วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

การทำบุญ จะอฐิษฐานจิตอย่างไร






ตอบคำถาม: คุณทศ ปารมี

Question 2:
การทำบุญ สร้างทาน การกุศลทุกรูปแบบ 
จะอฐิษฐานจิตอย่างไร 
หลับตา ลืมตา มีผลเหมือนหรือไม่
และจะถึงผู้ที่เราอุทิศให้ถูกต้องตรงใจปราถนาไหม?

Answer:
1.การทำบุญสุนทานในมิติแห่งจิตวิญญาณนั้น
จะต้องกระทำที่จิตจึงจะสัมฤทธิผลที่จิตและกาย
หมายความว่า ขณะกระทำบุญกุศลอยู่นั้น
ท่านทั้งหลายจักต้องสั่นสะเทือนที่จิตสามนึก

โดยเริ่มจาก "นึกได้" เป็นเบื้องแรก คือ 
นึกคิดที่จะทำบุญโดยไม่ต้องให้ใครมาชวน
นึกคิดที่จะทำบุญโดยไม่ต้องมีสิ่งจูงใจ
เช่น ไม่ต้องเอาสวรรค์มาล่อใจให้อยากทำบุญ
เพราะว่าตนอยากไปสวรรค์ เป็นต้น

ตามด้วย "นึกเอา" คือ นึกว่าจะทำบุญที่ไหน
ทำกับใคร ทำแค่ไหน ทำบุญอย่างไร 
ตนจึงสะดวกทำโดยไม่ลำบากลำบ
ทำแล้วตนจะมีความปิติสุข เป็นต้น

ปิดท้ายด้วย "นึกเอง" คือ นึกให้ได้ว่า
ผู้ที่ได้รับทานจากท่านเขาต้องดีใจ ชอบใจ
ผลของการทำบุญสุนทานของท่าน
ต้องเป็นผลดีทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
ในทุกมิติอย่างแน่นอน

ใครเห็นก็ต้องโมทนาและเอาเยี่ยงอย่างท่าน
อย่างแน่นอน อะไรเหล่านี้เป็นต้น

2.ผลสำเร็จแห่งการทำบุญสุนทานนั้น
มันจะเกิดที่จิตและกายของท่านเป็นปฐม

ขณะที่ท่านรู้สึกปิติสุขกับการกระทำอยู่นั้น
มันจะทำให้จิตของท่านสั่นสะเทือนด้านบวก
เป็นคลื่นความถี่สูงเท่ากับระดับความปิตินั้น
โดยที่มันจะสามารถยกระดับแรงสั่นสะเทือน
ให้สูงขึ้นทางด้านบวกมากกว่าเดิมได้
ถ้าท่านหมั่นทำบุญสุนทาน
ด้วยจิตสามนึกของท่านเองอยู่เป็นนิจ

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
แรงสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ด้านบวก
จากอาการปิติที่เกิดขึ้นในจิตท่านนั้น
พระบิดาจะทรงกำหนดให้คลื่นความถี่สูงสุด
ที่จิตของท่านเองสามารถเข้าถึงได้
ไม่ว่าวันใด เวลาใด กรณีแห่งปิติใดก็ตาม
ให้ถือความถี่นั้นเป็นคุณสมบัติแห่งจิตท่าน

3.การทำบุญสุนทานทั้งทางโลกและทางจิตใจ
ใครสั่นสะเทือนให้เกิดปิติได้
มันย่อมเกิดผลบวกต่อคนๆนั้นอยู่แล้ว
ยังจะต้องอธิษฐานขออะไรกันอีกล่ะ

เพราะกรรมดีกรรมชั่ว เป็นของตัวเอง
ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้หรอกท่าน

ขอเพียงแค่ขณะกระทำต้องทำด้วยจิตสามนึก
ที่เรียกว่าตั้งใจกระทำ มิใช่ทำเว้ยทำวา
และต้องมีปิติยินดีในความดีที่กระทำนั้นจริงๆ
ท่านจะลืมตาหลับตาทำมันไม่เกี่ยวอะไรด้วย
ขออย่าหลับหูหลับตาทำบุญก็แล้วกัน

ส่วนผู้ที่ท่านทำบุญสุนทานผ่านตัวตนของเขานั้น
จิตสามนึกของเขาจะสั่นสะเทือนเหมือนท่านมั้ย
เขาจะปิติยินดีแค่ไหนอย่างไรก็ให้เป็นเรื่องของเขา
อย่าเอาตัวท่านเข้าไปเกี่ยวข้อง
แค่ทำดีกับเขาเท่านั้นก็พอ

4.ถ้าท่านสร้างบุญกุศลแล้วจิตของท่าน
มันสั่นสะเทือนสูงขึ้นทางด้านบวกได้เมื่อใด

ดวงจิตธรรมญาณของบิดามารดา
และบุตรหลานของท่าน
ไม่ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้
หรือตกไปอยู่ที่ภพภูมิใดก็ตาม
มันจะเกิดการสั่นสะเทือนตามจิตท่านทันที
เพราะมันเป็นกระบวนการสื่อสารทางจิต
ในระบบอัตโนมัติที่พระบิดาทรงติดตั้งไว้ให้

หลักการก็คือ
ผู้ที่มีบุคลิกคล้ายคลึงกันทางจิตวิญญาณ
จะสามารถติดต่อกันทางจิตได้โดยอัตโนมัติ
แม้จิตหยาบในแต่ละคนจะไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
ไม่ว่าใครในกลุ่มของครอบครัวพ่อแม่ลูกหลาน
มีการสั่นสะเทือนทางจิตเกิดขึ้นทั้งดีและชั่ว
ต่างก็จะถ่ายทอดคลื่นความถี่ดีชั่ว
ให้แก่กันและกันได้ทุกเวลาเสมอ

พ่อแม่ทำชั่วเวรกรรมจึงตกถึงลูกหลานได้
พ่อแม่ก่อแต่กรรมดีลูกหลานก็พลอยดีตาม
ถ้าลูกเลวจัญไรพ่อแม่ก็จะซวยไป
ตามความเลวชั่วที่ลูกตัวนั้นกระทำนั่นแหละ
ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่มากมายในทางโลก
เพราะเบื้องหลังมิติโลกนั้น
มันเป็นไปตามที่เรากล่าวมานั่นแหละท่าน

ดังนั้น
เมื่อใดที่ท่านสร้างบุญสุนทานก่อการกุศล
จนเกิดมหาปิติที่ในจิตของท่าน
แรงสั่นสะเทือนของจิตท่านทางด้านบวก
มันจะไปมีผลต่อจิตวิญญาณพวกเขาทุกคน
ที่จะทำให้จิตวิญญาณของพวกเขา
เกิดความกระดี๊กระด๊าตามขึ้นมาได้
เสมือนเขากำลังก่อกรรมดีด้วยตนเองเลย

ดวงจิตธรรมญาณเหล่านั้น
เมื่อรับรู้แรงสั่นสะเทือนทางจิต
ในด้านบวกของท่านแล้ว
พวกเขาก็จะสั่นสะเทือนตาม

แม้จะไม่รู้ว่าอะไรดีๆกำลังเกิดขึ้นกับเขาอยู่
ใครเป็นผู้ส่งพลังด้านบวกไปให้ก็ตาม
จิตวิญญาณของเขาก็จะมีพลังเพิ่มขึ้นทันที
คล้ายแบ็ตเตอรี่ที่ไฟกำลังริบหรี่อยู่
เพราะตอนที่เป็นมนุษย์ก่อกรรมดีไว้น้อยนัก
จู่ๆก็ถูกชาร์ทพลังไฟเพิ่มเข้าไปให้
ด้วยสายใยสายใจดั่งสายไฟที่ต่อถึงกัน
อันเป็นที่อัศจรรย์ของท่านที่ไม่รู้ว่าไม่รู้นั่นล่ะ

เมื่อรู้ความจริงเยี่ยงนี้แล้ว
การสร้างบุญกุศลเพื่อหมายอุทิศให้
จิตวิญญาณของบิดามารดาลูกหลานผู้ล่วงลับ
ท่านจะตั้งจิตอุทิศให้อย่างที่เคยทำต่อไปก็ได้

แต่ถ้าท่านทำบุญจนเป็นกิจวัตร
จนไม่รู้จะอธิษฐานจิตเพื่ออุทิศบุญกุศลให้ยังไง
หรือว่าท่านลืมไปมิได้แผ่มิได้แบ่งมิได้อุทิศให้
ผลบุญบาปที่ท่านทำมันส่งผลถึงกันอยู่แล้ว
มิได้เรี่ยราดตกหล่นไปทางใด

5.ส่วนการอุทิศบุญกุศลด้วยจิตนั้น
คนที่ถนัดกรรมฐานก็นิยมหลับตา
เพราะจิตเป็นสมถะเกิดพลังฌาณขึ้นมาได้
จากการฝึกฝนด้วยวิธีปิดอายตนะ

แต่ถ้าท่านฝึกธรรมชาติสมาธิ
ด้วยการครองมหาสติโดยไม่ปิดอายตนะ
ขณะดำเนินชีวิตประจำวันในสังคม
ตามมรรควิถีแห่งจิตจักรวาล
พลังจิตของท่านก็จักเกิดได้ในทุกขณะจิต
เพราะสภาวะจิตของท่าน
มีความสงบเป็นปัจจุบันขณะอยู่ทุกเวลาแล้ว

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
7-4-2017


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น