วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

อย่าใช้ ความรู้สึก รับรู้ สภาวะธรรม







เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลาย
ที่เป็นผู้ครองเรือนแล้วยังติดชินอยู่กับ
ปฏิบัติการเจริญสมาธิภาวนาว่า

เป็นการ "หลงผิด" อย่างยิ่ง
ถ้าหากท่านใช้วิธีนั่งหรือนอนหลับตา
แล้วหยิบฉวยเอา "ความรู้สึก"
มาเป็นเครื่องมือในการ "รับรู้" สภาวะธรรมใดๆ
ซึ่งบังเกิดขึ้นที่ในจิตของท่านในปัจจุบันขณะ

ที่เราชี้ว่าเป็นการ "หลงผิด" หรือ เข้าใจผิด
ก็เพราะเรามีความจริงที่จริงแท้
ซึ่งเป็นสัจธรรมในระดับโลกุตรธรรม
ที่จะกล่าวต่อท่านทั้งหลายไว้ดังนี้

1.ที่เราแย้งว่าเป็นการหลงผิดก็เพราะว่า
แม้สิ่งที่ท่าน "รู้สึกได้" นั้น
มันจะมิใช่การเห็นตัวตนรูปธรรม
หรือแลเห็นนิมิตก็ตาม

แต่ทว่า "ความรู้สึก" ของท่านที่เกิดขึ้นนั้น
ม้นยังเป็นอาการของจิตที่เกิดจากการปรุงแต่ง
มันยังมิใช่สิ่งพิสุทธิ์โปร่งใส
จึงเชื่อถือไม่ได้หรอกว่าสิ่งที่ท่านรู้สึกอยู่นั้น
มันเป็น "สภาวะธรรม" แท้จริง

2.ท่านจะเอา "ความรู้สึก" ของตนเอง
ในขณะนั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนาอยู่
มาเป็นเครื่องชี้วัดตัดสินสิ่งที่รับรู้ว่า
สิ่งนั้นๆเป็นสภาวะธรรมไม่ได้

เพราะความรู้สึก คือ เวทนา
ซึ่งเป็นกิเลสตัวแม่ที่เป็นหนึ่งในขันธ์ 5 นั้น
ท่านจะยอมให้มันดำรงอยู่
เป็นคุณสมบัติของจิตต่อไปอีกไม่ได้เด็ดขาด

เนื่องจากเวทนาหรือกิเลสนี่เอง
ที่มันจะชักพาจิตท่าน
ให้เข้าป่าเข้าพงหลงมายา
จนเกิดเป็นตัณหา เป็นสัญญา
เป็นสังขาร เป็นอารมณ์ และวิญญาณ
ตามลำดับกระบวนการของขันธ์ 5 นั่นแหละ

หน้าที่ของท่านก็คือจะต้อง "ดับ" มัน
มิใช่สั่นสะเทือนเพื่อที่จะใช้มัน

ท่านรู้หรือไม่ว่า
เพราะจิตเกิดเวทนาขึ้นมานี่แหละ
สภาวะสุญญตาของจิตจึงเกิดขึ้นไม่ได้
(โปรดย้อนไปอ่านพระโอวาทที่ผ่านมา
เพื่อทบทวนว่า "จิตสุญญตา" คือยังไง)

3.ท่านจงอย่าไปเชื่อว่า
ขณะปฏิบัติสมาธิภาวนาด้วยการปลีกวิเวก
คือ นั่งหลับตาแล้วภาวนาจิตอยู่คนเดียวนั้น
มันไม่มีอะไรที่จะใช้เพื่อรับรู้สภาวะธรรมได้
นอกเสียจากการใช้ "ความรู้สึก" เท่านั้น

แท้จริงแล้วเครื่องมือของท่าน
ที่จะใช้รับรู้สภาวะธรรมที่ในจิตนั้นมันมีอยู่
มันคือสิ่งที่เรียกกันว่า "จิตตปัญญา" ไงล่ะ
ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเรียกว่า
"ปัญญาญาณ" นั่นเอง

โดยท่านจะสามารถเข้าถึง "ปัญญาญาณ"
อันเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญ
ที่จะใช้แทน "ความรู้สึก"
เพื่อรับรู้สภาวะธรรมได้
ก็ด้วยการยกระดับความฉลาดทางจิตตปัญญา
ที่พวกท่านเรียกกันสั้นๆว่า "ญาณ"
ผ่านปฏิบัติการ "วิปัสสนากรรมฐาน" นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้เอง
การใช้ความรู้สึกรับรู้สภาวะธรรม
อันหมายถึงความจริงที่จริงแท้
ในระดับสากลจักรวาล
ที่เรียกว่าปรมัตถธรรมนั้น
จึงเป็นการหลงผิดอย่างยิ่ง

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-1-2016

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น