วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

โลกถูกตัดสินแล้วว่าจะต้องถูกชำระ


ขณะนี้โลกถูกตัดสินแล้วว่าจะต้องถูกชำระ เพราะให้มนุษย์ด้วยกันค้ำจุนโลกให้สมดุลไม่ได้แล้ว มนุษย์เราเป็นตัวการ ขณะที่จิตวิญญาณเราถูกส่งมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อทำหน้าที่ค้ำจุนโลก แต่มนุษย์เองกลับทำลายความสมดุลของระบบโลกซะเอง แทนที่เราจะมาค้ำจุน นี่คือโทษหนัก คือไม่เชื่อศาสดาของตัวเอง เอาศาสดามาอ้างอย่างเดียวว่า ฉันเป็นคนมีศาสนา มีศาสดา แต่ไม่เคยเชื่อฟังและเคารพพระศาสดาอย่างแท้จริง เอามาพูดเพื่อเอาดีใส่ตัว เพื่อแอบอ้างกันเท่านั้น นั่นคือความเหลวไหลของมนุษย์ ผมถึงบอกว่าคุณนับถือศาสนาใดก็ได้ แต่อย่างมงาย เอาแก่นแท้ของธรรมะ ของศาสนานั้นมาปฏิบัติให้ได้ เพราะมันมีต้นธรรมต้นเดียวกัน แต่ละพระองค์มาเกิดกันคนละยุคคนละสมัย เราจะไปแบ่งแยกศาสดาว่าเราเอาพระพุทธเจ้า ไม่เอาคริสต์ ไม่เอาอิสลามไม่ได้ เพราะพระศาสดาล้วนเป็นผู้มีเมตตาต่อมนุษย์อย่างเรา ๆ ทั้งนั้น พระองค์อุตส่าห์จุติมาเป็นพระศาสดาเพื่อมาสอนให้พวกเรามีสติทางวิญญาณ ถ้าไม่มีพระองค์มาสอน เราก็ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตนอย่างไร มาสร้างสำนึกให้ แต่นี่ปรากฏว่าเรารักพระพุทธเจ้า แต่เราไปเกลียดศาสนาอื่น หรือเรารักพระเยซูคริสต์แต่เราไปเกลียดพระพุทธเจ้า เราทำอย่างนั้น เรางมงายและเราโง่มาก ๆ มันไม่ถูกต้อง นั่นคือหน้าที่ที่อาจารย์มาสอน สอนว่าเราจะต้องประพฤติ ปฏิบัติตนอย่างไร
อาจารย์สอนแม้กระทั่งที่ว่า เราจะต้องเตรียมตัวผจญกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับโลกอย่างไรบ้าง อาจารย์พูดมาเกือบ 10 ปีแล้ว และก็จะพูดต่อไปเรื่อย ?

หนังสือดี มีคุณค่าที่ยากแนะนำให้อ่าน

























สมการพลังร่วมแห่งรักจากจิตมนุษญ์



เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
หนึ่งในพันธะสัญญา 6
ซึ่งดวงจิตธรรมญาณของท่านทั้งหลาย
ได้ให้สัจจะไว้ต่อองค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่าน
ก็คือ........
การมาเกิดเป็นคน
เพื่อคนตนเองให้เป็นมนุษย์
แล้วร่วมกันทำหน้าที่
เป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก
นักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย
พวกท่านล้วนเป็นสรรพสิ่งหนึ่ง
ซึ่งพระบิดาทรงกำหนดสร้างขึ้นมา
ที่น่าทึ่งยิ่งกว่าสิ่งใดๆ
ในมหาอาณาจักรอันไพศาลของพระองค์
เพราะพวกท่านถูกกำหนดสร้าง
ให้เป็นคนสองมิติ คือ
มีกายหยาบอันเป็นสรรพสิ่งในมิติทางกายภาพ
ที่มีโครงสร้างละเอียดอ่อนซับซ้อน
จนน่าทึ่งที่สุดในจักรวาล
โดยพระองค์ให้กำหนดสร้างขึ้นบนโลกเสรีนี้
ด้วยโลหิตในครรภ์มารดา
กับจิตวิญญาณอันเป็นอีกสรรพสิ่งในมิติทางพลังงาน
ที่น่าทึ่งและมหัศจรรย์อีกเช่นกัน
ซึ่งเป็นรูปธรรมที่เดินทางข้ามมิติมาจากแดนสุญญตา
โดยทั้งสองสรรพสิ่งนี้จักต้องทำงานร่วมกัน
ในบทบาทของมนุษย์แห่งดาวโลกเสรีนี้
ดังนั้น.....
พวกท่านจึงล้วนมี 2 ภาคในตนเองไปโดยปริยาย
กล่าวคือ....
ทุกท่านก็จะมีตัวตนภาคแรกที่สูงส่ง
ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
อันมีพระนามว่า "จิตจักรวาลดวงเล็ก"
หรือกล่าวนามสั้นๆว่า "พระบุตร"
ที่ยังคงดำรงตนเองอยู่กับพระบิดาในแดนสุญญตา
ซึ่งเป็นที่ผู้แบ่งภาคตนเองออกมาเป็นภาคที่สอง
เพื่อข้ามมิติเข้ามาสู่การเกิดเป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้
โดยท่านทั้งหลายเรียกนามว่า "จิตวิญญาณ"
หรืออาจกล่าวนามสั้นๆได้ว่า "พระจิต"
ด้วยเหตุนี้เอง
เมื่อพวกท่านได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นคนสองมิติแล้ว
จิตมนุษย์ผู้ดูแลรับผิดชอบกายหยาบ
จึงต้องมีหน้าที่ยกระดับ
การสั่นสะเทือนตนเองให้สูงขึ้น
จนสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกันกับแก่นแท้
คือจิตวิญญาณของตนให้สำเร็จก่อน
มิเช่นนั้นแล้วท่านก็จะทำหน้าที่
เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกตามพันธะสัญญาไม่ได้
พวกท่านเมื่อแรกเกิดมาลืมตาดูโลก
พระบิดาจึงทรงกำหนดนามเรียกขานว่า "คน"
ทั้งนี้เพื่อสร้างสติทางวิญญาณ
ให้พวกท่านได้สำนึกรู้ว่า
ตั้งแต่เด็กจนโตใหญ่ท่านจะต้องหาหนทาง
คนตนเองในสองมิติ
ระหว่างจิตหยาบและกายหยาบ
กับจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของท่าน
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันให้สำเร็จให้จงได้เร็วที่สุด
หากท่านทำสำเร็จได้เมื่อใด
เมื่อนั้นท่านจึงจะถูกเรียกว่า "มนุษย์" ได้อย่างเต็มคำ
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านจะประสบความสำเร็จ
ในการคนตนเองให้เป็นมนุษย์ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
สิ่งที่ท่านจะต้องกระทำต่อตนเองและผู้อื่น
มีดังต่อไปนี้ คือ
1.ต้องเรียนรู้ที่จะรักตนเองและผู้อื่นให้ได้
แม้ว่าใครคนนั้นจะทำตัวไม่น่ารักต่อท่านก็ตาม
เช่น สงสาร เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
2.ต้องเรียนรู้ที่จะให้สิ่งดีๆมีคุณค่า
ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นให้ได้
แม้ว่าบางครั้งตนเองและผู้อื่นทำตัวไม่น่าที่จะให้ก็ตาม
เช่น อดทน อดกลั้น ให้อภัย ให้โอกาส ให้เวลา
ให้ทรัพย์สินสิ่งของ และอื่นๆ
โดยไม่มีเงื่อนไขในการให้ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
3.ต้องเรียนรู้ที่จะคิดด้วยความฉลาดของสมองสองซีก
ซึ่งเป็นพลังอำนาจทางปัญญาในตนเอง
เพื่อการตัดสินใจแสดงออกหรือกระทำสิ่งใดๆ
ต่อตนเองและผู้อื่นให้เป็นธรรมชาติของตนให้จงได้
เช่น คิดก่อนคิด คิดก่อนพูด และคิดก่อนทำ เป็นต้น
โดยหลีกเลี่ยงละเลิกที่จะขับเคลื่อนการกระทำ
ด้วยกิเลส ตัณหา อารมณ์
นิสัยเคยชิน และสันดานเคยตัว
อันเป็นคุณสมบัติหยาบๆของจิตหยาบ
หากท่านทั้งหลาย
ปฏิบัติตามสามประการนี้ต่อตนเองได้
ท่านก็สามารถคนตนเองให้เป็นมนุษย์สำเร็จแล้ว
และถ้าหากท่านแสดงออกต่อเพื่อนมนุษย์คนอื่น
ด้วยการกระทำตนทั้งสามประการนี้
แล้วเป็นเงื่อนไขด้านบวกที่จะช่วยให้ผู้อื่น
สามารถสั่นสะเทือนจิตหยาบของเขา
เป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของเขาได้
เช่นเดียวกับท่านแล้วละก็
เท่ากับว่าทั้งท่านและตัวเขาคนนั้น
กำลังร่วมกัน "ปฏิบัติการรัก" จากจิตชั้นสูง
โดยมันจะก่อให้เกิดพลังร่วมแห่งรักอันศักดิ์สิทธิ์
ตามสมการพลังงานร่วมแห่งรัก
จากจิตสำนึกด้านบวกของท่านกับผู้อื่น
เราเรียกว่าสมการ "ซัมเบต้า"
ตามที่เรานำมาแสดงไว้ในสไลด์ข้างล่างนี้แล้ว
สมการดังกล่าวนี้ถอดรหัสได้ว่า....
ผลรวมทางพลังงานความรัก
ของมนุษย์จำนวนเอ็กซ์คนที่กำลังรักกัน
มีค่าเท่ากับ 3 เท่า
ของจำนวนคนที่รักกันอยู่ในขณะนั้น ยกกำลังสอง
แล้วคูณด้วยผลรวมของพลังงานความรัก
ของแต่ละคนรวมทั้งสิ้น เอ็กซ์คน
ที่สามารถผลิตสร้างมันออกมาได้ในขณะนั้น
โดยผลรวมของพลังงานร่วมที่ได้นี้
จะมีหน่วยวัดค่าเป็น "เม็กกะเฮิร์ท"
ซึ่งอยู่ในรูปของคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กระบบหนึ่ง
ที่เป็นชนิดเดียวกันกับคลื่นสนามแม่เหล็กโลกนั่นแหละ
ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า
ภารกิจของท่านถ้ามาถึงขั้นตอนนี้ได้
แสดงว่าท่านได้คนตนเองจนเป็นมนุษย์เป็นผลสำเร็จแล้ว
ทั้งยังทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงาน
กับดาวเคราะห์โลกนี้ได้แล้วด้วย
การเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกก็คือ
พวกท่านต้องผลิตสร้างพลังงานร่วมแห่งรัก
ตามสมการพลังงานที่เราเปิดเผยไว้นี้
เพื่อมอบพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กในรูปพลังจิต
ให้โลกนำไปใช้สร้างจิตสำนึกของโลกอีกทอดหนึ่ง
พลังความรักของพวกท่านที่เป็นพลังร่วม
ในรูปของคลี่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
มันจะถูกเหนี่ยวรั้งลงไปยังแกนโลกหรือจิตของโลก
เพื่อไปก่อให้เกิดกระบวนการ Nuclear Fission
ซึ่งมันจะทำให้แกนโลกบิดตัวอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้โลกเหวี่ยงหมุนได้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยอัตราเร็วคงที่ตลอดกาล
ตอนนี้ท่านเข้าใจหรือยังว่า
ทำไมมนุษย์กับโลกต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน
ทำไมถ้าจิตสำนึกมนุษย์ตกต่ำโลกก็จะเสียสมดุล
จนเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงเมื่อนั้น
ทำไมมนุษย์จึงต้องมีศีลธรรม
ทำไมพระศาสดาทุกพระองค์จึงสอนให้มนุษย์รักกัน
ทำไมเมตตาธรรมจึงค้ำจุนโลกได้
อนิจจัง....อนิจจา.....
ในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา พวกท่านส่วนใหญ่ในระบบโลก
มิได้ประพฤติดังเช่นที่เรากล่าวความจริงมาทั้งหมดนี้
ดาวเคราะห์โลกจึงเสียสมดุล
ภัยพิบัติร้ายแรงจึงเกิดขึ้นไปทั่ว
ทุกคนมีชีวิตอยู่กับการเสี่ยงตายตลอดเวลา
จนจิตวิญญาณของท่านผวาหาความสงบสุขมิได้
เราจึงต้องกลับมา...กลับมาหาพวกท่านตามสัญญา
หมายนำพาพวกท่านคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอน
ยังแดนสุญญตา....ในภพชาติสุดท้ายแห่งการปิดยุคนี้
ท่านจะมากับเรามั้ย....
ท่านจะไปกราบพระบิดากับเราหรือเปล่า
ตะเกียงของท่านเติมน้ำมันแล้วหรือยัง
เอเมน....สาธุ.....
ป.วิสุทธิปัญญา
20-12-2014

วัตถุประสงค์ ของชมรมจิตจักรวาล







1. ส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกคนเข้าใจและเข้าถึงพระธรรมคำสอนของพระศาสดา แห่งศาสนาที่แต่ละคนนับถืออยู่นั้น โดยไม่เชิญชวนให้ท่านเปลี่ยนศาสนาโดยเด็ดขาด
 2. เราถือว่าศาสนาทุกศาสนาล้วนยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่อยู่แล้ว พวกเราจึงไม่ได้มีความคิดที่จะตั้งศาสนาใหม่หรือลัทธิใหม่ใดๆ ทั้งสิ้น
 3. เรา เชื่อว่าศาสนาทุกศาสนาล้วนเป็นสากล เพราะพระธรรมคำสอนของพระศาสดาทุกพระองค์ล้วนสอนมนุษย์ให้เป็นคนดี มีความรักต่อกัน สอนให้รู้จักใช้เหตุผล สอนให้ไม่โง่และงมงาย และสอนไม่ให้ก้าวล่วงผู้อื่น (มีศีล) เหมือนกันเลย แต่ที่เราต้องเรียนรู้คำสอนรวมกันทั้งสามศาสนา เพราะพวกเราบางคนนับถือคนละศาสนากัน จึงได้นำเอาพระธรรมของแต่ละศาสดามาเติมเต็ม หรือบูรณาการให้เข้าใจกันลึกซึ้งยิ่งขึ้นนั่นเอง เราจึงจำเป็นต้องใช้คำศัพท์เฉพาะที่พระศาสดาพระองค์นั้นๆ ทรงตรัสไว้ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระศาสดาพระองค์นั้นๆเป็นสำคัญด้วย มิได้มีเจตนาจะเอามาต้มยำทำแกง ตะแบงคำ อย่างที่บางคนร้อนตัวร้อนใจแต่อย่างใด และการที่เราไม่คิดบัญญัติคำใหม่ขึ้นมาแทนคำนั้นๆ ก็เพราะต้องการยืนยันว่า เรามิได้ต้องการสร้างลัทธิใหม่หรือตั้งศาสนาใหม่ หรือต้องการทำลายศาสนาดีๆ ที่มีอยู่อย่างที่บางคนคิดแต่อย่างใดทั้งสิ้น (เรื่องนี้สมาชิกของเราทุกคน ยืนยันได้ว่าจริงอย่างที่เรากล่าวมาใช่มั้ย?) หากใครจะสร้างลัทธิใหม่ศาสนาใหม่จริงๆแล้วยังดันไปลอกเลียนคำศัพท์คำสอนของ พระศาสดาพระองค์อื่นๆ นั้น แค่คิดก็น่าอายแล้ว และคงไม่มีใครโง่ไปเชื่อตามแน่ๆ เพราะทุกท่านล้วนมีภูมิปัญญาทั้งนั้น
 4. สิ่ง สุดท้ายที่อยากกราบเรียนท่านผู้เจริญทั้งหลายไว้ ณ ที่นี้ก็คือ พระผู้ทรงเป็นองค์ความรู้ของเรา คือ องค์จิตจักรวาลนั้น พวกเราเรียกพระองค์ท่านว่า พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งมิได้เกี่ยวข้องกับลัทธิไหนศาสนาใดทั้งสิ้น พระองค์ทรงเป็นเพียงองค์ความรู้ของพวกเรา ที่ช่วยเมตตาสื่อสอนให้พวกเราได้รู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ และทรงสอนให้พวกเราได้คิด คิดได้ และคิดเป็น เพื่อทำความเข้าใจในข้อธรรมะของพระศาสดาแต่ละพระองค์ให้กระจ่างมากขึ้นแทน ที่จะงมงาย และยึดติดอยู่กับสัญลักษณ์หรือพิธีกรรม โดยที่พระองค์มิใช่ศาสดาใหม่ของโลกที่จะมาทำลายศาสนาไหนๆ ทั้งสิ้น เพราะพระองค์ทรงเป็นที่สุดแห่งที่สุดอยู่แล้ว
 5. พวกเราทุกคนเชื่อว่า พระศาสดาพระองค์ต่อไปก็คือ พระศาสดาศากยมุณีศรีอริยเมตไตรย์ เท่านั้นครับ
 6. พวกเรายินดีต้อนรับศาสนิกชนคนประพฤติธรรมทุกคน ที่พร้อมจะยกระดับสติปัญญา พัฒนาจิตสำนึกร่วมกัน ไม่ว่าท่านจะรับถือศาสนาใดอยู่ก็ตาม เพื่อจะช่วยกันปฏิบัติตามปริศนาธรรมของพระพุทธองค์ที่ว่า "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก เราคือโลก โลกคือเรา" อย่างเป็นรูปธรรมกันจริงๆ เสียที แทนที่จะมีดีแต่ที่ปากเท่านั้น
 7. จง อย่าระแวงพวกเราเลยเพราะจะเกิดทุกข์ใจโดยเปล่าดาย ติดตามพฤติกรรมพวกเราไปเรื่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ท่านจะรู้จักเรามากขึ้น และอาจเป็นอีกคนหนึ่งที่สักวันท่านจะรักพวกเราเหมือนที่เรารักท่านอยู่เช่น กัน

จิตสงบ คือ อย่างไร





เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ในสภาวะจิตปกติของท่านที่เรียกว่า #จิตสงบ นั้น
จะมีคุณสมบัติสำคัญดังนี้ คือ

1.จิตจะมีอาการนิ่งเฉย
จะไม่มีการสั่นสะเทือนจนเกิดเป็นอารมณ์รู้สึกใดๆ

2.จิตจะมีอาการนิ่งเฉย
จะไม่มีการสั่นสะเทือนจนเกิดเป็นความอยาก-ไม่อยาก
แต่อย่างใด

3.จิตจะมีอาการนิ่งเฉย
จะไม่มีการสั่นสะเทือนจนเกิดเป็นการนึกโน่นนั่นนี่
แต่อย่างใด

4.อาการนิ่งเฉยของจิตทั้งสามประการนี้
ต้องเกิดจากการ #วางเฉย ต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นสิ่งเร้า
มิใช่เกิดจากการ #เก็บกดอดกลั้น มันไว้

5.อาการนิ่งเฉยต่อสิ่งเร้าเช่นว่านี้
ต้องเกิดจากการมี #มหาสติ อยู่ทุกขณะจิตเท่านั้น
ซึ่งการมีมหาสติก็คือ #การควบคุมจิตให้อยู่กับตนเอง

เหมือนดั่ง...
การเก็บมือไว้กับตนเอง

เหมือนดั่ง...
การเก็บตาหูจมูกและปากไว้กับตนเอง

หากท่านรู้จักเก็บมันไว้ดีๆให้อยู่กับตัวท่าน
กลไกทั้งหลายเหล่านี้ก็จะหมดโอกาส
ที่จะไปก้าวก่ายล่วงเกินใครอื่นให้ผิดบาป

นอกจากนั้นท่านยังจะสามารถใช้มัน
เพื่อ #เรียนรู้ ในสิ่งต่างๆและเรื่องราวทั้งหลาย
ที่ท่านได้สัมผัสรู้ดูเห็นมันในระหว่างวัน
ซึ่งท่านพิจารณาแล้วว่ามันสมควรต้องเรียนรู้
โดยให้เหตุผลกับตนเองได้ว่า
สิ่งนั้นเรื่องนั้น #สมควรเรียนรู้และใส่ใจ กันหรือเปล่า

อย่างเช่นคลิปสรรพสิ่งรูปลักษณ์ประหลาดนี้
ถ้าท่านมีสภาวะจิต #ไม่สงบ หรือ จิตไม่ว่าง
ท่านยังบกพร่องในคุณสมบัติทั้ง 5 ข้ออยู่
ท่านก็จะกลายเป็นคน #ไม่เลือกเรียนรู้

พอเห็นเรานำเสนอสิ่งใดเรื่องใด
เพียงแค่แปลกตาน่าสนใจ
ก็พยายามที่จะใส่ใจใฝ่จะรู้
โดยเฝ้ารอให้ครูเฉลยทุกทีไปว่ามันคืออะไร?

นักเรียนที่รัก....
บางทีเราไม่มีคำตอบให้หรอกนะว่ามันเป็นตัวอะไร
เพราะสิ่งที่เรานำมาแบ่งปันให้นักเรียนนั้น
คือ #ตัวสติปัญญา มันสูงค่ามากกว่า
จะให้เราเฉลยว่า #ตัวประหลาด เนี่ยคือตัวอะไร

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
จงครองมหาสติเอาไว้เสมอ
แล้วท่านทั้งหลายจะ #ไม่จิตตก
อีกทั้งยังจะสามารถ #ฉลาดที่จะเลือกเรียนรู้
ในสิ่งที่ท่านปรารถนาจะเรียนรู้และควรเรียนรู้
อย่างมีเหตุผลว่าอะไรควรเรียนรู้อะไรไม่ควร

#การเรียนรู้สิ่งที่มาเร้าให้อยากรู้
#กับการอยากรู้เพราะตกเป็นทาสของสิ่งเร้านั้น
#มันเหมือนกันเสียที่ไหนล่ะท่าน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-08-2016