วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การหมุนกรรมจักร ต่างจาก การหมุนธรรมจักร อย่างไร












อรุณสวัสดิ์.........
พี่ๆน้องๆครอบครัวจิตจักรวาล
รวมทั้งศาสนิกชนคนประพฤติธรรมทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เมื่อจิตวิญญาณของท่าน
"ขันอาสา" พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
คือ เอกองค์จิตจักรวาล
เดินทางข้ามมิติเข้ามาสู่การเกิดเป็นมนุษย์
บนดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้นั้น

จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ได้ถือเอาภาระหน้าที่ทางจิตวิญญาณ
ที่จักต้องกระทำให้สำเร็จติดตัวมาด้วย
นั่นคือ "พันธะสัญญา 6" นั่นเอง
(โปรดค้นหาความรู้เพิ่มเติม
เรื่องพันธะสัญญา 6)

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
เมื่อเข้าสู่การเกิดเป็นคนสองมิติแล้ว
นับตั้งแต่อายุ 3 ขวบบริบูรณ์

จิตหยาบหรือจิตมนุษย์
ของกุมารน้อยเช่นท่านนั้น
จะมีจิตตปัญญา
หรือที่พวกท่านเรียกกันว่า "จิตสำนึก"
ให้ท่านใช้ควบคู่กันไปกับจิตสัญชาตญาณ

โดยที่จิตสัญชาตญาณนั้น
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
จะเป็นผู้ใช้มันมาตั้งแต่ปฏิสนธิ
เพื่อให้ความมีชีวิตรอดของกุมารน้อย
เป็นความจริงได้ในสองมิติบนโลกเสรีนี้
ซึ่งจิตวิญญาณของท่าน
จะเป็นผู้กำกับบทบาทของสัญชาตญาณเอง
ไปจนจนกว่าท่านจะจบสิ้นอายุขัย
โดยที่จิตหยาบของท่าน
จะเข้าแทรกแซงไม่ได้

ดังนั้น
หน้าที่ของจิตหยาบของท่านในเบื้องแรก
คือการสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกนึกคิด
เพื่อสร้างพลังอำนาจทางจิตปัญญา
ในการแสดงบทบาทของคนสองมิติ
ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้
อันน่ามหัศจรรย์ น่าตื่นเต้น น่าท้าทาย
ของจิตวิญญาณผู้ได้รับโอกาสดีนี้โดยแท้

แต่เนื่องจากว่าเจ้ากุมารน้อยเช่นท่าน
ยังไม่ชำนาญที่จะแสดงบทบาทในสองมิติ
เพราะเป็นผู้มาเริ่มต้นภพชาติใหม่
พระบิดาจึงทรงมีเมตตาให้
ช่างเท็คนิกประจำตัวของท่าน คือ
ท่านพลียะเดี้ยนส์กับท่านอาร์กทอเรี่ยน
ติดตั้งกระบวนการสั่นสะเทือนร่วม
ระหว่างกายสังขารกับจิตวิญญาณ
ที่เป็นระบบ "อัตโนมัติ" เอาไว้ให้ใช้ก่อน

เพียงแค่กุมารน้อยเช่นท่านเรียนรู้ที่จะ
สั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดใัห้เป็น
ก็จะสามารถใช้กระบวนการนี้ได้
โดยอัตโนมัติกันอยู่แล้ว

แต่เนื่องจากว่ากุมารน้อยทุกคน
ยังขาดทักษะในการสั่นสะเทือนทางจิตปัญญา
จึงยังผลให้ท่านทั้งหลายไม่สามารถเข้าถึง
พลังอำนาจทางจิตสำนึกที่แท้จริงได้
กุมารน้อยที่กำลังเริ่มโตใหญ่
จึงสามารถเข้าถึงกระบวนการสองมิติได้
แค่เพียงสั่นสะเทือนทาง "จิตไร้สำนึก" เท่านั้น

ท่านทั้งหลายต้องรู้ด้วยว่า
ถ้าท่านสั่นสะเทือนจิตปัญญาของท่าน
ด้วยกระบวนการของ "จิตไร้สำนึก"
เมื่อท่านมีอายุสามขวบขึ้นไป
กลไกต่อมไร้ท่อและอวัยวะทั้งหลาย
ที่ถูกติดตั้งเอาไว้ให้มันทำหน้าที่
ในมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้
มันจะร่วมกันผลิตสร้าง "พลังงานขยะ"
ในรูปของคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบ
ที่ดาวเคราะห์โลกไม่ต้องการ
ในทุกครั้งที่ท่านสั่นสะเทือนจิตไร้สำนึกเสมอ

การสั่นสะเทือนทางจิตไร้สำนึก
มันจะเกิดขึ้นเมื่อตอนที่ท่าน
ใช้อารมณ์รู้สึกหยาบๆรายวัน
สั่นสะเทือนตอบสนองสิ่งเร้าทั้งหลาย
ในอาการของ โทสะ โลภะ และโมหะนั่นแหละ

ในที่นี้เราจึงขอเรียกกระบวนการ
สั่นสะเทือนทางจิตตปัญญา
ในระบบอัตโนมัติของพวกท่านว่า "กรรมจักร"

เมื่อท่านยังสั่นสะเทือนจิตไร้สำนึก
ในระบบอัตโนมัติเป็นกรรมจักรกันอยู่เช่นนี้
ตลอดทั้งวี่วันท่านก็จะผลิตสร้างแต่
พลังงานจิตที่เป็นขยะรกโลก
ขยะที่รกอวกาศออกมาเรื่อยๆ
ซึ่งขยะของท่านนี่เองที่ท่านต้องรับผิดชอบมัน
ด้วยการย้อนกลับคืนสู่การเกิดชาติใหม่
เพื่อกลับมาทำให้มันเป็นกลางทางไฟฟ้า

มันจึงเป็นหน้าที่ของท่านทั้งหลาย
ที่จักต้องเข้า "แทรกแซง" กระบวนการนี้
เพื่อยกระดับแรงสั่นสะเทือนให้สูงขึ้น
โดยเข้าใช้ "จิตรู้สำนึก" แทนเสียให้ได้
หากท่านทำสำเร็จกระบวนการที่เป็นกรรมจักร
จะถูกท่านยกระดับเป็น "ธรรมจักร" ในบัดดล

ถ้าท่านเข้าแทรกแซงได้สำเร็จ
จนหมุนธรรมจักรแทนกรรมจักรได้เมื่อใด
กลไกทางพลังงานในเครื่องยนต์แห่งกรรมท่าน
มันก็จะทำการผลิตสร้างพลังงานจิตด้านบวก
ในรูปคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ในแบบที่ดาวเคราะห์โลกต้องการทันที
เท่ากับว่าท่านหมุนธรรมจักรสำเร็จแล้ว
หรือท่าน "คนตนเอง"
จนเป็นมนุษย์ได้แล้วนั่นเอง

ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
มันคือกระบวนการของขันธ์ 5 อย่างไรล่ะท่าน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
19-2-2016

"กรรมเวร"












พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย

อันว่า "กรรมเวร" นั้นก่อร่างสร้างง่ายยิ่งนัก
หากท่านทั้งหลายมิสำรวมจิต
หากท่านทั้งหลายมิคิดสำรวมกาย
กรรมเวรนั้นจะเกิดขึ้นมาได้เสมอ

เพราะกรรมเวรส่วนใหญ่
เป็นความผิดบาปต่อจิตวิญญาณท่านเอง
อันเกิดจากการ "ก้าวล่วง" ผู้อื่น
ทั้งกาย วาจา และจิตใจ

เราจะกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า
"ผู้อื่น" สำหรับพวกท่านนี้
มิได้หมายเฉพาะเพื่อนบ้านหรือคนอื่นๆหรอก
เพราะการก้าวล่วงให้ผิดบาปนั้น
ไม่เว้นแม้แต่สามี ภรรยา บุตร บริวาร
ซึ่งท่านจะใช้อำนาจบาตรใหญ่
กระทำการเอาแต่ใจ กดขี่ ข่มเหง
ฉ้อฉล เบียดเบียน บดบัง
เพราะเห็นว่าเขาเป็น "คนกันเอง" ไม่ได้

ถ้าท่านเป็นคนทำอะไรตามใจ "อยาก"
มักเอาแต่ใจตัวเองเป็นตัวตั้ง
โดยไม่สนใจอารมณ์รู้สึกนึกคิดต้องการของผู้อื่น

ถ้าท่านมักจะคิด พูด หรือทำอะไร
ไปตามนิสัยเคยชินหรือความเคยตัว
โดยไม่นึกคิดก่อนจะพูดก่อนจะทำ
ตามกฎแห่ง 6 ถูก
ของ "ปริญญา โมเดล" แล้ว

ทุกวี่วันที่ผ่านไป
ท่านจะเป็นคนพ้นกรรม
หรือเป็นผู้อยู่เหนือกฎแห่งกรรมไม่ได้
แม้ท่านจะหลบมุมซุ่มอยู่คนเดียว
ไม่ยุ่งเกี่ยวทางสังคมกับใครๆก็ตาม

เพราะจิตของท่าน
มันสร้าง "กรรมเวร" ให้เกิด "เวรกรรม"
ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
จักต้องรับผิดชอบในรูปของวิบากกรรม
ในภพชาติต่อไปได้เสมอ
ด้วยการกลับมาชำระจิตที่ไม่สะอาดพิสุทธิ์
ให้มันผุดผ่องด้วยตัวท่านเองกันต่อไป

นี่เป็นความจริงบนเส้นทางการหลุดพ้น
ของประดานักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
เช่นท่านฆราวาสทั้งหลายนี่แหละ
ใช่ใครอื่น......

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
18=2-2016