ตอบคำถาม: คุณทศ ปารมี
Question 2:
การทำบุญ สร้างทาน การกุศลทุกรูปแบบ
จะอฐิษฐานจิตอย่างไร
หลับตา ลืมตา มีผลเหมือนหรือไม่
และจะถึงผู้ที่เราอุทิศให้ถ ูกต้องตรงใจปราถนาไหม?
Answer:
1.การทำบุญสุนทานในมิติแห่ง จิตวิญญาณนั้น
จะต้องกระทำที่จิตจึงจะสัมฤ ทธิผลที่จิตและกาย
หมายความว่า ขณะกระทำบุญกุศลอยู่นั้น
ท่านทั้งหลายจักต้องสั่นสะเ ทือนที่จิตสามนึก
โดยเริ่มจาก "นึกได้" เป็นเบื้องแรก คือ
นึกคิดที่จะทำบุญโดยไม่ต้อง ให้ใครมาชวน
นึกคิดที่จะทำบุญโดยไม่ต้อง มีสิ่งจูงใจ
เช่น ไม่ต้องเอาสวรรค์มาล่อใจให้ อยากทำบุญ
เพราะว่าตนอยากไปสวรรค์ เป็นต้น
ตามด้วย "นึกเอา" คือ นึกว่าจะทำบุญที่ไหน
ทำกับใคร ทำแค่ไหน ทำบุญอย่างไร
ตนจึงสะดวกทำโดยไม่ลำบากลำบ น
ทำแล้วตนจะมีความปิติสุข เป็นต้น
ปิดท้ายด้วย "นึกเอง" คือ นึกให้ได้ว่า
ผู้ที่ได้รับทานจากท่านเขาต ้องดีใจ ชอบใจ
ผลของการทำบุญสุนทานของท่าน
ต้องเป็นผลดีทั้งต่อตนเองแล ะผู้อื่น
ในทุกมิติอย่างแน่นอน
ใครเห็นก็ต้องโมทนาและเอาเย ี่ยงอย่างท่าน
อย่างแน่นอน อะไรเหล่านี้เป็นต้น
2.ผลสำเร็จแห่งการทำบุญสุนท านนั้น
มันจะเกิดที่จิตและกายของท่ านเป็นปฐม
ขณะที่ท่านรู้สึกปิติสุขกับ การกระทำอยู่นั้น
มันจะทำให้จิตของท่านสั่นสะ เทือนด้านบวก
เป็นคลื่นความถี่สูงเท่ากับ ระดับความปิตินั้น
โดยที่มันจะสามารถยกระดับแร งสั่นสะเทือน
ให้สูงขึ้นทางด้านบวกมากกว่ าเดิมได้
ถ้าท่านหมั่นทำบุญสุนทาน
ด้วยจิตสามนึกของท่านเองอยู ่เป็นนิจ
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านร ู้ว่า
แรงสั่นสะเทือนเป็นคลื่นควา มถี่ด้านบวก
จากอาการปิติที่เกิดขึ้นในจ ิตท่านนั้น
พระบิดาจะทรงกำหนดให้คลื่นค วามถี่สูงสุด
ที่จิตของท่านเองสามารถเข้า ถึงได้
ไม่ว่าวันใด เวลาใด กรณีแห่งปิติใดก็ตาม
ให้ถือความถี่นั้นเป็นคุณสม บัติแห่งจิตท่าน
3.การทำบุญสุนทานทั้งทางโลก และทางจิตใจ
ใครสั่นสะเทือนให้เกิดปิติไ ด้
มันย่อมเกิดผลบวกต่อคนๆนั้น อยู่แล้ว
ยังจะต้องอธิษฐานขออะไรกันอ ีกล่ะ
เพราะกรรมดีกรรมชั่ว เป็นของตัวเอง
ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้หรอกท่าน
ขอเพียงแค่ขณะกระทำต้องทำด้ วยจิตสามนึก
ที่เรียกว่าตั้งใจกระทำ มิใช่ทำเว้ยทำวา
และต้องมีปิติยินดีในความดี ที่กระทำนั้นจริงๆ
ท่านจะลืมตาหลับตาทำมันไม่เ กี่ยวอะไรด้วย
ขออย่าหลับหูหลับตาทำบุญก็แ ล้วกัน
ส่วนผู้ที่ท่านทำบุญสุนทานผ ่านตัวตนของเขานั้น
จิตสามนึกของเขาจะสั่นสะเทื อนเหมือนท่านมั้ย
เขาจะปิติยินดีแค่ไหนอย่างไ รก็ให้เป็นเรื่องของเขา
อย่าเอาตัวท่านเข้าไปเกี่ยว ข้อง
แค่ทำดีกับเขาเท่านั้นก็พอ
4.ถ้าท่านสร้างบุญกุศลแล้วจ ิตของท่าน
มันสั่นสะเทือนสูงขึ้นทางด้ านบวกได้เมื่อใด
ดวงจิตธรรมญาณของบิดามารดา
และบุตรหลานของท่าน
ไม่ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่บ นโลกนี้
หรือตกไปอยู่ที่ภพภูมิใดก็ต าม
มันจะเกิดการสั่นสะเทือนตาม จิตท่านทันที
เพราะมันเป็นกระบวนการสื่อส ารทางจิต
ในระบบอัตโนมัติที่พระบิดาท รงติดตั้งไว้ให้
หลักการก็คือ
ผู้ที่มีบุคลิกคล้ายคลึงกัน ทางจิตวิญญาณ
จะสามารถติดต่อกันทางจิตได้ โดยอัตโนมัติ
แม้จิตหยาบในแต่ละคนจะไม่รู ้เรื่องอะไรด้วย
ไม่ว่าใครในกลุ่มของครอบครั วพ่อแม่ลูกหลาน
มีการสั่นสะเทือนทางจิตเกิด ขึ้นทั้งดีและชั่ว
ต่างก็จะถ่ายทอดคลื่นความถี ่ดีชั่ว
ให้แก่กันและกันได้ทุกเวลาเ สมอ
พ่อแม่ทำชั่วเวรกรรมจึงตกถึ งลูกหลานได้
พ่อแม่ก่อแต่กรรมดีลูกหลานก ็พลอยดีตาม
ถ้าลูกเลวจัญไรพ่อแม่ก็จะซว ยไป
ตามความเลวชั่วที่ลูกตัวนั้ นกระทำนั่นแหละ
ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่มากมา ยในทางโลก
เพราะเบื้องหลังมิติโลกนั้น
มันเป็นไปตามที่เรากล่าวมาน ั่นแหละท่าน
ดังนั้น
เมื่อใดที่ท่านสร้างบุญสุนท านก่อการกุศล
จนเกิดมหาปิติที่ในจิตของท่ าน
แรงสั่นสะเทือนของจิตท่านทา งด้านบวก
มันจะไปมีผลต่อจิตวิญญาณพวก เขาทุกคน
ที่จะทำให้จิตวิญญาณของพวกเ ขา
เกิดความกระดี๊กระด๊าตามขึ้ นมาได้
เสมือนเขากำลังก่อกรรมดีด้ว ยตนเองเลย
ดวงจิตธรรมญาณเหล่านั้น
เมื่อรับรู้แรงสั่นสะเทือนท างจิต
ในด้านบวกของท่านแล้ว
พวกเขาก็จะสั่นสะเทือนตาม
แม้จะไม่รู้ว่าอะไรดีๆกำลัง เกิดขึ้นกับเขาอยู่
ใครเป็นผู้ส่งพลังด้านบวกไป ให้ก็ตาม
จิตวิญญาณของเขาก็จะมีพลังเ พิ่มขึ้นทันที
คล้ายแบ็ตเตอรี่ที่ไฟกำลังร ิบหรี่อยู่
เพราะตอนที่เป็นมนุษย์ก่อกร รมดีไว้น้อยนัก
จู่ๆก็ถูกชาร์ทพลังไฟเพิ่มเ ข้าไปให้
ด้วยสายใยสายใจดั่งสายไฟที่ ต่อถึงกัน
อันเป็นที่อัศจรรย์ของท่านท ี่ไม่รู้ว่าไม่รู้นั่นล่ะ
เมื่อรู้ความจริงเยี่ยงนี้แ ล้ว
การสร้างบุญกุศลเพื่อหมายอุ ทิศให้
จิตวิญญาณของบิดามารดาลูกหล านผู้ล่วงลับ
ท่านจะตั้งจิตอุทิศให้อย่าง ที่เคยทำต่อไปก็ได้
แต่ถ้าท่านทำบุญจนเป็นกิจวั ตร
จนไม่รู้จะอธิษฐานจิตเพื่ออ ุทิศบุญกุศลให้ยังไง
หรือว่าท่านลืมไปมิได้แผ่มิ ได้แบ่งมิได้อุทิศให้
ผลบุญบาปที่ท่านทำมันส่งผลถ ึงกันอยู่แล้ว
มิได้เรี่ยราดตกหล่นไปทางใด
5.ส่วนการอุทิศบุญกุศลด้วยจ ิตนั้น
คนที่ถนัดกรรมฐานก็นิยมหลับ ตา
เพราะจิตเป็นสมถะเกิดพลังฌา ณขึ้นมาได้
จากการฝึกฝนด้วยวิธีปิดอายต นะ
แต่ถ้าท่านฝึกธรรมชาติสมาธิ
ด้วยการครองมหาสติโดยไม่ปิด อายตนะ
ขณะดำเนินชีวิตประจำวันในสั งคม
ตามมรรควิถีแห่งจิตจักรวาล
พลังจิตของท่านก็จักเกิดได้ ในทุกขณะจิต
เพราะสภาวะจิตของท่าน
มีความสงบเป็นปัจจุบันขณะอย ู่ทุกเวลาแล้ว
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
7-4-2017
Question 2:
การทำบุญ สร้างทาน การกุศลทุกรูปแบบ
จะอฐิษฐานจิตอย่างไร
หลับตา ลืมตา มีผลเหมือนหรือไม่
และจะถึงผู้ที่เราอุทิศให้ถ
Answer:
1.การทำบุญสุนทานในมิติแห่ง
จะต้องกระทำที่จิตจึงจะสัมฤ
หมายความว่า ขณะกระทำบุญกุศลอยู่นั้น
ท่านทั้งหลายจักต้องสั่นสะเ
โดยเริ่มจาก "นึกได้" เป็นเบื้องแรก คือ
นึกคิดที่จะทำบุญโดยไม่ต้อง
นึกคิดที่จะทำบุญโดยไม่ต้อง
เช่น ไม่ต้องเอาสวรรค์มาล่อใจให้
เพราะว่าตนอยากไปสวรรค์ เป็นต้น
ตามด้วย "นึกเอา" คือ นึกว่าจะทำบุญที่ไหน
ทำกับใคร ทำแค่ไหน ทำบุญอย่างไร
ตนจึงสะดวกทำโดยไม่ลำบากลำบ
ทำแล้วตนจะมีความปิติสุข เป็นต้น
ปิดท้ายด้วย "นึกเอง" คือ นึกให้ได้ว่า
ผู้ที่ได้รับทานจากท่านเขาต
ผลของการทำบุญสุนทานของท่าน
ต้องเป็นผลดีทั้งต่อตนเองแล
ในทุกมิติอย่างแน่นอน
ใครเห็นก็ต้องโมทนาและเอาเย
อย่างแน่นอน อะไรเหล่านี้เป็นต้น
2.ผลสำเร็จแห่งการทำบุญสุนท
มันจะเกิดที่จิตและกายของท่
ขณะที่ท่านรู้สึกปิติสุขกับ
มันจะทำให้จิตของท่านสั่นสะ
เป็นคลื่นความถี่สูงเท่ากับ
โดยที่มันจะสามารถยกระดับแร
ให้สูงขึ้นทางด้านบวกมากกว่
ถ้าท่านหมั่นทำบุญสุนทาน
ด้วยจิตสามนึกของท่านเองอยู
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านร
แรงสั่นสะเทือนเป็นคลื่นควา
จากอาการปิติที่เกิดขึ้นในจ
พระบิดาจะทรงกำหนดให้คลื่นค
ที่จิตของท่านเองสามารถเข้า
ไม่ว่าวันใด เวลาใด กรณีแห่งปิติใดก็ตาม
ให้ถือความถี่นั้นเป็นคุณสม
3.การทำบุญสุนทานทั้งทางโลก
ใครสั่นสะเทือนให้เกิดปิติไ
มันย่อมเกิดผลบวกต่อคนๆนั้น
ยังจะต้องอธิษฐานขออะไรกันอ
เพราะกรรมดีกรรมชั่ว เป็นของตัวเอง
ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้หรอกท่าน
ขอเพียงแค่ขณะกระทำต้องทำด้
ที่เรียกว่าตั้งใจกระทำ มิใช่ทำเว้ยทำวา
และต้องมีปิติยินดีในความดี
ท่านจะลืมตาหลับตาทำมันไม่เ
ขออย่าหลับหูหลับตาทำบุญก็แ
ส่วนผู้ที่ท่านทำบุญสุนทานผ
จิตสามนึกของเขาจะสั่นสะเทื
เขาจะปิติยินดีแค่ไหนอย่างไ
อย่าเอาตัวท่านเข้าไปเกี่ยว
แค่ทำดีกับเขาเท่านั้นก็พอ
4.ถ้าท่านสร้างบุญกุศลแล้วจ
มันสั่นสะเทือนสูงขึ้นทางด้
ดวงจิตธรรมญาณของบิดามารดา
และบุตรหลานของท่าน
ไม่ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่บ
หรือตกไปอยู่ที่ภพภูมิใดก็ต
มันจะเกิดการสั่นสะเทือนตาม
เพราะมันเป็นกระบวนการสื่อส
ในระบบอัตโนมัติที่พระบิดาท
หลักการก็คือ
ผู้ที่มีบุคลิกคล้ายคลึงกัน
จะสามารถติดต่อกันทางจิตได้
แม้จิตหยาบในแต่ละคนจะไม่รู
ไม่ว่าใครในกลุ่มของครอบครั
มีการสั่นสะเทือนทางจิตเกิด
ต่างก็จะถ่ายทอดคลื่นความถี
ให้แก่กันและกันได้ทุกเวลาเ
พ่อแม่ทำชั่วเวรกรรมจึงตกถึ
พ่อแม่ก่อแต่กรรมดีลูกหลานก
ถ้าลูกเลวจัญไรพ่อแม่ก็จะซว
ตามความเลวชั่วที่ลูกตัวนั้
ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่มากมา
เพราะเบื้องหลังมิติโลกนั้น
มันเป็นไปตามที่เรากล่าวมาน
ดังนั้น
เมื่อใดที่ท่านสร้างบุญสุนท
จนเกิดมหาปิติที่ในจิตของท่
แรงสั่นสะเทือนของจิตท่านทา
มันจะไปมีผลต่อจิตวิญญาณพวก
ที่จะทำให้จิตวิญญาณของพวกเ
เกิดความกระดี๊กระด๊าตามขึ้
เสมือนเขากำลังก่อกรรมดีด้ว
ดวงจิตธรรมญาณเหล่านั้น
เมื่อรับรู้แรงสั่นสะเทือนท
ในด้านบวกของท่านแล้ว
พวกเขาก็จะสั่นสะเทือนตาม
แม้จะไม่รู้ว่าอะไรดีๆกำลัง
ใครเป็นผู้ส่งพลังด้านบวกไป
จิตวิญญาณของเขาก็จะมีพลังเ
คล้ายแบ็ตเตอรี่ที่ไฟกำลังร
เพราะตอนที่เป็นมนุษย์ก่อกร
จู่ๆก็ถูกชาร์ทพลังไฟเพิ่มเ
ด้วยสายใยสายใจดั่งสายไฟที่
อันเป็นที่อัศจรรย์ของท่านท
เมื่อรู้ความจริงเยี่ยงนี้แ
การสร้างบุญกุศลเพื่อหมายอุ
จิตวิญญาณของบิดามารดาลูกหล
ท่านจะตั้งจิตอุทิศให้อย่าง
แต่ถ้าท่านทำบุญจนเป็นกิจวั
จนไม่รู้จะอธิษฐานจิตเพื่ออ
หรือว่าท่านลืมไปมิได้แผ่มิ
ผลบุญบาปที่ท่านทำมันส่งผลถ
มิได้เรี่ยราดตกหล่นไปทางใด
5.ส่วนการอุทิศบุญกุศลด้วยจ
คนที่ถนัดกรรมฐานก็นิยมหลับ
เพราะจิตเป็นสมถะเกิดพลังฌา
จากการฝึกฝนด้วยวิธีปิดอายต
แต่ถ้าท่านฝึกธรรมชาติสมาธิ
ด้วยการครองมหาสติโดยไม่ปิด
ขณะดำเนินชีวิตประจำวันในสั
ตามมรรควิถีแห่งจิตจักรวาล
พลังจิตของท่านก็จักเกิดได้
เพราะสภาวะจิตของท่าน
มีความสงบเป็นปัจจุบันขณะอย
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
7-4-2017
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"
จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น