วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

จงทำดีด้วยจิตสำนึกของตัวท่านเอง






พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
****************************
การที่ท่านจะเป็น #คนดีที่แท้จริง
ท่านจักต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้เท่านั้น คือ

1.ท่านจักต้องประพฤติดี
ด้วย #จิตสามนึก ของตนเองเท่านั้น คือ
"นึกออก" ว่า การทำดีนั้น ควรทำอะไรได้บ้าง
"นึกเอา" ว่า ถ้าจะทำดีนั้น ควรจะทำอย่างไร
"นึกเอง" ว่า ที่เห็นคนอื่นทำนั้น
ความดีงามมันคืออะไร

2.ท่านจักต้องไม่ประพฤติดีหรือทำดี
เพียงเพราะถูกบังคับให้ต้องทำโดยไม่เต็มใจ
เพียงเพราะถูกน้าวโน้มจิตใจให้อยากทำ
เพียงเพราะเห็นคนอื่นๆเขาทำกัน
จึงทำตามอย่างบ้าง

3.ท่านจักต้องไม่ประพฤติดีหรือทำดี
ทั้งๆที่ยังไม่รู้ไม่เข้าใจเลยว่า
#ที่ว่าดีนั้นดีอย่างไร
#ทำไมท่านจึงต้องทำเช่นนั้นด้วย

4.ท่านจักต้องทำดีประพฤติดีได้กับทุกคน
โดยไม่เลือกทำดีเฉพาะกับคนที่ตนรัก
ส่วนคนที่ตนไม่รักก็จะไม่ทำดีด้วย
เพราะมันจะบ่งชี้ว่าตัวท่านนั้น
เป็นคนดีไม่แท้จริงไงล่ะ

5.ท่านจักต้องไม่ทำดีประพฤติดี
เพราะ #หวังสิ่งตอบแทน จากการทำดีนั้น

โดยท่านจะยอมทำดีอย่างเต็มที่
ถ้ามีสิ่งตอบแทนให้ท่านอย่างน่าพอใจ
แต่ท่านจะทำดีแบบขอไปที
ถ้าหากสิ่งตอบแทนที่ท่านจะได้รับ
มันไม่ค่อยจูงใจให้ทำดีสักเท่าไหร่
หรือท่านจะไม่ยอมทำดี
ถ้าหากไม่มีสิ่งตอบแทนใดๆ

คำอธิบายแจ่มชัดที่จัดมาเป็นข้อๆทั้ง 5 นี้
เป็นคำอธืบายเพื่อให้นิยามต่อคำว่า
#ทำความดีงามด้วยจิตสำนึก ต้องทำอย่างไร
เพื่อให้เกิดบุญกุศลบารมีที่แท้จริงนั่นเอง

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
ถ่ายทอดคลื่นการคิดจากจิตจักรวาล
22-9-2016

จงสู้ต่อไปอย่าได้ท้อ






พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

คนทุกคนที่กำลังคนตนเอง
สู่การเป็น #มนุษย์ กับเขาคนหนึ่งนั้น
ล้วนทุกคนจักต้องมีอุปสรรคปัญหา
บนเส้นทางของ #นักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
บนเส้นทางแห่งนักสู้สู่ความสำเร็จ
ด้วยกันทุกคนนั่นแหละ

เพราะทั้งอุปสรรคและปัญหา
เป็นบททดสอบของพระบิดา
เพื่อทดสอบ "ความมุ่งมั่น" ของท่านว่า
ท่านปราถนาผลสำเร็จ
ในสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นแท้จริงหรือเปล่า

*ถ้าท่านเกิดอาการ "ท้อแท้"
ทำท่าว่าจะยอมแพ้ต่ออุปสรรคปัญหานั้น
นั่นเท่ากับว่าท่านกำลังจะสอบตก
บททดสอบบทนั้นเสียแล้ว

*ถ้าท่านเกิดอาการ "ท้อถอย"
ทำท่าว่าจะเลิกล้มความตั้งใจ
โดยไม่คิดต่อสู้ ข้ามผ่าน หรือฟันฝ่า
อุปสรรคปัญหาที่ท่านกำลังเผชิญอยู่
นั่นเท่ากับว่าท่านได้สอบตก
บททดสอบบทนั้นเรียบร้อยแล้ว

เมื่อใดที่ท่านกำลังจะสอบตก
เมื่อนั้นวิถีชีวิตของท่านจะเริ่มวิกฤต
ยิ่งเมื่อใดที่ท่านสอบตกเรียบร้อยแล้ว
เมื่อนั้นวิถีชีวิตของท่านก็จะสดุดไม่ก้าวหน้า
จะจมปลักอยู่กับอุปสรรคปัญหานั้นต่อไป
แม้ว่าท่านจะล้มเลิกความตั้งใจ
ที่จะทำสิ่งนั้นไปแล้วก็ตาม

ดังนั้น
ขอท่านทั้งหลายจงอย่ารังเกียจ
จงอย่าได้เกลียด อย่าได้กลัว
ทั้งอุปสรรคและปัญหาใดๆ
ที่มันผ่านเข้ามาในชีวิตของท่านเลย
นักเรียนทุกคนต้องไม่เกลียดกลัวการสอบ
ต้องไม่ตื่นตกใจกับ "ข้อสอบ"

จงทำตนเองให้พร้อมที่จะเผชิญทุกบททดสอบ
โดยหยิบเอาคุณสมบัติดีๆที่ตนมีอยู่
คือ #ความเก่ง #ความฉลาด และ #ความดีงาม
ที่ได้จากการเรียนรู้และการฝึกฝน
เพื่อเพาะบ่มประสบการณ์มาอย่างต่อเนื่อง
นำมาใช้เป็นเครื่องมือกำจัดอุปสรรค
และปัดกวาดปัญหาทั้งหลาย
ให้มันพ้นออกไปจากเส้นทางสู่ความสำเร็จ

ด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จ
ด้วยความศรัทธาในสิ่งที่ท่านกำลังทำ

ความสำเร็จทั้งหลาย
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่าน
ทรงมีไว้ให้เฉพาะคนที่
สอบผ่านบททดสอบความมุ่งมั่นแล้วเท่านั้น

ล้มแล้วจงลุกขึ้นมาใหม่
ล้มกี่ครั้งก็ยังลุกได้ ไม่มีใครห้ามท่านเลย

จงสู้ต่อไปอย่าได้ท้อ
ลูกท้อน่ะเขามีไว้ให้ลิงถือ
ท่านเป็นคนจะไปแย่งลิงมาถือทำไมกัน

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
ถ่ายทอดคลื่นการคิดจากจิตจักรวาล

22-9-2016

จงเป็นปลาที่ถูกคัดไว้







เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ผู้ที่จะข้ามผ่าน #ปฏิบัติการชำระโลก ไปได้
ดั่งปลาที่ถูกคัดไว้นั้น
จักต้องมีคุณสมบัติสำคัญ
ให้เราได้พิจารณากันอย่างชัดเจนดังนี้

1.จดจำพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของตนได้
จนสามารถ "ทำสามเหลี่ยม" กับพระองค์
อยู่เป็นนิจ

2.การทำสามเหลี่ยมกับพระองค์
คือ การระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ
คือ การรับรู้ว่าพระองค์ทรงเฝ้ามองท่านอยู่
คือ การปฏิบัติตามพระโอวาท
ทุกพระคำที่ทรงสื่อผ่านเรามา
โดยที่ท่านมิได้ขาดเว้น

3.ถือครอง #ลูกแก้วสองดวง
ที่ทรงประทานผ่านเรามามอบให้ท่านไว้แล้ว
อย่างมีสำนึกรู้ในคุณค่าอันวิเศษนั้น

ลูกแก้วทั้งสองดวงประกอบด้วย
1.มีมหาสติ ประกอบด้วย
รู้สติ มีสติ และใช้สติในยามตื่น

2.มีปณิธานแห่งนิพพาน ประกอบด้วย
การรักได้ ให้เป็น ไม่ก้าวล่วงใคร
มีความสุขกับการให้

โดยการถือครอง หมายถึง
การนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
เพื่อการไม่ก่อกรรมใหม่
เพื่อการแก้ไขกรรมเก่า
ได้อย่างมีประสิทธิผลเป็นรูปธรรมชัดเจน
มิใช่ปฏิบัติบ้างไม่ปฏิบัติบ้าง
เพราะขาดการใส่ใจ
เพราะมีนิสัยเอาแต่ใจตัว

4.การไม่เป็นผู้มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง
หมายถึง ไม่มีลักษณะนิสัยที่ไม่ดีดังนี้

ไม่เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง
ไม่เอาความต้องการของตัวเป็นหลัก
ไม่เอาความเชื่อ-ชอบของตนเป็นที่ตั้ง
ไม่เอาอารมณ์ของตัวเป็นเครื่องมือ
เพื่อการเอาชนะคนอื่นแทนการใช้เหตุผล

5.เป็นผู้ปฏิบัติตามพันธะสัญญา 6
ที่เคยให้ไว้ต่อพระบิดาอย่างเคร่งครัด

ด้วยการมีสำนึกรู้ได้ว่าตนเองเป็นใคร
จิตวิญญาณของตนมาจากไหน
รู้ว่ามาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม
รู้ว่าตนมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง
รู้ว่าจะทำหน้าที่ทุกสิ่งอย่าง
ให้ลุล่วงได้อย่างไร

โดยสามารถครองตน ครองธรรม
ในบทบาทของนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
ได้อย่างองอาจสง่างามเสมอ

6.ผู้ที่ยังปฏิเสธพระบิดา
ผู้ที่ยังไม่ยอมหันหน้ามาทางเรา
เพื่อเฝ้าฟังพระโอวาทที่ทรงสื่อผ่านเรามา

ผู้ที่เคยหันหน้ามาฟังเรา
แต่พอรับฟังได้ไม่นานก็หันหน้าไปทางอื่น
เหตุเพราะรับฟังแล้วไม่คิดตามได้แต่คิดต้าน
ที่คิดต้านก็เพราะยึดติด "ความเชื่อ" แต่ดั้งเดิม
จึงปฏิเสธความรู้ใหม่ที่เรากล่าวไปตามจริง

ผู้คนที่มีคุณลักษณะด้อยเหล่านี้
จัดเป็นประเภท "คนงมงาย"
ซึ่งเป็นจำพวกเดียวกันกับ
ผู้ที่ยังคลั่งไคล้ในอวิชชาทั้งปวง
บุคคลจำพวกนี้จะมิได้รับโอกาสให้ "คัดไว้"

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราเคยกล่าวความจริงให้ท่านได้รู้กันไว้แล้วว่า
ภัยพิบัติร้ายแรงในแผนการชำระโลก
และแผนการชำระจิตสามนึกที่ตกต่ำของมนุษย์
ที่เกิดขึ้นผ่านมาแล้วและที่กำลังจะเกิดต่อไป
ล้วนเป็นเครื่องมือแห่งการ "คัดไว้"
ล้วนเป็นเงื่อนไขแห่งการ "คัดทิ้ง"
โดยเริ่มจากเบาๆไปหาหนักๆด้วยกันทั้งสิ้น

จงเตรียมตนเองและจิตวิญญาณ
ให้พร้อมต่อการผจญภัยตั้งแต่บัดนี้เสียดีกว่า
ด้วยการปฏิบัติตาม 6 ข้อที่กล่าวนี้
ท่านจะได้เป็นปลาที่ถูกคัดไว้
ท่านจะได้เป็นลูกแกะอีกตัวหนึ่ง
ซึ่งไม่ถูกทอดทิ้งแน่นอน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23-9-2016

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

สนิมของจิต








พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
***************************
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ในความเป็น "คน" ของท่านนั้น
มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ
ทุกท่านต่างล้วนมี #ความอยากไม่อยาก
เป็นคุณสมบัติด้วยกันทั้งนั้น

โดยความอยากไม่อยากนี้
ดวงจิตธรรมญาณของท่าน
ล้วนถูกปลูกถ่ายเอาไว้ให้ที่ด่านนภาลัย
ประตูมิติแห่งการเข้า-ออก #เอกภพ
ซึ่งเป็นวิหารสีขาว
ตั้งแต่ภพชาติแรกที่เดินทางเข้ามา
สู่การเกิดเป็นมนุษย์แล้วล่ะนะ

ทั้งนี้ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายโดยจิตหยาบ
ได้ใช้ความอยากไม่อยากที่พกติดตัวมา
เป็น "เครื่องมือแห่งการเรียนรู้" ทุกสิ่งอย่าง
บนดาวโลกดาวแห่งทางเลือกเสรีนี้นั่นแหละ

ดังนั้น คนทุกคน
ทั้งที่คนเสร็จแล้วและที่ยังคนไม่แล้วเสร็จ
จึงต้องรู้ความจริงของตนเองในข้อนี้เอาไว้ด้วย
คือ ต้องรู้ว่า "ความอยากไม่อยาก"
ที่ติดตั้งติดตัวท่านมานี้เขามีไว้ให้ใช้

เพื่อ #เรียนรู้ ตนเอง
เพื่อเรียนรู้ผู้อื่น
เพื่อเรียนรู้โลกและทุกสรรพสิ่ง

"ความอยากไม่อยาก"
มิได้ติดตั้งเอาไว้ให้พวกท่าน
นำมาใช้เพื่อ #รับเอาไม่รับเอา
ในสิ่งที่ท่านสัมผัสรู้ดูเห็นมันได้หรอกนะ

ยกเลิกเสียเถอะ...
กับการที่ได้สัมผัสรับรู้ดูเห็นได้ยินได้ฟังสิ่งใด
แล้วบอกตนเองทันทีว่า "ชอบ-ไม่ชอบ"
เมื่อจิตบอกตนเองว่า "ชอบ-ไม่ชอบ"
หรือที่มักกล่าวกันว่า "ถูกใจ-ไม่ถูกใจ"
จิตมันก็จะนำท่านไปสู่ความอยากไม่อยากเสมอ

ถ้าจิตของท่านสั่นสะเทือนเป็นอยากไม่อยากเมื่อใด
ประตูแห่งการเรียนรู้ตามหน้าที่ที่ต้องทำก็จะถูกปิด
โดยมันจะเปลี่ยนเป็นการกระทำแบบต่างๆ
ต่อสิ่งที่ท่านสัมผัสรู้ดูเห็นอยู่นั้น
เพื่อ #ตอบสนองความอยากไม่อยาก
ของท่านแทน

ตัวอย่างเช่น...
*เมื่อเห็นปูแล้วจะนึกถึงอาหาร เพราะอยากกิน
ที่อยากกินเพราะรู้ว่ากินได้-กินอร่อย-เคยกิน

*เห็นขีหมาแล้วจะอ๊วก! เพราะไม่อยากกิน
ที่ไม่อยากกินเพราะรู้ว่าเหม็น-สกปรก-กินไม่ได้

การรับรู้แล้ว "รับเอา" ลักษณะนี้
แทนที่จะรับรู้แล้ว "เรียนรู้" ของพวกท่านนั้น
มันล้วนเป็นแบบนี้ทั้งสิ้นและเป็นกันมานานแล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง
ท่านทั้งหลายจึงต้องใช้ "ความอยาก" ให้เป็น
โดยมีแง่คิดน่าประพฤติดังนี้

1.อยากได้ อยากเอา
ให้เปลี่ยนเป็น "อยากให้" แทน

2.อยากชนะ ไม่อยากแพ้
ให้เปลี่ยนเป็น "อยากสำเร็จ ไม่อยากล้มเหลว" แทน

3.อยากได้ดี ไม่อยากได้ชั่ว
เปลี่ยนเป็น "อยากทำดี ไม่อยากทำชั่ว" แทน

4.อยากรู้อยากเห็น ไม่อยากรู้ไม่อยากเห็น
เปลี่ยนเป็น "อยากเรียนรู้ ไม่อยากเรียนรู้" แทน

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ทางที่ดีแล้วการใช้ชีวิตอยู่
ด้วยการว่างไปจากความอยากนั้นดีที่สุดเลย
เพราะการทำอะไรๆจนเคยตัว
ด้วยความอยากไม่อยากนั้น
มันจะก่อให้เกิด "สนิมของจิต"
จำพวกกิเลส ตัณหา ราคะ พอกหนาขึ้นเรื่อยๆ
พออายุขัยมากเข้าสนิมพวกนี้จะกัดกร่อนจิต
จนเคาะมันออกยากมากเลย
ตายไปแล้วส่งไปชำระในนรกก็ไม่หาย

วันทั้งวัน...ท่านทั้งหลาย
จงระวังความอยากไม่อยากของท่านเอาไว้ด้วย
เผลอเมื่อไหร่เป็นต้องก่อกรรมเวรขึ้นมาใหม่เมื่อนั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22-9-2016

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

คำพิพากษา




คำพิพากษา
*************
ถ้า...มนุษย์บนแผ่นดินนั้น
ทำให้บ้านเมืองสกปรก
รกไปด้วยขยะวัตถุเท็คโนโลยี

ถ้า...มนุษย์ทำให้ใจ
ซึ่งเป็น “พระจิต” แห่งพระบิดา
ถูกครอบงำเอาไว้ด้วย กิเลส ตัณหา ราคะ
จนจิตวิญญาณเกิดอาการหลงมิติเกินเยียวยาแล้ว
ปฏิบัติการชำระล้างสิ่งสกปรกด้วยภัยพิบัติ
ก็จำเป็นจะต้องจัดให้มีขึ้นบนพิกัดนั้นเสมอ
เบื้องต้นก็ตักเตือน
เบื้องกลางก็ทดสอบ
เบื้องปลายก็พิพากษา
นี่จึงเป็นปฏิบัติการชำระล้างแท้จริง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา

13-9-2016

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559

เรารู้ดีว่า...






เรารู้ดีว่า...
แม้เราจะบอกพวกท่านอีกสักกี่ครั้ง
ก็ยังมีอีกมากนักที่ยังไม่เชื่อว่า
เราทำทุกสิ่งตามพระบัญชาจริงๆ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
1-9-2016

ท่านจะถูกเรียกว่าเป็นคนดี ได้หรือ..ถ้า


 
 
 
 
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

1.ท่านจะถูกเรียกว่า #คนดี ได้หรือ
ถ้าท่านยังเป็นคนประเภทที่
#ใครดีก็ดีตอบ #ใครชั่วก็ชั่วตอบ
เพราะว่าคนชั่วทั้งหลาย
เขาก็ประพฤติตนแบบท่านเช่นกัน

2.ท่านจะถูกเรียกว่า #คนดี ได้หรือ
ถ้าท่านยังเป็นคนประเภทที่
#ใครรักท่านท่านก็รักตอบ
#ใครชังท่านท่านก็ชังตอบ
เพราะว่าคนที่ไม่ดีทั้งหลาย
เขาก็รักคนที่รักเขา
และชังคนที่ชังเขาด้วยเหมือนกัน

3.ท่านจะถูกเรียกว่า #คนดี ได้หรือ
ถ้าท่านยังเป็นคนประเภทที่
#ยอมเสียสละสิ่งมีค่าให้แต่คนพิเศษของท่าน
#แล้ววางเฉยต่อคนแปลกหน้าที่ยากไร้
เพราะว่าคนส่วนใหญ่
เขาก็ประพฤติตนแบบท่านกันทั้งนั้น

4.ท่านจะถูกเรียกว่า #คนดี ได้หรือ
ถ้าท่านยังเป็นคนประเภทที่
#จะช่วยเหลือแต่คนที่ท่านหวังว่า
#เขาจะตอบแทนบุญคุณต่อท่านได้
เพราะว่าคนส่วนใหญ่
ใครๆเขาก็คิดแบบท่านเหมือนกัน

5.ท่านจะถูกเรียกว่า #คนดี ได้หรือ
ถ้าท่านยังเป็นคนประเภทที่
#จดจำผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตนไม่ได้
เพราะว่าคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้
เขาก็จดจำพระองค์ไม่ได้เหมือนกัน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
2-9-2016