วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

สนิมของจิต








พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
***************************
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ในความเป็น "คน" ของท่านนั้น
มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ
ทุกท่านต่างล้วนมี #ความอยากไม่อยาก
เป็นคุณสมบัติด้วยกันทั้งนั้น

โดยความอยากไม่อยากนี้
ดวงจิตธรรมญาณของท่าน
ล้วนถูกปลูกถ่ายเอาไว้ให้ที่ด่านนภาลัย
ประตูมิติแห่งการเข้า-ออก #เอกภพ
ซึ่งเป็นวิหารสีขาว
ตั้งแต่ภพชาติแรกที่เดินทางเข้ามา
สู่การเกิดเป็นมนุษย์แล้วล่ะนะ

ทั้งนี้ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายโดยจิตหยาบ
ได้ใช้ความอยากไม่อยากที่พกติดตัวมา
เป็น "เครื่องมือแห่งการเรียนรู้" ทุกสิ่งอย่าง
บนดาวโลกดาวแห่งทางเลือกเสรีนี้นั่นแหละ

ดังนั้น คนทุกคน
ทั้งที่คนเสร็จแล้วและที่ยังคนไม่แล้วเสร็จ
จึงต้องรู้ความจริงของตนเองในข้อนี้เอาไว้ด้วย
คือ ต้องรู้ว่า "ความอยากไม่อยาก"
ที่ติดตั้งติดตัวท่านมานี้เขามีไว้ให้ใช้

เพื่อ #เรียนรู้ ตนเอง
เพื่อเรียนรู้ผู้อื่น
เพื่อเรียนรู้โลกและทุกสรรพสิ่ง

"ความอยากไม่อยาก"
มิได้ติดตั้งเอาไว้ให้พวกท่าน
นำมาใช้เพื่อ #รับเอาไม่รับเอา
ในสิ่งที่ท่านสัมผัสรู้ดูเห็นมันได้หรอกนะ

ยกเลิกเสียเถอะ...
กับการที่ได้สัมผัสรับรู้ดูเห็นได้ยินได้ฟังสิ่งใด
แล้วบอกตนเองทันทีว่า "ชอบ-ไม่ชอบ"
เมื่อจิตบอกตนเองว่า "ชอบ-ไม่ชอบ"
หรือที่มักกล่าวกันว่า "ถูกใจ-ไม่ถูกใจ"
จิตมันก็จะนำท่านไปสู่ความอยากไม่อยากเสมอ

ถ้าจิตของท่านสั่นสะเทือนเป็นอยากไม่อยากเมื่อใด
ประตูแห่งการเรียนรู้ตามหน้าที่ที่ต้องทำก็จะถูกปิด
โดยมันจะเปลี่ยนเป็นการกระทำแบบต่างๆ
ต่อสิ่งที่ท่านสัมผัสรู้ดูเห็นอยู่นั้น
เพื่อ #ตอบสนองความอยากไม่อยาก
ของท่านแทน

ตัวอย่างเช่น...
*เมื่อเห็นปูแล้วจะนึกถึงอาหาร เพราะอยากกิน
ที่อยากกินเพราะรู้ว่ากินได้-กินอร่อย-เคยกิน

*เห็นขีหมาแล้วจะอ๊วก! เพราะไม่อยากกิน
ที่ไม่อยากกินเพราะรู้ว่าเหม็น-สกปรก-กินไม่ได้

การรับรู้แล้ว "รับเอา" ลักษณะนี้
แทนที่จะรับรู้แล้ว "เรียนรู้" ของพวกท่านนั้น
มันล้วนเป็นแบบนี้ทั้งสิ้นและเป็นกันมานานแล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง
ท่านทั้งหลายจึงต้องใช้ "ความอยาก" ให้เป็น
โดยมีแง่คิดน่าประพฤติดังนี้

1.อยากได้ อยากเอา
ให้เปลี่ยนเป็น "อยากให้" แทน

2.อยากชนะ ไม่อยากแพ้
ให้เปลี่ยนเป็น "อยากสำเร็จ ไม่อยากล้มเหลว" แทน

3.อยากได้ดี ไม่อยากได้ชั่ว
เปลี่ยนเป็น "อยากทำดี ไม่อยากทำชั่ว" แทน

4.อยากรู้อยากเห็น ไม่อยากรู้ไม่อยากเห็น
เปลี่ยนเป็น "อยากเรียนรู้ ไม่อยากเรียนรู้" แทน

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ทางที่ดีแล้วการใช้ชีวิตอยู่
ด้วยการว่างไปจากความอยากนั้นดีที่สุดเลย
เพราะการทำอะไรๆจนเคยตัว
ด้วยความอยากไม่อยากนั้น
มันจะก่อให้เกิด "สนิมของจิต"
จำพวกกิเลส ตัณหา ราคะ พอกหนาขึ้นเรื่อยๆ
พออายุขัยมากเข้าสนิมพวกนี้จะกัดกร่อนจิต
จนเคาะมันออกยากมากเลย
ตายไปแล้วส่งไปชำระในนรกก็ไม่หาย

วันทั้งวัน...ท่านทั้งหลาย
จงระวังความอยากไม่อยากของท่านเอาไว้ด้วย
เผลอเมื่อไหร่เป็นต้องก่อกรรมเวรขึ้นมาใหม่เมื่อนั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22-9-2016