วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

"เท็คนิกสมาธิ" กับ "ธรรมชาติสมาธิ"




เราขอกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าประดานักรบแห่งแสงสว่างเขามีศาสตร์และศิลป์
ในการพัฒนาจิตตปัญญา ด้วยวิธีเท็คนิกสมาธิ
ผ่านปฏิบัติการสมถะกรรมฐานและวิปัสนากรรมฐาน
ซึ่งเราขอเรียกว่า "เท็คนิกสมาธิ"
อย่างจริงจังตั้งใจและเป็นอาชีวะแล้ว

ประดาชาวบ้านเช่นท่านทั้งหลาย
ผู้เลือกเดินสู่การหลุดพ้นบนเส้นทางของนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
ก็มีศาสตร์และศิลป์เพื่อการยกระดับจิตตปัญญา
ในอันที่จะพัฒนาจิตสำนึกของท่านในชีวิตประจำวันด้วย
ซึ่งเราจะขอเรียกวิธีการนี้ว่า "ธรรมชาติสมาธิ"
โดยธรรมชาติสมาธิ ก็คือ "มหาสติ" นั่นเอง

มหาสติ คือ สติอันยิ่งใหญ่
หากใครสามารถครองได้
ก็จะเข้าถึงอำนาจสูงสุดของจิตและปัญญาของตนได้
ในทุกมิติเลยทีเดียว ซึ่งชาวบ้านทั้งหลาย
ชายหญิงทุกคนก็สามารถเรียนรู้ที่จะฝึกฝนตนเอง
ในการครองมหาสติ หรือ ปฏิบัติธรรมชาติสมาธินี้ได้ทุกเมื่อ

มหาสติ ประกอบด้วยสติ 3 ประการ คือ

1.รู้สติ:
โดยรู้ว่า ปัจจุบันขณะทำอะไรอยู่
โดยรู้ว่า เมื่อครู่เพิ่งทำอะไรมา
โดยรู้ว่า ต่อไปข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนบ้าง

2.มีสติ:
โดยรู้ว่า สิ่งใดควรรับรู้แล้วควรรับเอา
โดยรู้ว่า สิ่งใดควรรับรู้แต่ไม่ควรรับเอา
โดยรู้ว่า สิ่งใดไม่ควรรับรู้และไม่ควรรับเอา

3.ใช้สติ:
โดยเรียนรู้ที่จะฉลาดแสดงออกหรือกระทำตอบต่อผู้อื่น
ด้วยกฎแห่ง 6 ถูก ของ "ปริญญา/Parinya Model" คือ
การคิดก่อนพูด และคิดก่อนทำภายใต้เงื่อนไขสำคัญ
รวม 6 อย่าง กล่าวคือ

3.1 ถูกคนหรือไม่
3.2 ถูกวิธีหรือไม่
3.3 ถูกที่หรือไม่
3.4 ถูกเวลาหรือไม่
3.5 ถูกต้องหรือไม่
3.6 ถูกใจหรือไม่

ถ้าผิดในข้อใดแม้เพียงข้อเดียว
ท่านก็จะต้องไม่แสดงออกหรือไม่กระทำโดยเด็ดขาด
หากถูกทั้ง 6 ข้อ ก็จัดว่าปลอดภัย 100%

ถ้าท่านทั้งหลายฝึกฝนตนเองในการครองมหาสติ
ในชีวิตประจำวันกันให้ได้
ท่านจะสามารถเป็นคนพ้นกรรม คือ อยู่เหนือกรรมได้
เพราะไม่ก่อกรรมใหม่-แก้ไขกรรมเก่าได้อย่างสิ้นเชิง
มรรคผลสูงสุดบนเส้นทางสายวิมุติคือการหลุดพ้น
ภายในภพชาตินี้ คือ รางวัลอันยิ่งใหญ่ของท่าน
ที่จะหยิบยื่นให้แก่นแท้ของตนเอง
กับเพื่อนพ้องน้องพี่ซึ่งเป็นมนุษย์แห่งโลกเสรีได้
โดยจะมิใช่เป็นแค่เรื่องเพ้อฝันกันอีกต่อไป

ป.วิสุทธิปัญญา
17-09-2014

ลูกแกะหลงฝูง




ลูกแกะน้อยหลับไหลอยู่ไหนหนอ
บิดารอเจ้าอยู่เจ้ารู้ไหม
รีบกลับฝูงมุ่งหน้ามาเร็วไว
เจ้าจะได้กลับบ้าน "นิพพาน" กัน

หาก "พลัดฝูง" หลงทางอยู่กลางป่า
ยังปรารถนาลอยลับกลับสวรรค์
จงก้าวตามเรามาอย่าช้าพลัน
ก่อนโลกลั่นสั่นไหวนำภัยมา

แต่ถ้าเจ้า "หลงฝูง" ก็ยุ่งหนัก
แกะไม่รักฝูงแกะนี่แหละหนา
ไปหลงแพะลืมพันธะสัญญา
แกะไม่รู้หรอกว่า "เรามาตาม"

ป.วิสุทธิปัญญา
21-09-2014

การจัดการ "ผลกรรม"





มาเร่งจัดการ "ผลกรรม" จากภพชาติอดีตและปัจจุบัน
ที่ท่านทั้งหลายเคยก่อกระทำไว้
ให้มันเป็นกลางให้หมดสิ้น ให้เร็วที่สุดกันเถิด

ถ้าท่านไม่ถนัดวิธีนี้
เรายังมีอีกสองวิธีให้เลือกทำ
เอาไว้ติดตามเรียนรู้กันต่อไป.....

ป.วิสุทธิปัญญา
22-09-2014

วิธี "การจัดการผลกรรมแต่อดีตชาติ"



พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะขอกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า

วิธี "จัดการผลกรรมแต่อดีตชาติ" ให้เป็นกลาง
เพื่อสะสางมวลขยะทางพลังงานในระบบโลก
ที่ตนเองได้ก่อไว้ให้หมดสิ้นไปในแต่ละกรณีกรรม
ดั่งพวกท่านเรียกว่า "สิ้นกรรม" นั้น

ในวิธีที่สองนี้.....
มีเงื่อนไขการใช้ก็ต่อเมื่อรู้ว่า....หรือ เมื่อไม่มั่นใจว่า
คู่กรณีกรรมของท่านรูปธรรมนั้นๆ
เขายอมรับความมีสำนึกของท่านในวิธีการที่หนึ่ง (ให้อภัย)
จากการร้องขออโหสิกรรม (ขออภัย) ของท่านหรือไม่

เพราะคู่กรณีกรรมของท่านรายนั้น
เขายังไม่หายโกรธเคืองขุ่นแค้น
เขายังแสดงอาการที่บ่งชี้ว่าตัวท่านเป็นปรปักษ์
หรือยังเป็นคนที่ไม่น่ารักสำหรับตัวเขาอยู่
นี่ย่อมแปลได้ว่า.....
พันธะกรรมของพวกท่านที่เกี่ยวเนื่องกันมา
มันยังคงค้างคาอยู่ดังเดิม

เพราะการสิ้นสุดยุติกรรมใดๆนั้น
ฝ่ายใดฝ่ายเดียวจะ "ยอม" อีกฝ่ายหนึ่ง
เพื่อเลิกแล้วต่อกันดื้อๆไม่ได้

ฝ่ายผู้กระทำผิดบาป
จักต้องยอมสำนึกผิดเพื่อขออภัย

ส่วนฝ่ายผู้ถูกกระทำผิดบาป
ก็จักต้องยอมสำนึกด้วยยินดีที่จะให้อภัย
โดยการหยิบยื่นความรักออกมาให้
เพื่อใช้พลังงานความรักในรูปของคลื่นแม่เหล็ก
ที่จิตของผู้จะให้อภัยนั้นผลิตมันออกมา
เพื่อจัดการชำระมวลขยะพลังงานกรรม
ซึ่งสั่งสมตกค้างอยู่ในสนามพลังงานของระบบโลก
ให้มันเป็นกลางเสียให้สิ้นนั่นเอง

ดังนั้น....
การที่จะช่วยให้คู่กรณีกรรม
มีสำนึกที่จะให้อภัยหรือให้อโหสิในกรรมนั้นๆได้
ท่านจะยังคงสั่นสะเทือนมัน
ด้วยการมีสำนึกแต่ที่ในจิตใจตนเอง
ตามวิธีที่หนึ่งอยู่อย่างนั้นต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

แต่ท่านจักต้องให้ความร่วมมือช่วยเหลือเขา
เพื่อเสมือนเป็นการตอบแทนเขา
ด้วยการช่วยลดหย่อนผ่อนบรรเทา
ความทรงจำทางอารมณ์ขยะ
ที่มันยังคงบันทึกอยู่ในเบื้องลึกแห่งจิต
ติดต่อกันมายาวนานนับแต่ครั้งเกิดเหตุกันไว้ในอดีตนั่น
ถ้าเขาเลิกโกรธแค้นอาฆาตท่านได้
ความทรงจำทางอารมณ์ด้านลบ
ต่อกรณีกรรมนั้นๆภายในจิตวิญญาณของเขา
ก็จักสลายคลายไปในขณะเดียวกัน

การไม่เอาความหรือเลิกแล้วต่อกัน
ในพันธะกรรมนั้นจะเป็นอันยุติอย่างสิ้นเชิงได้

สันดานมนุษย์โลกเสรีที่คล้ายคลึงกัน
คือ มีทุกข์ต้องปลดทุกข์
ปวดท้องหนักก็ต้องถ่าย ถ่ายไม่ออกก็มีปัญหา
ปวดท้องเบาก็ต้องถ่าย ถ้าไม่ถ่ายออกมาปัญหาก็จะเกิด

ดังนั้น....
การเป็นทุกข์ทางใจ คือ
การปวดใจหรือการมีปัญหาทางอารมณ์นี่ก็เช่นกัน
มนุษย์จึงมักใช้วิธีเดียวกันคือถ่ายสิ่งที่ปวดอยู่ในใจนั้นออกมา
ซึ่งพวกท่านหมายถึง "การระบายอารมณ์" นั่นเอง

ต่อเมื่อท่านหรือเขาได้ระบายจนหายปวดแล้วนั่นล่ะ
ความสมดุลในจิตใจหรือความปกติในท้องไส้
จึงจะกลับคืนมาเป็นปกติ สบายใจสบายท้องดังเก่า

พวกท่านมีวิธีระบายกันหลายวิธีและหลายช่องทาง
หลายคนเรียกพฤติกรรมการระบายถ่ายทุกข์ทางจิต
ในทุกรูปแบบว่า "พฤติกรรมทางอารมณ์"
โดยถือว่าถ้าใครแสดงพฤติกรรมทางอารมณ์ใส่ใคร
แสดงว่ารายการ "แก้แค้น" เพื่อระบายทุกข์ทางจิต
กำลังเกิดขึ้นแล้ว....

ถ้าท่านเป็นฝ่ายถูกกระทำแล้วไม่กระทำตอบ
เพราะท่านฉลาดพอที่จะรู้เท่าทันกระบวนการยุติกรรมนี้ได้
ทั้งเขาและท่านก็จักสามารถจัดการผลกรรมแต่อดีต
ให้มันเป็นกลางได้อย่างสิ้นเชิง....

แปลว่าเมื่อเขาได้ระบายแล้ว
เขาก็จบคือหายปวดใจแล้ว
ผู้ถูกกระทำในภพชาตินี้คือท่านเองไม่กระทำตอบด้านลบ
เพราะมีสำนึกแห่งการร้องขออโหสิกรรม
ต่อเขาอยู่แล้วตั้งแต่แรก
และเข้าใจในกระบวนการที่เรากล่าวมาตั้งแต่ต้น
ท่านจึงได้มอบพลังงานความรักก้อนใหญ่ให้เขาไป
แทนที่จะเป็นฝ่ายรอให้เขาหยิบยื่นพลังแห่งรัก
จากการอโหสิให้ท่านก่อน ตามขั้นตอนปกติที่มันควรจะเป็น

พลังงานจิตด้านบวก ต่อกรณีกรรมเดียวกันนี้
ไม่ว่ามันจะเป็นของใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
มันก็สามารถใช้สลายมวลพลังงานขยะแห่งผลกรรม
ที่ดำรงอยู่ในโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกมายาวนาน
เพื่อรอเจ้าของมันจัดการชำระ
ด้วยการทำให้มันมีคุณสมบัติเป็นกลางทางไฟฟ้า
จนแตกสลายกลายเป็นอีเล็คตรอนอิสระ
โดยไม่จับกลุ่มรวมกันเป็นมวลใหญ่
ให้เกิดเป็นขยะรกฟ้าอยู่อีกตลอดไปได้ทั้งนั้น

นี่เป็นความลับเบื้องหลังมิติโลก
เป็นศาสตร์ด้านอภิปรัชญาบริสุทธิ์
ซึ่งมนุษย์ไม่รู้ว่าตนยังไม่รู้
หากท่านต้องการหลุดพ้นในภพชาติเดียวนี้
จงทำความเข้าใจเรื่องนี้ให้กระจ่างเถิด
ด้วยการย้อนกลับขึ้นไปอ่านทบทวนทำความเข้าใจใหม่
ก่อนที่จะปฏิบัติตามคำสอนของเราต่อไป
ด้วยการ.....

ไม่ต่อสู้ ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อต้าน และไม่หลีกเลี่ยง
ต่อการกระทำใดๆที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม
ไม่ดีงาม ที่เขาคนนั้นกระทำต่อตัวท่าน
โดยท่านมีหน้าที่แต่เพียงว่า
ท่านจะทำอย่างไร ท่านจะช่วยเหลือเขาอย่างไร
เพื่อจะให้เขา ลด ละ หรือเลิก การกระทำด้านลบนั้นเสีย
ด้วยการใช้สติปัญญาของท่าน
จัดการกับปัญหานั้นๆ
แทนการใช้อารมณ์เข้าไปกระทำตอบ
ดังเช่นปกติทั่วไป

เพียงเท่านี้....ผลกรรมด้านลบ ที่ค้างคามาแต่อดีตชาติ
ก็ถึงจุดจบพบความเป็นกลางได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
เอเมน.....

ป.วิสุทธิปัญญา
22-09-2014

กฤติสติ สภาวะจิตที่พร้อมต่อการใช้ปัญญา





พี่น้องนักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย
การเรียนรู้ที่จะใช้พลังอำนาจทางปัญญา
เพื่อให้มีอำนาจเหนือนำสภาวะจิตฝ่ายต่ำของท่าน
ในกรณีที่ถูกยั่วยุจนจิตตกหรือเสียสมดุลไปแล้วนั้น
มันเป็นสิ่งที่กระทำได้ยากยิ่งนัก....

เพราะท่านไม่มีทางที่จะหยิบปัญญาขึ้นมา
ดับอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบ
ที่อยู่ในจิตของท่านได้เลย
ถ้าขณะนั้นสภาวะจิตของท่านมัน "ไม่ว่าง"

โดยที่มันไม่ว่างก็เพราะว่ามันยังสั่นสะเทือนเป็นลบ
แทนความ "สงบ" หรือนิ่งๆว่างๆ
ในสภาวะปกติอยู่ไงล่ะ
ที่สำคัญก็คือ ถ้าสภาวะจิตขณะนั้นมันสั่นเป็นลบ
มันก็จะมีผลต่อการคิดไปในด้านลบตามไปด้วย
จะให้ท่านเปลี่ยนเป็นคิดบวก
ในขณะที่สภาวะจิตยังเป็นลบอยู่ไม่ได้แน่นอน

ดังนั้น....
หน้าที่ของท่านคือการทำให้ตนเองมีสภาวะจิต
ที่พร้อมต่อการใช้ปัญญา
เพื่อจัดการกับปัญหาของท่าน
ที่กำลังเริ่มจะโรมรันพันตูกันอยู่กับคนอื่น
จนอาจลื่นไถลกลายไปเป็น
ก่อ "พันธะกรรม" กันขึ้นมาได้
ให้รวดเร็วทันใจว่องไวเป็นที่สุดนั่นเอง

แน่นอนว่า
สภาวะจิตที่พร้อมต่อการใช้ปัญญาก็คือ
การว่างไปจากอารมณ์ขยะรายวันนั้นในทันที

หากปล่อยชักช้าจนสภาวะจิต
เสียสมดุลด้านลบมากขึ้น
การทำให้สภาวะจิตนั้นมันว่าง
ก็จะยิ่งยุ่งยากมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย

มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะช่วยท่าน
มิให้ตกเป็นทาสทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบ
ของตนเองได้อย่างสิ้นเชิง คือ
ให้หันมาฝึกการใช้ "กฤติสติ" ให้เกิดทักษะด้วย

กฤติสติ หมายถึง ความรู้ตัวล่วงหน้า
ในสิ่งร้ายๆที่จะเกิดขึ้นต่อตนเอง

เช่นรู้ว่าเพื่อนมนุษย์ที่ตนคบหา
ไม่ว่าคนใกล้ตัวหรือไกลตัวนั้น
พวกเขาสามารถทำตนเป็นคนน่ารักของท่านได้
และสามารถที่จะทำตนเป็นคนไม่น่ารักได้เหมือนกัน
ในทุกวันทุกเวลา ในทุกโอกาส ทุกสถานที่

ดังนั้น ท่านจึงเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริงนี้
ด้วยการคบหาสมาคมกับใครแล้วไม่คาดหวังใคร
ให้ทำตนเป็นคนน่ารักเสมอ
โดยไม่ทำตนเป็นคนน่าชังอย่างเด็ดขาด

เมื่อท่านยอมรับความจริงดังว่านี้แล้ว
หากในวันหนึ่งข้างหน้า เมื่อท่านต้องเผชิญกับ
ความไม่น่ารักของใครขึ้นมาจริงๆในชีวิต
ท่านก็จะไม่มีวัน "จิตตก" หรือเสียสมดุลใดๆ
เพราะเหตุว่าท่าน....
มีกฤติสติและใช้มันได้ในทันที คือ

1.ท่านรู้ตัวล่วงหน้ามาก่อนแล้ว
2.ท่านทำใจยอมรับความจริงนั้นไว้ก่อนแล้ว
3.ท่านมีสติล่วงหน้าตลอดเวลาอยู่แล้ว

ดังนั้น...
การมีกฤติสติ จึงหมายถึง
การสร้างสติเอาไว้ล่วงหน้านั่นเอง

ขอท่านทั้งหลายจงเร่งทำความเข้าใจ
แล้วหยิบนำไปใช้ในชีวิตของท่านเถิด
อาการสติแตก...และอะไรๆแตกมันจะไม่เกิดเหมือน
อดีตกาลที่ผ่านมาอีกต่อไป
เอเมน....

ป.วิสุทธิปัญญา
22-09-2014

หมายเหตุ:

ด้วยเดชะพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล
พระผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ของมนุษย์บนโลกเสรีนี้

เราขอประทาน "กริชสติ" อาวุธประจำกายอันศักดิ์สิทธิ์นี้
ในพระนามแห่งพระองค์ แก่พี่ๆน้องๆผู้ใดก็ตาม
ที่มีปณิธานแห่งนิพพานแท้จริง ไม่เหลาะแหละ
ไม่ล่องเล่น ไม่โลเล ไม่พาโล
ให้ใช้ข้ามผ่านหรือฟันฝ่า ทุกบททดสอบ
ทุกบทเรียนกรรม และทุกบทเรียนโลก
ตลอดเส้นทางสายวิมุติสู่การหลุดพ้นนับแต่บัดนี้

ขอความศักดิ์สิทธิ์ของ "กริชสติ" เล่มนี้
จงมีบังเกิดแก่ทุกท่านทุกคน.....เอเมน!