ... 1. ส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกคนเข้าใจและเข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระศาสดา แห่งศาสนาที่แต่ละคนนับถืออยู่นั้น โดยไม่เชิญชวนให้ท่านเปลี่ยนศาสนาโดยเด็ดขาด 2. เราถือว่าศาสนาทุกศาสนาล้วนยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่อยู่แล้ว พวกเราจึงไม่ได้มีความคิดที่จะตั้งศาสนาใหม่หรือลัทธิใหม่ใดๆ ทั้งสิ้น 3. เรา เชื่อว่าศาสนาทุกศาสนาล้วนเป็นสากล เพราะพระธรรมคำสอนของพระศาสดาทุกพระองค์ล้วนสอนมนุษย์ให้เป็นคนดี มีความรักต่อกัน สอนให้รู้จักใช้เหตุผล สอนให้ไม่โง่และงมงาย และสอนไม่ให้ก้าวล่วงผู้อื่น (มีศีล) เหมือนกันเลย แต่ที่เราต้องเรียนรู้คำสอนรวมกันทั้งสามศาสนา เพราะพวกเราบางคนนับถือคนละศาสนากัน จึงได้นำเอาพระธรรมของแต่ละศาสดามาเติมเต็ม หรือบูรณาการให้เข้าใจกันลึกซึ้งยิ่งขึ้นนั่นเอง เราจึงจำเป็นต้องใช้คำศัพท์เฉพาะที่พระศาสดาพระองค์นั้นๆ ทรงตรัสไว้ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระศาสดาพระองค์นั้นๆเป็นสำคัญด้วย มิได้มีเจตนาจะเอามาต้มยำทำแกง ตะแบงคำ อย่างที่บางคนร้อนตัวร้อนใจแต่อย่างใด และการที่เราไม่คิดบัญญัติคำใหม่ขึ้นมาแทนคำนั้นๆ ก็เพราะต้องการยืนยันว่า เรามิได้ต้องการสร้างลัทธิใหม่หรือตั้งศาสนาใหม่ หรือต้องการทำลายศาสนาดีๆ ที่มีอยู่อย่างที่บางคนคิดแต่อย่างใดทั้งสิ้น (เรื่องนี้สมาชิกของเราทุกคน ยืนยันได้ว่าจริงอย่างที่เรากล่าวมาใช่มั้ย?) หากใครจะสร้างลัทธิใหม่ศาสนาใหม่จริงๆแล้วยังดันไปลอกเลียนคำศัพท์คำสอนของ พระศาสดาพระองค์อื่นๆ นั้น แค่คิดก็น่าอายแล้ว และคงไม่มีใครโง่ไปเชื่อตามแน่ๆ เพราะทุกท่านล้วนมีภูมิปัญญาทั้งนั้น 4. สิ่ง สุดท้ายที่อยากกราบเรียนท่านผู้เจริญทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ก็คือ พระผู้ทรงเป็นองค์ความรู้ของเรา คือ องค์จิตจักรวาลนั้น พวกเราเรียกพระองค์ท่านว่า พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งมิได้เกี่ยวข้องกับลัทธิไหนศาสนาใดทั้งสิ้น พระองค์ทรงเป็นเพียงองค์ความรู้ของพวกเรา ที่ช่วยเมตตาสื่อสอนให้พวกเราได้รู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ และทรงสอนให้พวกเราได้คิด คิดได้ และคิดเป็น เพื่อทำความเข้าใจในข้อธรรมะของพระศาสดาแต่ละพระองค์ให้กระจ่างมากขึ้นแทน ที่จะงมงาย และยึดติดอยู่กับสัญลักษณ์หรือพิธีกรรม โดยที่พระองค์มิใช่ศาสดาใหม่ของโลกที่จะมาทำลายศาสนาไหนๆ ทั้งสิ้น เพราะพระองค์ทรงเป็นที่สุดแห่งที่สุดอยู่แล้ว 5. พวกเราทุกคนเชื่อว่า พระศาสดาพระองค์ต่อไปก็คือ พระศาสดาศากยมุณีศรีอริยเมตไตรย์ เท่านั้นครับ 6. พวกเรายินดีต้อนรับศาสนิกชนคนประพฤติธรรมทุกคน ที่พร้อมจะยกระดับสติปัญญา พัฒนาจิตสำนึกร่วมกัน ไม่ว่าท่านจะรับถือศาสนาใดอยู่ก็ตาม เพื่อจะช่วยกันปฏิบัติตามปริศนาธรรมของพระพุทธองค์ที่ว่า "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก เราคือโลก โลกคือเรา" อย่างเป็นรูปธรรมกันจริงๆ เสียที แทนที่จะมีดีแต่ที่ปากเท่านั้น 7. จง อย่าระแวงพวกเราเลยเพราะจะเกิดทุกข์ใจโดยเปล่าดาย ติดตามพฤติกรรมพวกเราไปเรื่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ท่านจะรู้จักเรามากขึ้น และอาจเป็นอีกคนหนึ่งที่สักวันท่านจะรักพวกเราเหมือนที่เรารักท่านอยู่เช่น กัน

โลกหมุนรอบตัวเองได้ต้องใช้จิตสำนึกมนุษย์




หอพระคัมภีร์จิตจักรวาล สื่อถ่ายทอดโดย ป.วิสุทธิปัญญา: โลกหมุนรอบตัวเองได้ต้องใช้จิตสำนึกมนุษย์: ความรักช่วยให้โลกหมุนได้อย่างไร มนุษย์กับโลกเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร ความรักจากจิตสำนึกโดยรวมของมนุษย์ เป็นคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่...

สติปัญญา ของจิตวิญญาณ




*เราจะกล่าวความจริงเบื้องต้น
ต่อท่านทั้งหลาย
ถึงลักษณะการใช้สมองซีกขวาเอาไว้ว่า

มันจะต้องสั่นสะเทือนด้วยจิตกับสมองซีกซ้าย
เพื่อการนึกคิดให้ได้ผลลัพธ์หรือผลึกการคิดก่อน
จากนั้นจึงนำคำตอบหรือองค์ความรู้ที่ได้
มาพิจารณาด้วยสมองซีกขวา
ในระบบ "กดปุ่ม" ต่อไป

ปัญหามีอยู่ว่า...
ท่านจะต้องเรียนรู้ต่อไปว่า
จะหาปุ่มที่จะกด
แล้วกดให้ตรงปุ่มนั่นได้หรือไม่
หากค้นหาได้แล้ว
จะกดเป็นกดได้หรือเปล่า

เพราะการไม่ฝึกคิด ไม่ฝึกใช้สมอง
โดยปล่อยไปตามนิสัยสันดานเดิมมาตั้งแต่เกิดนั้น
จึงได้มีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว
ที่จบสิ้นอายุขัยไปจากภพชาตินั้นๆ
ที่ยังมิอาจเข้าถึงความมหัศจรรย์
ของสมองซีกขวาของเขาเลย....

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
8-07-2015

คัมภีร์แห่งธรรมจักร



คัมภีร์แห่งธรรมจักร:
............................
1.จิตวิญญาณของทุกท่านในทุกภพชาติ
ที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็น "คน" นั้น

จักต้องเรียนรู้ที่จะ "คนตนเอง" ให้เป็น "มนุษย์"
จักต้องเรียนรู้ที่จะ "คนตนเองให้เข้ากันได้ดี" กับผู้อื่น
จักต้องเรียนรู้ที่จะ "คนตนเองให้เป็นหนึ่งเดียว" กับโลก

จักต้องเรียนรู้ที่จะ "คน" ตนเองให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
กับผู้อื่น กับโลก และกับจักรวาลอันไพศาลนี้

2.การคนตนเองให้เป็นมนุษย์หมายถึง
การที่ท่านสามารถใช้กลไกอายตนะภายนอก
เช่น ตา หู จมูก ลิ้นหรือปาก มือ และเท้า
เพื่อการสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งต่างๆรายรอบตัว

แล้วนำเอาผลแห่งการสัมผัสนั่น
มาสั่นสะเทือนจิตใจที่ข้างใน
เพื่อให้เกิดเป็นความรักเพื่อให้

มาสั่นสะเทือนจิตใจที่ข้างใน
เพื่อให้เกิดเป็นความสุขสงบ
แล้วใช้สภาวะจิตที่สุขสงบนั้น
ไปสั่นสะเทือนทางปัญญาของสมองสองซีก
เพื่อสร้างกระบวนการคิดต่อไป

ก่อนที่จะตัดสินใจแสดงออกหรือกระทำ
พฤติกรรมที่เหมาะสมดีงาม
ต่อเพื่อนร่วมโลกได้ทุกสิ่ง

3.ถ้าท่านสามารถเข้าถึงความจริงที่จริงแท้
ในสองประการที่กล่าวมานั้นได้ก็เท่ากับว่า
ท่านเข้าถึงการคนตนเองให้เป็นมนุษย์
หรือท่าน "หมุนธรรมจักร" สำเร็จแล้ว

แต่ถ้าท่านมิอาจเข้าถึงได้ในสองประการที่กล่าวมา
โดยจิตเกิดการสั่นสะเทือนเป็นลบขึ้นมาแทน
จนยังผลให้เกิดความไม่สงบที่ในจิต
จนไม่สามารถเข้าถึงความรักและความคิด
ที่ถูกต้องเหมาะสมและดีงามต่อผู้ใดได้
นี่เท่ากับว่าท่าน "หมุนกรรมจักร" แทนเสียแล้ว

4.ถ้าหากท่านสามารถหมุนธรรมจักรได้
ปฏิบัติการนี้จะยังผลให้
เกิดพลังงานด้านบวกขึ้นมาได้
ซึ่งเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ที่ทุกคนทุกสรรพสิ่งและดาวโลกล้วนต้องการ

แต่ถ้าท่านหมุนกรรมจักร
ปฏิบัติการนี้ก็จะยังผลให้
เกิดพลังงานด้านลบขึ้นมาแทน
ซึ่งเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบ
ที่ทุกคนทุกสรรพสิ่งและดาวโลกไม่ต้องการ

5.พลังงานด้านบวก
จากการสั่นสะเทือนทางจิตปัญญา
เป็นพลังงานสร้างสรรค์
นั่นคือ บุญกุศล

พลังงานด้านลบ
จากการสั่นสะเทือนทางจิตปัญญา
จักเป็นพลังงานขยะ
นั่นคือ บาปกรรม

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
10-07-2015

สาเหตุของเวรกรรม




เวรกรรม หมายถึง
ผลกรรมใดๆที่เกิดขึ้นในมิติทางพลังงาน
จากการที่ท่านกระทำไม่ถูกต้อง
ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

มีเพียงเจ้าของมันเท่านั้น
จึงจะสามารถทำให้ผลกรรมทางพลังงานนี้
เป็นกลางทางไฟฟ้า (Neutral) ได้
ด้วยการย้อนกลับมาสู่การเกิดเป็นมนุษย์ใหม่
เพื่อพบเจอเงื่อนไขสถานการณ์แบบเดิมๆนั้นอีกครั้ง
แล้วตัดสินใจใหม่ให้ถูกต้อง
ด้วยความรัก ด้วยปัญญา
และด้วยองค์ธรรมจากพระบิดา
นี่คือกระบวนการล้างกรรม.....ล่ะนะ

ด้วยเหตุนี้เอง
ผลกรรมของใคร
คนนั้นจึงต้องรับผิดชอบ

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
17-07-2015

ตัวชี้วัดแห่งคุณสมบัติอันยิ่งยวด




ดาวเคราะห์โลกกำลังถูกชำระ
เพื่อปรับสมดุลใหม่
ตามสมการสามมิติ 6-6-6

เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกนี้สู่ยุคพลังงานใหม่
ด้วยพลังงานบริสุทธิ์จากจิตวิญญาณของผู้มาใหม่
ผู้ก้าวมาจากดินแดนแห่งฟ้าสีครามอันแสนไกล

ขณะที่จิตวิญญาณมนุษย์ทั้งมวลจักถูกพิพากษา
เสมือนดั่งปลาที่ต้องถูกคัดทิ้งแลคัดไว้
ด้วยตัวชี้วัดแห่งคุณสมบัติอันยิ่งยวด
รวม 5 ประการ ดังต่อไปนี้

1.มีจิตใสใจสวย
2.ฉลาดด้วยปัญญาญาณ
3.มุ่งปณิธานแห่งการหลุดพ้น
4.เป็นคนเหนือกรรม
5.รู้ทำสามเหลี่ยมกับพระบิดา

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
17-07-2015

สายอริยะ สำหรับนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง




วิธีง่ายๆบนเส้นทางสายอริยะ
สำหรับนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
ที่ปรารถนาการเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล
เพียงแค่ท่านสั่นสะเทือนจิตปัญญาตนเอง
ด้วยการกระทำผ่าน "มหาสติ"
อันเป็นธรรมชาติสมาธิในทุกขณะจิต
เพื่อการดำเนินชีวิตประจำวันร่วมกันกับผู้อื่นเท่านั้น
แรงสั่นสะเทือนทางจิตปัญญาอันเกิดจากมหาสติ
มันจะสั่นสะเทือนเป็นคลื่นแผ่ขยายกระจายไปรอบทิศ
โดยมีตัวท่านเสมือนหนึ่งเป็นจุดศูนย์กลางแห่งจักรวาล
โอม...มหาสติ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-07-2015

นิสัยการคิดของมนุษย์




นิสัยการคิดของมนุษย์มี 6 จำพวก

แล้วท่านล่ะ...
จัดอยู่ในจำพวกไหนกันนะ

ป.วิสุทธิปัญญา
30-07-2015

เครื่องยังชีพของดวงจิตธรรมญาณ



ถ้าร่างกายต้องการอาหารและน้ำดื่มเพื่อการยังชีพ
จิตวิญญาณของท่านก็ต้องการพระโอวาท
เป็นเครื่องยังชีพด้วยเช่นเดียวกัน

มนุษย์จึงต้องรู้ว่าอาหารใด
ที่ตนควรบริโภคหรือไม่ควรบริโภคบ้าง
และตนควรบริโภคอาหารนั้นๆกันอย่างไร
จึงจะทำให้ตนเองอยู่ดีมีสุข
แข็งแรงและมีอายุยืนยาว

จิตวิญญาณของท่านก็เช่นกัน
ย่อมมีความต้องการที่จะได้รับการดูแล
จากจิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของท่านด้วย
ซึ่งสิ่งที่แก่นแท้ของท่านปรารถนาเป็นที่สุด
คือ การได้รับฟังพระโอวาท
ที่ทรงพระเมตตาสื่อผ่านเรามาในทุกวโรกาส

พระโอวาทจักกระตุ้นจิตวิญญาณของท่าน
ให้เกิดการสั่นสะเทือนด้านบวกขึ้นมาได้
ด้วยแรงสั่นสะเทือนสูงสุดที่มนุษย์คนไหนๆ
ก็มิอาจเป็นเงื่อนไขให้ท่านได้เลย

ถูกต้องแล้ว....
มันคือคลื่นความรักบริสุทธิ์จากแก่นแท้
ที่สามารถจะทำให้อำนาจด้านลบทุกอย่างเป็นกลางได้

นี่แหละ...
คืออำนาจในตนเองของท่านในส่วนเพิ่ม
ซึ่งท้านสามารถเข้าถึงมันด้วยตนเองได้เสมอ
โดยเฉพาะในยุคสุดท้ายนี้
ในยุคที่เรากลับมาตามสัจจะวาจาที่ให้ไว้
เพราะมีมนุษย์อยู่ตรงไหน
เราก็จักสื่อถ่ายทอดพระโอวาท ณ ตรงนั้นเสมอ

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
3-08-2015