วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เปลี่ยนแปลงวิธีคิด ชีวิตจะเปลี่ยน




#สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เมื่อท่านมีปัญหากับใครก็ตา
ถ้าท่านเกิดความโกรธใครคนนั้นขึ้นมา
นั่นแสดงว่าท่านโทษว่าเขาผิ
แล้วคิดมโนเองว่าท่านถูก
แสดงว่าท่านพิพากษาว่าเขาชั่ว
แล้วมโนเอาเองว่าตนเป็นคนดี

เมื่อท่านมีปัญหากับใครก็ตา
ถ้าเขาคนนั้นเกิดความโกรธตัวท่านขึ้นมา
นั่นแสดงว่าเขาโทษว่าท่านผิ
แล้วคิดมโนเองว่าเขาถูก
แสดงว่าเขาพิพากษาว่าท่านชั่ว
แล้วมโนเอาเองว่าเขาเป็นคนด

ท่านจะเห็นได้ว่าทั้งตัวท่านกับเขาคนนั้น
มีนิสัยการมองโลกเหมือนๆกัน
คือลำเอียงเข้าข้างตนเอง
แล้วยื่นลบไปให้อีกฝ่ายหนึ่งแทน
ทั้งๆที่ความจริงแล้ว
อาจมีฝ่ายใดถูกอีกฝ่ายหนึ่งผิด
หรือผิดทั้งคู่ไม่ก็ถูกทั้งคู่ 
หรืออาจไม่มีใครถูกใครผิดเลยก็ได้

ด้วยเหตุนี้เอง
ถ้าท่านทั้งสองฝ่ายยังยึดมั่น
ในหลักคิดเข้าข้างตนเองกันอยู่
มันจะมีประโยชน์อะไร
ถ้าจะไปมัวเสียเวลาถกทะเลาะกัน
เพื่อค้นหาว่าใครถูกใครผิด ใครดีใครชั่ว
เมื่อไม่มีทางที่จะบรรลุความเห็นพ้อง
จากการมองเห็นความจริงร่วมกันได้

สู้พยายามรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้
ไม่แสดงความโกรธเกลียดเคียดแค้นกัน
แต่หันหน้ามาเรียนรู้ร่วมกันว่าอะไรเป็นอะไร
ด้วยการมองโลกไปตามความเป็นจริง
มิใช่มองคนอื่นหรือมองโลก
ไปตามอารมณ์ของตนเอง

สันติสุขในหมู่ชนไม่มีวันจะเกิดขึ้นได้
ถ้าคนส่วนใหญ่ยังไม่เปลี่ยนแปลงวิธีคิด
ยังไม่สำนึกในบาปบุญคุณโทษผิดชอบดีชั่ว
ยังยึดเอาอารมณ์รู้สึกนึกคิดของตัวเป็นใหญ่

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
30-09-2017

สมถะกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน





#สนทนาประสาจิตจักรวาล
(ทบทวนบทเรียน)

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

1.คำว่า #สมาธิ นั้นสำหรับพระนักบวช
เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องหมั่นฝึกฝน
เพราะจิตที่เป็นสมาธิเท่านั้น
ที่มันจะช่วยให้พระหรือนักบวช
สามารถจดจ่ออยู่กับปฏิบัติการฝึกจิต
ในระดับต้น คือ #สมถะกรรมฐาน 
อย่างต่อเนื่องยาวนานได้

2.นอกจากนั้นพระหรือนักบวช
ยังต้องอาศัยจิตที่สงบเป็นสมาธิอีกเช่นกัน
เพื่อปฏิบัติการทางเท็คนิกในระดับปลาย
คือ #วิปัสสนากรรมฐาน
อย่างต่อเนื่องยาวนานได้

3.การปฏิบัติสมถะกรรมฐานของพระนักบวช
เป็นการฝึกฝนพัฒนาจิตให้มีพลังอำนาจ
ในระดับที่สามารถควบคุมจิตตนเองได้
ถ้าสามารถควบคุมมันได้มากเท่าไหร่
ก็จะมีพลังอำนาจทางจิตสูงมากเท่านั้น
ระดับพลังอำนาจของจิตเรียกว่า #ฌาน

พระนักบวชจะใช้อำนาจพลังจิตที่ฝึกได้นี้
ไปใช้เป็นเครื่องมือสร้างกระบวนการทางปัญญา
เพื่อการขบคิดด้วยกลไกสมองต่อไป
ถ้าหากจิตไร้พลังคือไม่เป็นสมถะ
พระก็เข้าถึงพลังอำนาจทางปัญญาไม่ได้

ดังนั้น
ผู้ที่สามารถเข้าถึงระดับ "ฌาน" สูงได้
จึงจะเข้าถึงระดับพลังอำนาจทางปัญญาได้
โดยระดับพลังอำนาจทางปัญญา
อันเกิดจากการฝึกทักษะทางเท็คนิก
ที่เรียกว่า "วิปัสนากรรมฐาน" นั้น
เรียกขานกันว่า #ญาณ นั่นเอง

4.การปฏิบัติกรรมฐานสมาธิทั้ง 2 ระดับ
เป็นเพียงปฏิบัติการทางเท็คนิก
เพื่อให้เข้าถึงอำนาจทางจิตตปัญญาได้เท่านั้น
เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะเข้าถึงได้
เนื่องจากพระนักบวชทั้งหลายปลีกวิเวก
ครองสมถะอยู่กับตนเองแต่เพียงลำพัง
ทำให้การยกระดับจิตกับปัญญาของพระ
จึงต้องฝึกฝนกันด้วยตนเอง

การฝึกฝนด้วยตนเองแต่เพียงลำพังนี่แหละ
เป็นที่มาของคำว่า #กรรมฐาน 

แต่สำหรับฆราวาสผู้ครองเรือนนั้น
การพัฒนาความเข้มแข็งของจิต
กับการยกระดับความฉลาดทางปัญญานั้น
ไม่จำเป็นต้องนั่งหลับตาผ่านกรรมฐานเลย
เพราะมีเพื่อนมนุษย์แวดล้อมในสังคม
จะเรียงรายกันมาหยิบยื่นเงื่อนไขหลากหลาย
ให้แต่ละคนได้เผชิญได้ฝึกฝนกันทุกวัน

ด้วยการสร้างปัญหาทางอารมณ์ให้
เพื่อให้ฝึกฝนการใช้ความอดท 
อดกลั้น และการให้อภัย
ฝึกฝนจิตใจให้มีเมตตา กรุณา มุทิตา
จนถึงขั้นเป็นอุเบกขาต่อสิ่งเร้าทั้งปวงเลย

ด้วยการหยิบยื่นปัญหาน้อยใหญ่มาให้
เพื่อให้ท่านได้สั่นสะเทือนทางปัญญา
เพื่อการคิดพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหานั้นๆ
ให้สำเร็จลุล่วง

บททดสอบจิตกับปัญญาจากปัญหารายวัน
เป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
ในการพัฒนาจิตตปัญญาของพวกท่านแต่ละคน

คนที่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา
คนที่ไม่เกลียดกลัวปัญหา
คนที่ไม่ใช้อารมณ์นำปัญญา

จะเป็นผู้ที่ประสบความก้าวหน้า
ในการพัฒนาจิตปัญญาได้อย่างดียิ่ง

เพียงแค่เป็นคนเอาสังคม
เพียงแค่ไม่เป็นคนชอบโดดเดี่ยว
ปฏิบัติการทางเท็คนิกแบบพระนักบวชใช้
ฆราวาสก็ไม่จำเป็นต้องหยิบยืมมาใช้เลย
เพราะท่านสามารถใช้วิธีธรรมชาติ
ยกระดับพลังจิตฟิตพลังปัญญาของสมอง
ด้วยการลืมตาทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
ก็ถึงเป้าหมายกันได้แล้ว

5.การปฏิบัติกรรมฐานสมาธิเลียนแบบพระ
สำหรับหมู่ฆราวาสทั้งหลายนั้น
มีประโยชน์ที่จะปฏิบัติอยู่อย่างหนึ่งก็คือ
เป็นวิธีที่จะช่วยให้จิตมนุษย์ของท่าน
มันได้พักผ่อนเสียบ้างเมื่ออ่อนล้ามากแล้ว

6.ที่ท่านทั้งหลายเห็นว่า
มีแต่พระนักบวชเท่านั้นที่เน้นกรรมฐานสมาธิ
โดยในศาสนาอื่นไม่มีการสอนจริงจังนั้น

เราขอกล่าวความจริงให้รู้ว่
ศาสนาอื่นศาสดาพระองค์อื่นๆนั้น
ทรงแนะเน้นให้มนุษย์ทั้งหลา
ไม่แยกตนเองออกจากสังคม
หรือไม่ปลีกวิเวกเพื่อถือสันโดด
โดยให้ปฏิบัติธรรมกันในชีวิตประจำวัน

ทุกท่านจึงสามารถฝึกทักษะด้านจิตปัญญา
โดยอาศัยการผลัดกันยื่นบททดสอบ
ผลัดกันมอบบทเรียนโลกให้แก่กันและกัน
ในทุกชีวิตประจำวันตามกาลโอกาสได้
โดยไม่จำเป็นต้องกระทำที่ตนเอง
ด้วยการฝึกคิดเอง ถามเอง ตอบเอง
เพื่อให้ฉลาดขึ้นในแบบ "กรรมฐาน" 
แต่อย่างใดต่างหากล่ะ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา