วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ศาสตร์และศิลป์แห่งการแก้ปัญหา




#สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ลิ้นกับฟันที่อยู่ในปากเดียวกัน
ยังมีโอกาสกระทบกระทั่งกันได้
เมื่อมีการกระทบกันแล้วในบางครั้ง
ก็อาจมีบางฝ่ายที่อ่อนแอกว่าได้รับบาดเจ็บ

ดังนั้น
ฟันที่คมและแข็งแรงกว่าถ้าหากเมตตาลิ้น
เวลาขบเคี้ยวอาหารก็ต้องระวังมิให้กระทบลิ้น
ส่วนลิ้นที่อ่อนแอกว่าหากมีเมตตาต่อตนเอง
ขณะช่วยส่งอาหารให้ฟันขบเคี้ยว
ก็ต้องระวังไม่ยื่นลิ้นเข้าไปให้ฟันขบกัดด้วย
มันถึงจะทำงานร่วมกันได้อย่างสันติสุข

พี่น้องที่รักทั้งหลาย
การใช้ชีวิตร่วมกันกับคนหมู่มากนั้น

หากเป็นไปด้วยความประมาท 
หากขาดมหาสติในการปฏิบัติตนต่อกัน
หากขาดวินัยในการอยู่ร่วมกั
พวกท่านก็จะมีปัญหาระหว่างกันเสมอ

ความเป็นปึกแผ่นแน่นเหนียว
ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
จะถูกบั่นทอนจนสั่นคลอนไปในที่สุด

เมื่อใดก็ตาม
ที่ท่านมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องงานที่ทำร่วมกัน
หรือปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ที่เป็นส่วนตัว
สิ่งที่ท่านต้องรู้ก็คือว่า
ในขณะนั้นตัวท่านเอง
กำลังเชิญอยู่กับปัญหาเรียงตามลำดับ
จากใหญ่ไปหาเล็ก 3 ประการ คือ

1.ปัญหาที่จิตใจตนเอง
2.ปัญหาที่จิตใจคู่กรณี
3.ปัญหาที่ข้อขัดข้องระหว่างกัน

ศาสตร์และศิลป์แห่งการแก้ปัญหา
ที่ท่านต้องรู้ไว้ปฏิบัติจริงก็คือ

1.จัดเรียงลำดับปัญหา
ที่ควรจัดการก่อนหลังให้เรียบร้อยก่อน

2.ปัญหาทางด้านจิตใจ
จักต้องจัดการแก้ไขก่อนปัญหาอื่น

3.ปัญหาภายในจิตใจตนเอง
คือ สิ่งที่ต้องจัดการก่อนสิ่งอื่นทั้งหมด

4.ปัญหาภายในจิตใจคู่กรณี
คือ สิ่งที่ท่านต้องจัดการช่วยเหลือ
เมื่อท่านจัดการปัญหาในจิตใจตนได้แล้ว

5.ปัญหาที่ข้อขัดข้องระหว่างกัน
เป็นสิ่งที่ท่านกับคู่กรณี
จักต้องใช้สติปัญญาและความรัก
ทำการคิดอ่านแก้ไขร่วมกันให้ลุล่วงนั้น
จะเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการแก้ปัญหา

หากท่านสังเกตขั้นตอนการแก้ปัญหา
ระหว่างท่านกับบุคคลอื่นๆดังกล่าวนั้น
ท่านจะพบว่าปัญหาด้านจิตใจ
เป็นปัญหาใหญ่ที่จะต้องหยิบขึ้นมา
เพื่อจัดการแก้ไขให้ลุล่วงก่อน
โดยเฉพาะปัญหาที่จิตใจของตัวท่านเอง

เหตุเพราะว่า
หากจิตใจท่านยังไม่ถูกจัดการชำระ
เพื่อทำให้มันสงบสมดุลเสียก่อน
มันจะทำให้ท่านไม่พร้อม
ที่จะจัดการกับปัญหาอื่นใดทั้งสิ้น

เมื่อสภาวะจิตท่านสงบสมดุลได้แล้ว
แปลว่าท่านช่วยเหลือตนเองให้พร้อม
โดยช่วยตนเองให้เกิดมหาสติได้แล้ว
ท่านจึงมีหน้าที่ "ช่วยคู่กรณี" ของท่าน
ให้เขาเกิดมหาสติเพื่อสร้างสงบสมดุล
ให้เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาด้วย

หากท่านช่วยตนเองและคู่กรณี
ให้มีสภาวะจิตสงบสมดุลเป็นผลสำเร็จ
ไม่ว่ามันจะต้องใช้เวลานานสักปานใด
นั่นเท่ากับว่าพวกท่านทั้งคู่
ถึงพร้อมแล้วต่อการจัดการปัญหาอื่น
ที่มันจะต้องใช้สติปัญญาและความรักร่วมกัน
ให้ประสบผลสำเร็จต่อไปได้

คำว่า "ปัญหาอื่น" ที่เรากล่าวนี้
หมายถึง ข้อขัดข้องที่เกิดขึ้นนั่นเอง
ซึ่งมันเป็นปัญหาทางเท็คนิกจิ้บจ๊อยเท่านั้น
เพียงแค่คิดร่วมกัน แก้ไขร่วมกัน
จนมีความเห็นพ้องต้องกันได้แล้ว
ความราบรื่นก็จะเกิดขึ้น
ทุกสิ่งอย่างก็จักดำเนินร่วมกันต่อไปได้

ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างกัน
จากปัญหาเล็กน้อยจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่
เพราะพวกท่านไม่เข้าใจหลักการแก้ปัญหา
โดยพวกท่านสองฝ่ายมักจะปฏิบัติกันดังนี้ คือ

1.มองเห็นคู่กรณีเป็น "ศัตรู" หรือคู่ต่อสู้
2.เป็นศัตรูที่จักต้องเอาชนะมันให้ได้
3.ต่างจึงมุ่งมั่นที่จะหักหาญรุกรานกัน
4.โดยซุกปัญหาที่ขัดข้องกันไว้ในรองเท้า

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เพราะเหตุนี้เอง

ในที่ทำงาน ภายในครอบครัว 
หรือในสังคมของพวกท่าน
มันจึงมีบรรยากาศเหมือนดั่งสนามรบ

บนดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้
มันจึงเต็มไปด้วยสมรภูมิแห่งการสู้รบ
หาความสุขสงบไม่ได้ทั้งๆที่ทุกคนอยากได้
เพราะใช้วิธีจัดการปัญหาไม่ถูกต้อง

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
10-10-2017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น