วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557



ได้เห็นภาพสไลด์ของเราแล้ว
ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งคิดเข้าใจว่า
เรากำลังจะกล่าวความจริงเรื่องของ
น้ำมันหมดคลัง หมดถัง หมดสต้อคนะ
ทั้งอย่าเพิ่งคิดเข้าใจว่า....
เรากำลังจะกล่าวความจริงเรื่องของ
พรุ่งนี้น้ำมันทุกชนิดจะลดราคาลงอีกเท่าไหร่
ขณะที่ก๊าซหุงต้มเขาจะขึ้นราคากันเท่าใด
เรื่องราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศ
เรื่องนโยบายพลังงานและบริการ ปชช.นั้น
หากยังชำระโลกไม่เสร็จสิ้น
มันยังมิใช่หน้าที่ของเราหรอกนะ
เมื่อถึงวันนั้นแล้ว......
เราจะให้พวกท่านใช้น้ำมันและก๊าซของพระบิดาฟรี
ใช้ยวดยาน รถไฟ รถโดยสารสาธารณะ
เครื่องบินภายในประเทศ และระหว่างประเทศฟรี
ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ฟรี
ใช้ไฟฟ้า ประปา ฟรีทุกอย่าง
นี่เรากล่าวตามความจริงมิใช่นโยบายประชานิยมนะ
เพราะเรามิใช่นักการเมือง
แต่ว่า....ท่านสนใจมั้ยล่ะ?
สำหรับความจริงของบทเรียน
จากสไลด์น้ำมันหมดถังนี้
เราหมายถึงนักเรียนหลายท่าน
อาจกำลังมีอาการเหมือนดั่งในภาพสไลด์นี้ต่างหาก
นั่นคือ.............
เกิดอาการเหมือนคนจะหมดเชื้อเพลิง
เกิดอาการเหมือนคนจะหมดไฟหรือไฟจะมอด
เกิดอาการท้อแท้และท้อถอยกันอยู่ต่างหากล่ะ
อาการท้อที่เกิดขึ้นนั้น
คนส่วนใหญ่มักจะหมายถึง
การยอมจำนนแล้ว
เบื่อหน่ายแล้ว
เซ็งแล้ว
ไม่สู้ต่อแล้ว
ไม่อดทนอีกแล้ว
ไม่ไหวแล้ว
ไม่เอาแล้ว
เป็นอาการทางจิตด้านลบ
เป็นอาการเสียขวัญ
เป็นอาการหมดพลังใจ
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านไม่ก้าวเดินไปข้างหน้า
แล้วท่านจะมีความก้าวหน้าได้อย่างไร
ถ้าท่านไม่ก้าวไปข้างหน้าให้ต่อเนื่อง
แล้วอีกเมื่อไหร่ท่านจะถึงเส้นชัยได้ดั่งใจปรารถนา
ถ้าท่านไม่ยอมต่อสู้ฟันฝ่า
แล้วท่านจะมีโอกาสชนะถึงหลักชัยได้อย่างไร
ถ้าท่านไม่ยอมเผชิญปัญหา
แล้วท่านจะยกระดับความฉลาดทางปัญญาได้อย่างไร
ถ้าท่านไม่ยอมเผชิญกับความกลัว
แล้วท่านจะปลุกสำนึกแห่งผู้กล้าให้ตนเองได้อย่างไร
ถ้าท่านไม่ยอมสูญเสีย
แล้วท่านจะรู้เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่ได้อย่างไร
หากท่านปฏิเสธความจริงอันยิ่งใหญ่เหล่านี้
ภายในจิตใจท่านมันก็จะมีแต่ "ทุกข์ขัง" อยู่เท่านั้น
เพราะความท้อแท้หรือท้อถอยที่เกิดขึ้นในใจท่าน
มันมิได้ช่วยให้สถานการณ์ที่ท่านเผชิญอยู่
มันผ่อนคลายสลายตัวไปได้เลย
ความท้อมันมิได้ช่วยให้อะไรๆดีขึ้นมาได้เลยสักนิด
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความท้อแท้และท้อถอยของท่านนั้น
มันอาจเกิดจาก.....
ทำอย่างทุ่มเทเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ
ทำอย่างทุ่มเทเท่าไหร่ก็ไม่ก้าวหน้า
ทำอย่างทุ่มเทเท่าไหร่ก็ยังเอาดีอะไรไม่ได้
ทำอย่างทุ่มเทเท่าไหร่ก็ยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ทำอย่างทุ่มเทเท่าไหร่ก็ยังไม่มีใครเข้าใจ-เห็นใจ
ฯลฯ
ถ้าเกิดอาการดังที่เรากล่าวไว้
ก็ให้ลองปฏิบัติตามนี้ดูนะ
1.จงฝึกเรียนรู้อะไรให้เร็ว......
ด้วยการ.......
เรียนรู้ทั้งอุปสรรคปัญหาที่ท่านเผชิญอยู่
เพื่อรู้จักปัญหานั้นให้ทะลุแจ้ง
และเรียนรู้ข้อผิดพลาดบกพร่องของตนเอง
เพื่อการปรับปรุงแก้ไขใหม่เสียให้ถูกต้อง
2.จงนำสิ่งที่เรียนรู้ดีแล้วนั้น
ไปสู่การปฏิบัติจริง.......
เช่น เมื่อรู้ปัญหาและเข้าใจปัญหาดีแล้ว
ก็จะได้ค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป
หรือเมื่อรู้ว่าตนเองมีจุดอ่อนที่ตรงไหน
ก็ให้รีบปรับปรุงแก้ไขเสียทันที
นักเรียนจะต้องรู้ว่า
การเปลี่ยนแปลงใดๆจะเกิดขึ้นไม่ได้
หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงนั้นมันจะเกิดชึ้นไม่ได้
หากท่านไม่ยอมที่จะเปลี่ยนแปลง
3.ถ้าท่านเปลี่ยนแปลงแล้ว
ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เพราะเปลี่ยนแปลงไม่สำเร็จ
หรือเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้
ก็ให้ท่านจงทำใจเย็นๆเข้าไว้
แล้วกลับไปเริ่มต้นที่ข้อ 1.ใหม่
โดยอย่าไปใส่ใจที่จะนับเป็นสถิติว่า
ท่านปฏิบัติแบบนี้มาแล้วกี่ครั้ง
ขอให้ท่านทั้งหลายจงประสบความสำเร้จ
และระลึกเสมอว่า.....
ความทุกข์นั้นเกิดที่ใจ
ทุกข์ได้แต่อย่าท้อ
เพียงท่านยอมรับในสิ่งไม่พึงประสงค์ของตนได้
ความทุกข์นั้นมันก็จะกลายเป็นเพื่อนของท่านไปทันที
ท่านก็จะไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไป
ภายในหัวใจท่านมันจะมีพื้นที่ว่าง
ให้กับคำว่า "สู้ต่อ" แทนคำว่า "ท้อแท้" แน่นอน
เอเมน....สาธุ......
ป.วิสุทธิปัญญา
16-12-2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น