วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

"จิตวิญญาณ"








เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ตัวตนที่แท้จริงในการเป็นมนุษย์ของท่านนั้น
เป็นรูปธรรมทางพลังงานที่เรียกว่า "จิตวิญญาณ"
ซึ่งเร้นอยู่ในเครื่องยนต์แห่งกรรมหรือกายสังขาร
โดยที่เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของท่าน
ก็เป็นโครงสร้างทางชีวภาพซึ่งประกอบด้วย
ระบบทางชีววิทยาที่สลับซับซ้อน

ดังนั้น
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์หรือกายสังขาร
จึงเป็นแค่เพียง "เงา" หรือ "มายา" ของท่านเท่านั้น

เงาหรือมายาที่ว่านี้
จึงเป็นเพียงแค่ "ตัวแทนในความเป็นเรา"
ที่แสดงให้เห็นในมิติทางกายภาพนั่นเอง

เพราะถ้าหากจะบ่งชี้ความเป็นตัวเราว่ามีอยู่
ในฐานะที่เป็นสรรพสิ่งหนึ่งในจักรวาลแล้ว
ท่านทั้งหลายต้องใช้การมองให้เห็นด้วยสายตา
พระบิดาจึงทรงกำหนดให้ท่านทั้งหลาย
มีมายาห่อหุ้มแก่นแท้เอาไว้ข้างใน
เมื่อแลเห็นมายาเมื่อไหร่ก็เท่ากับว่า
ท่านได้เห็นแก่นแท้เมื่อนั้

มีมนุษย์อยู่มากมายที่ไม่เชื่อว่า
จิตวิญญาณที่เป็นรูปธรรมทางพลังงานนั้นมีอยู่จริง
โดยเป็นเรื่องที่น่าขบขันมากเหลือเกิน
ที่พวกเขากลับใช้จิตวิญญาณของเขานี่แหละ
ปฏิเสธตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง

มนุษย์บางคนไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ
เพราะอ้างว่าไม่เป็นวิทยาศาสตร์ 
บ้างก็อ้างว่าเป็นเรื่องงมงายแต่ตัวเองกลับกลัวผี

เวลามีศพคนตายพวกเขาก็พากันนิมนต์พระ
มาทำพิธีสวดเพื่อส่งวิญญาณคนตายสู่สุคติ

พวกเขาไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ
แต่เวลาคับขันหาที่พึ่งไม่ได้
กลับหันไปขอความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์

มนุษย์เหล่านี้ไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ
เพราะพวกเขาใช้ตาเนื้อที่ถูกปกปิดมิติไว้
มิให้แลเห็นสรรพสิ่งในมิติทางพลังงาน
เมื่อไม่เห็นจึงไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง
ทั้งๆที่พวกเขาก็รู้อยู่ว่ายังมีอีกหลายสิ่ง
ที่พวกเขามองไม่เห็นแต่มันก็มีตัวตนอยู่จริง
เช่น ลม กลิ่น เสียง เชื้อโรค เป็นต้น

เพียงเพราะพระบิดาทรงมีพระประสงค์จะให้มนุษย์
เข้าถึงการใช้ "ตาที่สาม" ซึ่งเป็นดวงตาแห่งปัญญา
จึงทรงปกปิดมิติของกลไกอายตนะเอาไว้

โดยเป้าหมายหลักที่สำคัญที่ทรงทำเช่นนี้
ก็เป็นเพราะว่าทรงปรารถนาจะให้ท่านทั้งหลาย
เข้าใจและเข้าถึงสภาวะธรรมให้ได้ด้วยการใช้ปัญญา
มิใช่เพียงแค่การอ่านโลกอ่านจักรวาลด้วยตาเนื้อ
หรือยึดหลักพิจารณากันแค่เพียงว่า

สิบปากว่าหรือรับฟังที่เขาเล่ามาไม่เท่าตาเห็นเอง
สิบตาเห็นก็ไม่เท่าเอามือคลำเองนั่นแหละนะ

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่าท่านเป็นคนสองมิติ
คือ มีตัวตนในมิติทางกายภาพที่เป็นเงามายา
กับมีตัวตนในมิติทางพลังงานที่เป็นแก่นแท้

ท่านมีหน้าที่จะต้องกระทำสิ่งใดๆที่สมควรทำ
และละเว้นไม่กระทำในสิ่งอันไม่สมควรจะทำ
ทั้งเพื่อเครื่องยนต์แห่งกรรมในมิติทางกายภาพ
และเพื่อจิตวิญญาณของท่านในมิติพลังงานด้วย

ท่านจึงจะละทิ้งการทำหน้าที่อันสมควรทำ
เพื่อจิตวิญญาณของท่านเองไม่ได้เด็ดขาด

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
3-06-2016