วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

เข้าถึงสภาวะธรรม ด้วยวิธีธรรมชาติสมาธิ





การนั่งหลับตาเพื่อค้นหาความจริง
ของสรรพสิ่งใดๆแม้แต่ที่อยู่ในจิตใจตน

จักต้องใช้ความสามารถทางจิตตปัญญา
เพื่อการนึกเอาด้วยจิต
ร่วมกับการคิดด้วยสมองสองซีกนั้น
ค่อนข้างลำบากยากยิ่ง
เพราะท่านจะต้องใช้วิธีนึกเอาเองว่า
ท่านปรารถนาจะเรียนรู้สภาวะธรรมของสิ่งใด
ท่านก็ต้องหยิบยกเอาสิ่งนั้นมาพิจารณา

เปรียบได้ดั่งนักเรียน
ที่จะต้องลงมือเขียนหลักสูตรเอง
เพื่อเรียนรู้เอาเองนั่นแหละ
ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าเรื่องที่ตนกำหนดไว้ว่าจะเรียน
ด้วยการหยิบเอามาขบคิดพิจารณานั้น
มันสมควรที่จะเรียนรู้แล้วหรือไม่
ที่เรียนรู้จนได้รู้แล้วนั้นมันใช่หรือเปล่า
เพราะต้องมโนนึกเอาเองโดยแท้

เราจึงมักกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
จงอย่าเดินถ่างขาต่อไปเลย
เพราะว่ามันจะสร้างปัญหาให้ตัวเองมากกว่า

ถ้าท่านเลือกที่จะเป็นผู้ครองเรือน
ในบริบทของนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
โดยไม่เลือกใช้วิธีเข้าถึงสภาวะธรรม
ด้วยปฏิบัติการเท็คนิกสมาธิในแบบนักบวชแล้ว
ท่านก็ยังสามารถเข้าถึง
สภาวะธรรมของสรรพสิ่งได้
ด้วยวิธีธรรมชาติสมาธิ
อันเป็นวิธีที่ไม่ต้องปลีกวิเวก

ขอเพียงในชีวิตประจำวันท่านต้องใส่ใจ
ติดอาวุธทางปัญญาให้แก่ตนเองให้จงได้
อีกทั้งเน้นการครองมหาสติ
และแสดงปณิธานแห่งนิพพานให้ชัดเจนเข้าไว้
ซึ่งคนแวดล้อมรอบตัวท่าน
จะเข้ามาช่วยกันสร้างปัญหาและทำตัวไม่น่ารัก
เพื่อให้ท่านเรียนรู้ที่จะใช้ความรักและปัญญา
พัฒนาตนเองให้ยอดยุทธยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

นี่หมายความว่า
ท่านมิพักต้องเขียนหลักสูตรเอง
แต่มีเพื่อนมนุษย์ช่วยกำหนดเรื่องราวให้ท่าน
ได้เข้าใจและเข้าถึงสภาวะธรรมนั้นๆ
โดยที่ท่านเรียนรู้ทุกสิ่งในโลกแห่งความเป็นจริง
ไม่ต้องนั่งมโนนึกหรือสร้างจินตภาพมายาเองเลย

สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ท่านเข้าถึง
สภาวะธรรมอันเป็นสากลของสรรพสิ่งใดๆได้
มีอยู่ 2 ประการที่สำคัญคือ

1.ท่านจะสามารถมองผ่านอัตตารูปลักษณ์
ที่เป็น "มายา" ของสรรพสิ่งนั้นๆ
เข้าไปให้ถึงแก่นแท้ของมัน
ได้หรือไม่ อย่างไร

2.ท่านจะสามารถมองเห็นหรือรับรู้
"คุณสมบัติ" แท้จริงของสรรพสิ่งนั้น
ได้หรือไม่ ได้ดีแค่ไหน และได้อย่างไร เป็นต้น

ดังนั้น
การที่ท่านจะเข้าถึงความจริงของสรรพสิ่งได้
ท่านจึงต้องมีความฉลาดทางปัญญา
เพื่อใช้ปัญญาของท่านมองเห็นความจริง
หรือเห็นสภาวะธรรมของสรรพสิ่งได้ถูกต้อง
ด้วยจิตตปัญญาของท่านเท่านั้น
มิใช่รู้เห็นด้วยอายตนะหรือรับรู้ด้วยความรู้สึก

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-1-2016

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น