วันเสาร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2560

พระโอวาทของพระอาจารย์จี้กง





ตอบคำถาม: Anothai Bunjong‎
ขอ ท่าน อ.ปริญญา เมตตาขยายความ 
บันทึกพระโอวาทของพระอาจารย์จี้กง 
กล่าวว่า ....

Question 1:
ตาเห็นแต่ไม่จำ หูได้ยินแต่ไม่บันทึก 
Answer:
หมายถึง อายตนะที่เป็นตาและหู
เมื่อได้เห็นและได้ฟังสิ่งใดๆ
ตัวอายตนะเองจะไม่บันทึกจดจำสิ่งนั้นไว้
แต่จะทำหน้าที่เพียงถ่ายทอด
สิ่งที่ได้เห็นหรือได้ฟังนั้น
เข้าไปสู่จิตที่อยู่ข้างในจนหมดสิ้น

Question 2:
จิตใจจะตรงไม่งอเป็นเข็มเบ็
Answer:
เมื่อจิตรับข้อมูลที่อายตนะภายนอกส่งมาให้
จิตก็จะสั่นสะเทือนเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ว่า
ข้อมูลที่ส่งเข้ามานั้นอะไรเป็นอะไร
นั่นคือชั้นตอนที่เราเรียกว่า #การรับรู้ นั่นเอง

Question 3:
สัมภาระก็จะเกี่ยวไม่ติด 
สรรพกิจก็จะไม่มีอุปสรรค 
Answer:
ถ้าจิตที่เป็นอายตนะภายใน
เมื่อได้รับข้อมูลใดจากอายตนะภายนอก
ก็จะนำเอาข้อมูลที่ได้รับนั้นมา"เรียนรู้"

โดยไม่เอาข้อมูลที่ได้รับนั้นมาเป็น "เงื่อนไข"
ที่จะทำให้จิตใจของตนสั่นสะเทือน
เกิดเป็นตัณหา ราคะ และเวทนา
มันคือการ #รับรู้แล้วไม่รับเอา นั่นเอง

ถ้าหากท่านทำเช่นนี้ได้
ภารกิจการเรียนรู้โลกของจิตวิญญาณ
ผ่านทางจิตหยาบกับอายตนะของท่าน
มันก็จะไม่มีอุปสรรคเลย

นอกจากนั้น
ถ้าจิตรับรู้แล้วไม่รับเอาข้อมูลนั้นๆมาปรุงแต่ง
เป็นความรู้สึก เป็นความอยาก เป็นอารมณ์
โดยจิตทำหน้าที่เรียนรู้อย่างตรงไปตรงมาได้
การก่อกรรมให้เกิดผลกรรมใดๆ
ที่ตนต้องรับผิดชอบหรือเป็นภาระย่อมไม่มี

เมื่อไม่มีผลกรรมใดๆปรากฏเกิดขึ้น
เพราะจิตมีแต่รับรู้เพื่อเรียนรู้อย่างเดียว
การที่จิตวิญญาณของท่าน
จะไปเกี่ยวกรรมกับใครผู้ใดจึงย่อมไม่มี

นั่นแปลว่า...
จิตของท่านจึงเปรียบเสมือนเข็ม
ที่ไม่งอเป็นตะขอเหมือนเบ็ด
มันจะเกี่ยวอะไรก็ไม่ได้
อะไรจะเข้ามาเกี่ยวติดเบ็ดก็ไม่มี

Question 4:
แล้วเลือดก็จะแปรเปลี่ยนเป็นธรรม 

Answer:
ถ้าในชีวิตประจำวันของท่าน
สามารถเข้าถึงการทำงานร่วมกันของจิต
กับอายตนะทั้งหมดของท่านเพื่อการเรียนรู้โลก
ด้วยวิธี #รับรู้ไม่รับเอา ที่ว่านี้ได้ตลอดชีพ
จิตของท่านก็จะสั่นสะเทือนด้านบวกทางเดียว

การสั่นสะเทือนด้านบวกของจิตท่านนั้น
มันจะส่งผลให้กลไก Corpuscollosum 
ซึ่งมีลักษณะคล้ายฐานรองก้อนสมองสองซีก
เกิดการผลิตสร้างประจุบวกออกมา
เมื่อธารเม็ดเลือดแดงไหลผ่านสมองซีกซ้าย
การเปลี่ยนถ่ายประจุบวก
เข้าสู่เม็ดเลือดแดงก็จะเกิดขึ้นทันที

ถ้าท่านสั่นสะเทือนจิตของท่าน
ให้มีความสุขสนุกสนานกับการเรียนรู้
โดยไม่ตกเป็นทาสของสิ่งเร้าเหล่านั้นได้
เม็ดเลือดแดงที่ไหลเวียนในร่างกายท่าน
ก็จะเป็นเม็ดเลือดแดงบริสุทธิ์ 100%

Question 5:
เหมือนดั่งมนุษย์มีปีกสองข้าง 
เหมือนดั่งธนูที่ยิงขึ้นไปในอากาศ 
Answer:
ถ้าในชีวิตประจำวัน
ท่านสามารถ "รับรู้เพื่อเรียนรู้" ได้ตลอดวัน
โดยไม่มีการรับรู้เพื่อรับเอา
ตามที่เราขยายความไว้ให้แล้วนั้น
ผลกรรมที่จะต้องเกี่ยวกรรมกับใครอื่น
มันก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น

นอกจากนั้นท่านยังจะสามารถ
แก้ไขกรรมเก่าที่ท่านเคยผิดพลาด
ในภพชาติอดีตที่ผ่านมาได้อีกด้วย

ดังนั้น
ดวงจิตธรรมญาณของท่าน
ก็จะมีน้ำหนักมวลลดลงเข้าหา 50 มก.
อันเป็นน้ำหนักเดิมแท้ของท่านเองได้
นั่นจึงเท่ากับว่าแก่นแท้ของท่าน
มีน้ำหนักลดลงคือ "ตัวเบาขึ้น"

เปรียบดั่งท่านมีปีกเหมือนนกที่บินได้
ซึ่งแตกต่างจากมนุษย์คนอื่นๆโดยแท้

นอกจากนั้น
จิตของท่านก็จะมีพลัง
จนสามารถติดต่อสื่อสารกับจักรวาลได้เอง
เมื่อสิ้นอายุขัยเมื่อใด
จิตวิญญาณของท่านก็จักพุ่งผ่านสู่ประตูมิติ
เพื่อการหลุดพ้นได้ดุจธนูพุ่งออกจากแหล่ง

Question 6:
หากจิตเหมือนเข็มเบ็ดตกปลา 
หย่อนลงในทะเลทุกข์
ก็จะเกี่ยวเอาพวกไม้และสวะ
กรรมเวรนั้นติดตามมา 

ถึงแม้จะมีพระเจ้าคอยฉุดลาก 
ก็มิอาจลากขึ้นมาได้

Answer:
ถ้าจิตท่านมีการ "รับรู้แล้วรับเอา" เกิดขึ้น
จิตของท่านก็ไม่ต่างจากเบ็ดตกปลา
หย่อนลงไปตรงไหนก็จะติดสวะติดทุกข์
ซึ่งเป็นดั่งกรรมเวรติดขึ้นมาด้วยเสมอ

แม้ว่าจะมีพระบิดาทรงเมตตา
มีพระบัญชาให้เรามาฉุดช่วยพวกท่าน
ก็จะมิอาจช่วยท่านให้หลุดพ้นได้

ถ้าท่านไม่ใส่ใจในคำสื่อสอนของเรา
ถ้าท่านปฏิเสธพระบิดาไม่ศรัทธาเรา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13-4-2017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น