วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เรากล่าวเพื่อเตือนพวกท่าน ด้วยความรักและปรารถนาดีอย่างสุดซึ้ง






เรามีความจริงที่จะกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า

นับตั้งแต่องค์จิตจักรวาลทรงกำหนดให้โลกเสรีนี้
มีจิตวิญญาณผู้ขันอาสาเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อใช้จิตกับเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ซึ่งเป็นโครงสร้างทางชีววิทยาที่ซับซ้อนแยบยล
ให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก
ในบทบาทของ "คนสองมิติ" เป็นต้นมา

ซึ่งมนุษย์เพศชายยุคนั้นมีนามเรียกขานว่า "อาดัม"
ส่วนคำว่าเพศหญิงนั้นจะมีนามเรียกกันว่า "อีวา"
หรือกล่าวรวบรัดเป็นสำเนียงสั้นๆว่า "อีฟ"
อันเป็นกลุ่มต้นพันธุ์ของมนุษย์โลกเสรีนี้
ที่สืบสานเชื้อสายมาจากกลุ่มดาวพลียะดิส
โดยมีนามเรียกขานในจักรวาลว่าพลียะเดี้ยนส์นั้น

เมื่อได้รับโอกาสให้เข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
ปรากฏว่าพวกเขาใช้เวลากัน 700 ปี ถึงสองหมื่นปี
พวกเขาก็สามารถบรรลุในพันธะสัญญา 6
ที่ได้ให้ไว้ต่อองค์จิตจักรวาลได้
ทั้งยังสามารถนำพาดวงจิตวิญญาณของพวกเขา
หลุดพ้นออกไปจากระบบโลก
เพื่อกลับคืนสู่กลุ่มดาวพลียะดิส
ที่พวกตนจากมาได้กันอย่างครบถ้วน

ในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติน่าจะรับรู้ไว้ว่า
รูปธรรมชั้นสูงจากกลุ่มดาวพลียะดิส
บนกาแล็กซี่ทางช้างเผือกเหล่านี้
คือต้นพันธุ์ของมนุษย์โลกเสรีที่แท้จริง

เพราะพวกเขาเหล่านี้
คือผู้ที่ขันอาสาพระบิดานำพาแก่นแท้ของตน
เข้ามาสู่การเกิดเป็นคนสองมิติในรูปธรรมมนุษย์
โดยมีช่างเท็คนิกจากกลุ่มดาวอาร์กทอรัส
ผู้เชี่ยวชาญการติดตั้งด้านกลไกทางไฟฟ้า
ในเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์เป็นผู้ช่วยเหลือ

รูปธรรมมนุษย์ยุคแรกบนโลกเสรีนี้
จึงเป็นผู้ที่มาจากกลุ่มดาวพลียะดิส
เพื่อเข้ามาทดลองดำเนินชีวิตด้วยจิตปัญญา
ในบทบาทคนสองมิติบนดาวโลกเสรีดวงนี้
ตามพระบัญชาแห่งองค์จิตจักรวาล
ในอันที่จะสร้างเสริมเติมเต็มสิ่งเหมาะสม
ให้แก่กายหยาบ จิตหยาบ จิตวิญญาณ
ที่สอดคล้องกันกับระบบนิเวศน์ในทุกมิติในระบบโลก

จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ
ในแผนงานการสร้างโลกเสรีที่สวยงามน่าอยู่
สร้างเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ชายหญิง
ที่สวยงามและแยบยลจนกลายเป็นสรรพสิ่งหนึ่ง
ซึ่งยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลอันไพศาลนี้

การที่พวกท่านทั้งหลายมีวัฒนธรรมการดำเนินชีวิต
ที่สอดคล้องกันกับทุกสิ่งอย่างในระบบโลก
ทำเครื่องปั้นดินเผาเป็น
ปลูกข้าวกิน หุงข้าวเป็น
ทอผ้าทำเป็นเครื่องนุ่งห่มได้
ใช้สติปัญญาในตนเองเป็น
ใช้อวัยวะร่างกายของตนเป็น และอื่นๆ
ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับการชี้แนวทาง สร้างแนวคิด
กระตุ้นจิตสำนึก แล้วฝึกให้ลงมือทำเอง
ก็ด้วยความเมตตาจากพี่ๆกลุ่มพลียะเดี้ยนส์ทั้งสิ้น

พี่ๆเหล่านี้แม้จะเดินทางกลับกลุ่มดาวพลียะดิสแล้ว
ก็ยังเดินทางเข้าออกมิติโลกอยู่เสมอมานับหมื่นๆปี
เพื่อคอยค้ำจุน ช่วยเหลือ ดูแล
มนุษย์อย่างพวกท่านซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ของพวกเขา
ด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง

พวกเขาสามารถย้ายมิติไปสู่มิติที่สูงกว่า
ขณะดำรงอยู่ในสนามแม่เหล็กโลก
แม้ในขณะยืนอยู่เคียงข้างตัวท่านก็ได้
หรือจะแสดงตนเป็นมายาทางกายภาพให้ท่านเห็น
พวกท่านก็จะไม่มีทางแยกออกได้หรอกว่า
พวกเขาคือผู้มีพระคุณผู้คอยช่วยเหลือพวกท่าน
ซึ่งเดินทางไกลมาจากนอกระบบโลก

ถึงแม้ว่าหลายต่อหลายคนจนบัดนี้
จะไม่รู้จักพวกเขา จะจำเขาไม่ได้
จะไม่เชื่อความจริงในสิ่งที่เรากล่าว
หรือจะไปเข้าใจว่า
"บรรพบุรุษของตน" เป็นลิง!!! กันอยู่ก็ตาม

ปรากฏว่าเมื่อครบ 3 หมื่นปีผ่านไป
จิตมนุษย์ทั้งหลายที่เดิมเป็นสุญตาก็เริ่มเสื่อม

เพราะมนุษย์เริ่มหลงมัวเมาในอัตตารูปลักษณ์มายา
ทั้งที่พระบิดาทรงกำหนดให้สร้างขึ้นไว้
รวมทั้งที่พวกตนคิดสร้างกันขึ้นมาเอง
จนต่างคนต่างลืมหน้าที่ตามพันธะสัญญา 6 ของตนไป
เพราะมัวแต่จะตอบสนองความต้องการ
ของจิตหยาบกับกายสังขารของตนเสียจนเพลิน
จนไม่รู้จักกับคำว่า "พอเพียง"
จนเลอะลืมไปเสียหมดสิ้นด้วยว่า
ตนเองเป็นใคร มาจากไหน มาเป็นมนุษย์ทำไม
มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วต้องใช้ความฉลาด
ทำหน้าที่อะไรบ้าง ไม่สมควรทำสิ่งใดบ้าง

โลกยุคปัจจุบันนี้จึงไม่ต่างจากยุคที่พระบิดา
ต้องทรงให้มีการชำระโลกเป็นครั้งที่ 2 นี้เท่าใดนัก

ในยุคนั้นแผ่นดินโลกก็แบ่งออกเป็นสองซีกเช่นกัน
คือ ซีกโลกด้านตะวันออกกับซีกตะวันตก
ด้านตะวันออกจะเป็นทวีปเลมูเรีย
เป็นแหล่งดำรงอยู่ของผู้เจริญทางจิตวิญญาณ
เป็นผู้ชำนาญการใช้สมองซีกขวา
จึงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ทางจิต
ที่เรียกว่า "อภิปรัชญา-เมต้าฟิสิกส์"

ส่วนซีกโลกตะวันตกนั้นจะเป็นทวีปแอตแลนติส
เป็นแหล่งดำรงอยู่ของผู้เจริญทางจิตปัญญา
เพราะเป็นผู้ชำนาญการใช้สมองซีกซ้าย
ซึ่งถนัดมากในการมองโลกทางด้านกายภาพ
จึงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์กายภาพ

ก่อนวันกวาดล้างและชำระโลกในยุคนี้
มนุษย์ส่วนใหญ่ล้วนมีสภาวะจิตสำนึกตกต่ำมาก
เพราะคลั่งในวัตถุเท็คโนโลยีที่พวกตนสร้างขึ้น
พวกที่ต้องทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณในอีกซีกหนึ่ง
ก็กลับเหลวใหลตกเป็นทาสวัตถุตามคนส่วนใหญ่
ในลักษณะน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟในใจตน
ผู้คนหันมาฆ่ากันเองเพราะบ้าอำนาจเพราะโลภ
ฆ่ากันเองเพราะขาดสติและไร้จริยะธรรม
เริ่มหันมากินเลือดเนื้อของสัตว์เป็นอาหาร
เพราะจิตวิปริตอุตริใจบาป

ยังผลให้ดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลไปมากมาย
ภัยพิบัติเลวร้ายจึงเกิดขึ้นไปทั่วโลกและมหาสมุทร
ภูมิอากาศบนฟากฟ้าวิปริตแปรปรวนจนแลดูน่ากลัว
พื้นพสุธาสั่นสะเทือนเพราะแบกรับขยะไม่ไหว
มีผู้คนล้มตายไปกับการต่อสู้ทำสงครามกันเอง
ด้วยอาวุธร้ายแรงต่างๆนานา
รวมทั้งที่ตายไปกับภัยพิบัติต่างๆเป็นรายวัน

พระบิดาจึงต้องทรงให้มีการชำระโลกเป็นครั้งที่สอง
โดยใช้เวลาปฏิบัติการนาน 3 ปี 6 เดือนโลก

พระองค์ทรงชำระด้วยภัยพิบัติที่รุนแรงผิดธรรมชาติ
ชำระด้วยการทำให้แกนหมุนรอบตัวเองของโลก
ซึ่งทำมุมกับแนวดิ่งเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน

โดยใช้กรรมวิธีกระตุกหรือกระชากด้วยเท็คนิกพิเศษ
โดยช่างเท็คนิกจากนอกระบบโลกและจักรวาล
จนยังผลให้ชาวโลกจบชีวิตลงในครั้งนั้นมหาศาล
จนยังผลให้ทวีปแอตแลนติสพลิกคว่ำจมหายไป
เกิดเป็นแผ่นดินโลกที่ถูกแบ่งสัดส่วนขึ้นมาใหม่
ดังที่ท่านทั้งหลายรู้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

ดังนั้น
เราจึงกล่าวต่อท่านทั้งหลายเสมอมาว่า
เมื่อใดที่จิตสำนึกมนุษย์โลกตกต่ำ
เมื่อนั้นมนุษย์จักต้องทำสงครามกับภัยพิบัติเสมอ

ท่านรู้มั้ยว่า....
ประวัติศาสตร์โลกกำลังจะซ้ำรอยเดิมแล้ว

หมายเหตุ:
ที่เรากล่าวมา เรากล่าวเพื่อเตือนพวกท่าน
ด้วยความรักและปรารถนาดีอย่างสุดซึ้ง
เรากล่าวตามหน้าที่ของเราที่พระบิดาทรงบัญชามา
เรามิได้กล่าวเพราะเป็นพวกใครหรือทำร้ายใคร
เรามิได้กล่าวไปตามความสะใจของเรา

เรามิได้กล่าวเพื่อชวนให้ท่านเชื่อแต่แค่ให้รับรู้ไว้
แล้วจงรอพิจาณาพิสูจน์ความจริงตามที่เรากล่าว
ชีวิตของท่านควรต้องดำเนินต่อไปไว้
เพื่อค้นพบความจริงตามที่เรากล่าวให้ได้

จงอย่าชิงก้าวล่วงเรากับพระบิดาแห่งเราเสียก่อน
โดยไม่ให้โอกาสตัวท่านเองพิสูจน์ความจริง

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-5-2016

หลักการเรียนรู้ที่มีประสิทธิผล





พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

พระโอวาททุกตอนที่เราสื่อมา
พระคัมภีร์ทุกเล่มที่เราบันทึกไว้
พระวจนะทุกประโยคที่เรากล่าวออกไป

ถ้าท่านเป็นผู้ค้นหาหนทางอยู่รอดปลอดภัย
ถ้าท่านเป็นผู้มาดหมายการหลุดพ้น
ถ้าท่านเป็นคนฝักใฝ่ในธรรมก่อกรรมดี

พระโอวาท พระคัมภีร์ และพระวจนะ
จากองค์พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ผู้ทรงเป็นพระจิตแห่งมหาจักรวาลอันไพศาลนี้
มีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่ท่านทั้งหลาย
จักต้องบริหารจัดการตนเองให้เป็น
เพื่อ "การเรียนรู้" ให้ได้
เพื่อการเรียนรู้ให้เป็น และ การเรียนรู้ที่ถูกต้อง

หลักการเรียนรู้ที่มีประสิทธิผล
มีกระบวนการดังต่อไปนี้ คือ

1.เรียนรู้ เพื่อ ให้ได้ "องค์ความรู้"
2.ได้องค์ความรู้ เพื่อ นำมา "คิดรู้"
3.คิดรู้ เพื่อ ทำให้ตนเอง "เข้าใจ"
4.เข้าใจ เพื่อ ทำให้ตนเอง "เข้าถึง"
5.เข้าถึง เพื่อ สิ้นสุดกระบวนการเรียนรู้
ในองค์ความรู้นั้น
6.สิ้นสุดกระบวนการเรียนรู้นั้น
เพื่อยังประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของตน
ร่วมกันกับผู้อื่นอย่างสันติสุขได้

นี่จึงเป็นการเรียนรู้ที่ถูกต้องถ่องแท้
ตามมรรควิถีแห่งจิตจักรวาลเพื่อการหลุดพ้น

นี่จึงเป็นวิถีแห่งการพ้นทุกข์ที่แท้จริง
นี่จึงเป็นวิถีแห่งการปฏิบัติธรรมที่แท้จริง
นี่จึงเป็นวิถีแห่งการอยู่เหนือกฎแห่งกรรมที่แท้จริง

การท่องธรรมะอยู่ทั้งวันแต่ไม่ทำ
การรู้ธรรมะจนขึ้นใจแต่สติแตกเสมอเมื่อถูกยั่วยุ
การกอดพระคัมภีร์แต่อ้างไม่มีเวลาจะอ่าน
การหมั่นรับฟังบันทึกสื่อพระโอวาท
แต่ยังขาดการใส่ใจ
ที่จะดัดจริตนิสัยตนเองให้ได้ตามที่เราสื่อมา

มันล้วนทำให้ท่านทั้งหลาย
ยกระดับจิตตปัญญาไม่ได้หรอก

ไม่ต่างจากท่านอยู่ในพงหญ้าที่รกทึบ
แล้วได้กลิ่นดอกบัวสวรรค์อันหอมเย็น
โดยเฝ้าแต่ดมกลิ่นแต่ไม่เคยแลเห็นเลยว่า
บัวสวรรค์มีดอก มีผล มีต้นเป็นแบบไหน
ต้นดอกบัวสวรรค์มันขึ้นอยู่ตรงพิกัดใด

ขออยู่ใกล้เพียงแค่ภูมิใจที่ได้ดมกลิ่น
ดอกบัวสวรรค์...เท่านั้นเองหริอ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-08-2016