วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

พันธะสัญญาใจ






หนึ่งนั้นเป็นสัจจะ (ที่เราให้ไว้ต่อพระบิดา)
สองเป็นพันธะหน้าที่ (ที่เราจักต้องรับผิดชอบ)
สามเป็นสิ่งที่เกิดจากความรัก (ที่เรามีต่อท่านทั้งหลาย)
เมื่อกลับไปแล้วยังย้อนคืนกลับมา
ก็ล้วนเป็นไปตามพันธะสัญญาใจ
ที่เรากล่าวไว้ใน 3 สิ่งนี้ทั้งสิ้น
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
3-12-2016

พลังงานทางจิตวิญญาณ





พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
หน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง
ซึ่งผู้ปรารถนาการหลุดพ้นหรือนิพพาน
จักต้องปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมกันให้ได้
ภายในภพชาติสุดท้ายก่อนกาลสิ้นยุคพลังงานเก่านี้
นั่นคือ
จักต้องยกระดับ #จิตหยาบ หรือ "จิตมนุษย์"
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับ #จิตวิญญาณ
ผู้เป็นแก่นแท้ของตนเองให้จงได้
มิเช่นนั้นจิตวิญญาณของท่าน
จะไม่สามารถคืนกลับยังแดนสุญตาที่จากมาได้เลย
ที่คืนกลับไม่ได้ก็เพราะเหตุว่า
จิตวิญญาณของท่านจะไม่มีพลังอำนาจมากพอ
ที่จะดีดตนเองหนีแรงดึงดูดของโลกและเอกภพ
ออกไปนอกระบบจักรวาลอันไพศาลนี้ได้นั่นเอง
สาเหตุที่พลังอำนาจไม่มากพอ
ทั้งๆที่ตอนข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์ในระบบโลก
จิตวิญญาณท่านทั้งหลายล้วนมีพลังอำนาจสูงกันอยู่
ก็เพราะว่าจิตวิญญาณของท่านนั้น
เกิดอาการ "เสื่อมพลังอำนาจ" ลงไปจากเดิม
เหมือนแบตเตอรี่รถยนต์ที่เสื่อมพลังไฟ
พลังอำนาจทางจิตวิญญาณของท่าน
จะถูกใช้ไปในชีวิตประจำวันแม้ในยามหลับ
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของท่าน
จะมีชีวิตรอดและดำรงชีวิตอยู่ได้
ทั้งอวัยวะร่างกายและจิตใจ
จักต้องมีสมรรถนะสูงพอและสมดุลกัน
เพื่อสามารถรับฟังข่าวสารจากจักรวาลได้
พลังงานพื้นฐานเหล่านี้
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดทั้งสิ้น
ถ้าพลังงานด้านแก่นแท้ลดน้อยถดถอยลงเมื่อไหร่
ท่านผู้นั้นจะมีร่างกายไม่แข็งแรง ไม่สดชื่น ซึมเซา
อารมณ์หงุดหงิด ขาดสติง่าย ตกใจง่าย
ภูมิต้านทานโรคต่ำ สมองทึบ ขี้ลืม เป็นต้น
ที่สำคัญคือจะติดต่อกับจักรวาลไม่ได้
อันหมายถึงหลุดพ้นไม่ได้นั่นแหละ
ปกตินั้นพลังอำนาจทางจิตวิญญาณของท่าน
จะถูกใช้ผ่านกระบวนการของ #จิตสามนึก
โดยมี #จิตใต้สำนึก ทำหน้าที่ควบคุมกลไกนี้
ถ้าวันๆท่านเอาแต่ใช้มันไปเรื่อยๆไม่เติมเพิ่ม
พลังงานทางจิตวิญญาณก็ย่อมถดถอยน้อยลง
ดังนั้น
หน้าที่ของทุกท่านจึงต้องหมั่นเติมเพิ่ม
เพื่อรักษาพลังอำนาจด้านจิตวิญญาณของตนไว้
จนกว่าจะจบสิ้นอายุขัยไปจากการเป็นมนุษย์
ซึ่งเราบอกท่านแล้วว่าจะไม่ใส่ใจเรื่องนี้ไม่ได้
วิธีการเติมเพิ่มพลังอำนาจทางจิตวิญญาณ
ที่สูญเสียไปกับการนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ก็คือ การยกระดับจิตหยาบ
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณ
ด้วยการ #ยกระดับแรงสั่นสะเทือน ของจิตหยาบ
ให้มันสูงขึ้นทางด้านบวกให้จงได้
เพราะว่าจิตวิญญาณของท่าน
จะสั่นสะเทือนตนเองทางด้านบวกบริสุทธิ์เท่านั้น
ในชีวิตประจำวันของท่าน
จึงต้องสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านบวก
ด้วยการรักได้แม้เขาคนนั้นไม่น่ารัก
ให้ได้แม้เขาคนนั้นไม่น่าให้โดยเฉพาะ "ให้อภัย"
และฝึกการมองโลกด้านบวกไว้เสมอ
ไม่ว่าใครผู้ใดจะดีหรือร้ายต่อท่านก่อนก็ตาม
นี่ไง...คือ การเติมเต็มพลังทางจิตวิญญาณ
ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ถ้าท่านไม่ทำหรือทำไมได้
ท่านก็เสียทีที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์
เพราะจิตวิญญาณที่ล่องลอยซึ่งไม่มีกายหยาบ
ไม่มีจิตสามนึกและไม่มีจิตหยาบ
เป็นผู้ที่ขาดความเป็นรูปธรรม 2 มิติ
จะไม่สามารถชาร์จแบ็ตเตอรี่ให้ตนเองได้
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นความจริง
ว่าแต่ว่า....จิตหยาบของท่านน่ะ
บัดเดี๋ยวนี้ลืมไปแล้วว่าตนเองนั้น
ยังมี "จิตวิญญาณ" อยู่ข้างในกันหรือเปล่า
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4-12-2016

ทำไมพระศาสดาทุกพระองค์ จึงทรงเน้นให้ทุกท่าน "รักกัน"







พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ตามปกติแล้วจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
เป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ที่สามารถทำงานร่วมกัน
กับเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของตน
ผ่านต่อมไร้ท่อทุกต่อมที่ติดตั้งอยู่ข้างใน
ตัวอย่างเช่น
จิตวิญญาณแก่นแท้ข้างในกายสังขารท่าน
จะส่งพลังงานในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก
ไปกระตุ้นให้ต่อมไร้ท่อต่างๆมีการสั่นสะเทือนเกิดขึ้น
เพื่อให้ต่อมไร้ท่อเหล่านั้นตื่นตัวตลอดเวลา
ในการทำหน้าที่ต่างๆตามคุณสมบัติที่ถูกกำหนดไว้
เช่นจะคอยกระตุ้นให้ #ต่อมไธรอยด์ ที่ลำคอตื่นตัว
เพื่อคอยช่วยควบคุมอารมณ์ขยะของท่านไว้
ถ้าต่อมไร้ท่อต่อมนี้ของท่านบกพร่อง
ท่านก็จะกลายเป็นคนที่มีปัญหาทางอารมณ์
ไม่สามารถเก็บกดอดกลั้นอารมณ์ไม่ดีเอาไว้ได้
ท่านจึงน้อตหลุดหรือสติแตกเมื่อถูกยั่วยุเสมอ
จะคอยกระตุ้นให้ #ต่อมไพเนียล
ตรงกลางระหว่างคิ้วในกระโหลกศีรษะท่าน
มีการสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลาในยามตื่น
เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการสั่นสะเทือน
ในการสัมผัสรู้ดูเห็นของกลไกอายตนะทั้งหมด
อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้เอง
ต่อมไร้ท่อต่างๆจึงเป็นเครื่องมือของจิตวิญญาณ
เพื่อทำหน้าทีให้บริการท่านในมิติโลกทางกายภาพ
ท่านจะสังเกตได้ว่าถ้าต่อมไร้ท่อใดชำรุด
สุขภาพร่างกายของคนผู้นั้นจะมีอาการผิดปกติเสมอ
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
มันคือการใช้พลังงานทางจิตวิญญาณ
ที่จะเกิดการร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ
ดังนั้น
ท่านจึงต้องเรียนรู้ว่าจะช่วยเติมเต็ม
พลังอำนาจทางจิตวิญญาณของตนกันได้อย่างไร
ซึ่งเราได้เปิดเผยต่อท่านมาแล้วว่า
ให้ใช้จิตหยาบสั่นสะเทือนเพื่อ "รักได้ ให้เป็น"
ในชีวิตประจำวันอย่างมั่นคงเข้าไว้แค่นั้นเอง
เพราะถ้าจิตหยาบสามารถสั่นสะเทือน
เป็นคลื่นความถี่ด้านบวกจนสูงสุดได้ละก็
จิตจะสามารถส่งคลื่นไปกระทำต่อต่อมไร้ท่อได้เอง
จิตวิญญาณแก่นแท้ก็ไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงาน
ถ้าจิตหยาบสั่นสะเทือนด้านบวกได้อย่างคงที่
จนยังผลให้จิตวิญญาณมีพลังสะสมสูงมาก
พลังงานส่วนเกินก็จะถูกนำไปเก็บเอาไว้
ที่ #ต่อมธัยมัส บริเวณหลังกระดูกทรวงอกนั่น
ผู้ที่ชอบปฏิบัติกรรมฐานเป็นนิจ
ผู้ที่หมั่นผลิตสร้างพลังงานความรัก
ด้วยการแผ่เมตตาอยู่เป็นประจำ
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักบวชหรือนักพรต
รูปธรรมเหล่านี้เมื่อตายไปร่างกายจะไม่เน่าเปื่อย
เล็บ เส้นขน และเส้นผมจะงอกยาวออกมาได้เรื่อยๆ
เหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด
เพราะเหตุว่า "พลังงานส่วนเกิน" ซึ่งสะสมไว้
ตรงต่อมธัยมัสที่ว่านี้มีเหลือเฟือนั่นเอง
ที่พลังงานด้านบวกเหลือใช้มากๆ
เป็นเพราะรูปธรรมมนุษย์ดังกล่าว
เอาแต่อิ่มสุขอยู่ในสมถะกรรมฐานนานนับปี
จิตจึงผลิตสร้างพลังงานด้านบวก
ออกมาสะสมเอาไว้มาก
เพราะขาดการแผ่เมตตาหรือปันพลังบวกให้ผู้อื่น
หรือแบ่งปันให้ผู้อื่นน้อยกว่าที่ตนผลิตสร้าง
ท่านทั้งหลายจักต้องระลึกเสมอว่า
ถ้าจิตหยาบของท่านสั่นสะเทือนด้านบวกได้เอง
จิตวิญญาณของท่านก็จะเสมือนหนึ่ง
ได้รับการชาร์จพลังงานเพิ่มขึ้นเสมอ
เพราะไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงาน
เนื่องจากจิตหยาบทำหน้าที่ทดแทนได้
อีกทั้งยังจะได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นเมื่อสิ้นอายุขัย
ซึ่งจะถ่ายเทพลังงานที่สะสมไว้มาจากต่อมธัยมัส
นี่ไงล่ะ....
ที่เป็นคำตอบว่าทำไมพระศาสดาทุกพระองค์
จึงทรงเน้นให้ทุกท่าน "รักกัน"
ที่เป็นคำตอบว่าทำไมพระบิดา
จึงทรงเน้นให้ท่านทั้งหลาย
ละวางกิเลส ปฏิเสธตัณหา
มีมหาสติ และมีปณิธานแห่งนิพพาน
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4-12-2016

กฎแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกันของสรรพสิ่ง





พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

#กฎแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกันของสรรพสิ่ง
ในสนามพลังงานจักรวาลอันไพศาลนี้

ดวงดาวทุกดวงในเอกภพเดียวกัน
อีกทั้งทุกรูปธรรมที่ดำรงอยู่บนดาวทุกดวง
ภายในเอกภพซึ่งเป็นระบบใหญ่
ต่างก็ล้วนอยู่ภายใต้กฎเดียวกันนี้ทั้งสิ้น

หลักการเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกสรรพสิ่ง
จะบังเกิดได้ด้วยการบริหารจัดการที่ตนเอง
ให้สามารถดำรงอยู่ร่วมกันกับสรรพสิ่งอื่นๆได้
อย่างสอดคล้องลงตัวกันตลอด
อันหมายถึง #ทุกสรรพสิ่งต้องสมดุลกัน เท่านั้น
ซึ่งแต่ละสรรพสิ่งต่างต้องดำรงคุณสมบัติเดิมของตนไว้
โดยต้องไม่ทำลายคุณสมบัติของสรรพสิ่งอื่น

การที่ทุกสรรพสิ่งจะสร้างสมดุลร่วมกันได้
ก็ต้องมีเงื่อนไขสำคัญ 2 ประการ คือ

1.แต่ละสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ภายในเอกภพนี้
ไม่ว่าจะมีตัวตนรูปลักษณ์แบบใด
ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่หรือเล็ก
จะต้องมีการสั่นสะเทือนแก่นแท้ของตนไว้ตลอด
เพราะการสั่นสะเทือนภายในแก่นแท้
คือวิธีการสร้างพลังอำนาจให้ตนเองของสิ่งนั้น

ถ้าสิ่งที่ว่านั้นเป็นมนุษย์
หากจะสร้างพลังอำนาจในตนเอง
ก็ต้องสั่นสะเทือนแก่นแท้คือจิตวิญญาณให้ได้
โดยจิตหยาบต้องเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณ
ด้วยการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่เดียวกัน
นั่นคือ "ความรักเพื่อให้" ในทุกรูปแบบ
เช่น อดทน อดกลั้น ให้อภัย
และ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นต้น

ดังนั้น
พลังอำนาจในตนเองของสรรพสิ่งก็คือ
พลังงานความรักที่เป็นคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ซึ่งสองตาเปล่ามองไม่เห็น
แต่สามารถปฏิสัมพันธ์ระหว่างท่านเองกับผู้อื่นได้
โดยความรักนี้มีไว้เพื่อ "เหนี่ยวรั้ง" ตนเอง
เอาไว้กับผู้อื่นหรือสรรพสิ่งอื่นนั่นเอง

เป็นเพราะความรัก
ที่ึดึงดูดเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้นี่เอง
จึงยังผลให้ทุกสรรพสิ่ง "สร้างระบบเดียวกัน" ขึ้นมาได้
ไม่ต่างจากพวกท่านสร้างครอบครัวหรือทีมงานได้
ก็เพราะใช้ความรักจากใจหยิบยื่นให้แก่กันโดยแท้

2.นอกจากนั้น
แต่ละสรรพสิ่งเมื่อสร้างระบบเดียวกันขึ้นมาได้แล้ว
ต่างก็จักต้องดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลด้วย

การสร้างสมดุลอย่างง่ายของสรรพสิ่งก็คือ
#การเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง
เช่น โลกหมุนรอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ทุกสิ่งในระบบโลกจึงเกาะติดยึดโยงอยู่กับโลกได้
ไม่หลุดกระเด็นออกไปนอกระบบ

สำหรับสรรพสิ่งที่เรียกว่า "มนุษย์" แล้ว
ความสมดุลในระบบจิตของตนเอง
ก็เกิดได้จากการ #เหวี่ยงหมุนธรรมจักร
จากอายตนะภายนอกเข้าสู่จิตด้านใน

ส่วนความสมดุลในระบบเครื่องยนต์แห่งกรรม
ซึ่งเป็นมิติทางกายภาพนั้น
ก็คือการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง
ตัดผ่านสนามพลังงานแม่เหล็กโลกนั่นแหละ
ซึ่งพวกท่านไม่ต้องเดินไปหมุนรอบตัวเองไปด้วย
แต่โลกที่ท่านเหยียบยืนนี่แหละ
จะเป็นผู้นำพาท่านเหวี่ยงหมุนไปเอง

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4-12-2016