#สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท ั้งหลายว่า
ธรรมะที่ท่านทั้งหลายต่างศึ กษาเรียนรู้กันนั้น
ล้วนเป็น "ความจริง" ที่เรียกว่าสัจธรรมทั้งสิ้น
สัจธรรม มีอยู่ 3 ระดับ คือ
1.โลกียธรรม
2.โลกุตรธรรม
3.อนุตรธรรม
ในบทนี้....
เราจะกล่าวถึงโลกียธรรม
อันเป็นสัจธรรมเบื้องต้นก่อ น
#โลกียธรรม
เป็นความจริงขั้นพื้นฐาน
ที่ทุกท่านสามารถเรียนรู้ด้ วยตนเองได้
โดยท่านจักต้องหมั่นเพียรเร ียนรู้
เพื่อให้ได้รู้ว่า "อะไรเป็นอะไร"
เพื่อสร้างความเก่ง ความฉลาด
และความเป็นผู้รอบรู้ให้ตนเ อง
ให้มากที่สุดเท่าที่ท่านจะเ ข้าถึงได้
จนตลอดชั่วชีวิตนี้เลย
โดยท่านต้องใช้กลไกอายตนะทั ้ง 6
ทำงานร่วมกันกับ "จิต"
และสติปัญญาของสมองซีกซ้าย
เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในก ารเรียนรู้
กล่าวคือ...
ท่านจักต้องมีความสามารถในก าร
เลือกสัมผัสรู้ดูเห็นทุกสรร พสิ่งทุกเรื่องราว
แล้วนำมาวิเคราะห์แยกแยะ
เพื่อให้ได้รู้ว่าอะไรเป็นอ ะไร
คำว่า "อะไรเป็นอะไร" หมายถึงรู้ว่า
ความรู้ที่เป็นความจริงที่ต นรับรู้อยู่นั้น
มันคืออะไร มันเป็นเช่นไร มันคืออย่างไร
เมื่อได้รู้และเข้าใจความจร ิงนั้นแล้ว
ก็นำเอาความรู้ที่เป็นจริงน ั้นมาแยกแยะ
ด้วยวิธี #Chick #Model ของ "ปริญญา"
ซึ่งเป็นวิธีที่ได้จากบุคลิ กของไก่นั่นเอง
เพื่อค้นหาองค์ความรู้ที่ท่ านควรรู้ให้พบ
โดยคัดเขี่ยเอาความรู้จากปร ะสบการณ์นั้น
ที่รู้แล้วก็ไม่เกิดประโยชน ์อะไรทิ้งไป
ไก่จะทำการคัดเขี่ยกรวดหินด ินทรายทิ้งไป
เพื่อจะค้นหาเมล็ดธัญพืชและ อาหาร
ซึ่งจะขยันคุ้ยเขี่ยไปเรื่อ ยๆจนกว่าจะพบ
โดยที่ไก่จักต้องหูไวตาไวฉล าดแยกแยะ
โลกียธรรมก็เปรียบได้ดั่งอา หารของไก่
ซึ่งท่านจะค้นพบได้ก็ต้องฉล าดแยกแยะ
ออกมาจากความจริงที่อยู่แวด ล้อมตัวท่าน
ในทุกประสบการณ์และทุกสถานก ารณ์
โดยท่านต้องมองทุกสิ่งไปตาม ความจริง
ต้องมองหาที่มาที่ไปของสิ่ง นั้นให้พบ
ต้องมองให้เห็นทั้งต้นสายไป จนถึงปลายเหตุ
ต้องมองให้ชัดเจนในรายละเอี ยด
ต้องมองด้วยหัวใจที่เป็นกลา ง
คือ ไม่มองอย่างลำเอียงไปตามอาร มณ์รู้สึก
และความเชื่อของตัวเองเด็ดข าด
การเรียนรู้ในแบบบทที่ว่ามา นั้น
เป็นการเรียนรู้เพื่อค้นหาค วามจริงว่า
อะไรเป็นอะไรและเป็นอย่างไร
อะไรเป็นบาปบุญคุณโทษ
อะไรถูกต้องเหมาะสมดีงาม
อะไรไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมไม ่ดีงาม
แล้วเก็บจำความรู้นั้นไว้ใช ้ในชีวิตจริง
เช่น การมองเห็นคนเดินตากฝน
ในขณะที่ฝนกำลังตกแล้วเปียก ปอน
นี่ก็คือ "ข้อมูล" ที่ได้จากการใช้ตามอง
ร่วมกับการใช้จิตปัญญาของสม องซีกซ้าย
จนสามารถรู้ความจริงว่า "เห็นอะไร"
แล้วจากนั้นก็พิจารณาด้วยปั ญญาต่อไปว่า
ที่ตนเห็นอยู่นั้นเป็นพฤติก รรมที่
ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่อย่าง ไร
เพื่อจดจำไว้เป็นแบบอย่างต่ อไป
ดังนั้น
ความรู้ทั้งหลายที่สัมผัสรู ้ดูเห็นมาได้
ด้วยกลไกอายตนะกับจิตตปัญญา เบื้องต้น
เป็นความจริงในระดับโลกียะท ั้งสิ้น
โดยความรู้เหล่านี้ทุกคนต้อ งเรียนรู้
ไม่เรียนรู้ไม่ได้
เพราะเหตุว่า
สัจธรรมขั้นสูงกว่า คือ โลกุตรธรรมนั้น
มนุษย์จะต้องเรียนรู้จากโลก ียธรรมเท่านั้น
อันเป็นการต่อยอดองค์ความรู ้
ในลักษณะของการเจียระไนโลกี ยธรรม
ให้มีหลายเหลี่ยมมุมนั่นเอง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-10-2017
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท
ธรรมะที่ท่านทั้งหลายต่างศึ
ล้วนเป็น "ความจริง" ที่เรียกว่าสัจธรรมทั้งสิ้น
สัจธรรม มีอยู่ 3 ระดับ คือ
1.โลกียธรรม
2.โลกุตรธรรม
3.อนุตรธรรม
ในบทนี้....
เราจะกล่าวถึงโลกียธรรม
อันเป็นสัจธรรมเบื้องต้นก่อ
#โลกียธรรม
เป็นความจริงขั้นพื้นฐาน
ที่ทุกท่านสามารถเรียนรู้ด้
โดยท่านจักต้องหมั่นเพียรเร
เพื่อให้ได้รู้ว่า "อะไรเป็นอะไร"
เพื่อสร้างความเก่ง ความฉลาด
และความเป็นผู้รอบรู้ให้ตนเ
ให้มากที่สุดเท่าที่ท่านจะเ
จนตลอดชั่วชีวิตนี้เลย
โดยท่านต้องใช้กลไกอายตนะทั
ทำงานร่วมกันกับ "จิต"
และสติปัญญาของสมองซีกซ้าย
เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในก
กล่าวคือ...
ท่านจักต้องมีความสามารถในก
เลือกสัมผัสรู้ดูเห็นทุกสรร
แล้วนำมาวิเคราะห์แยกแยะ
เพื่อให้ได้รู้ว่าอะไรเป็นอ
คำว่า "อะไรเป็นอะไร" หมายถึงรู้ว่า
ความรู้ที่เป็นความจริงที่ต
มันคืออะไร มันเป็นเช่นไร มันคืออย่างไร
เมื่อได้รู้และเข้าใจความจร
ก็นำเอาความรู้ที่เป็นจริงน
ด้วยวิธี #Chick #Model ของ "ปริญญา"
ซึ่งเป็นวิธีที่ได้จากบุคลิ
เพื่อค้นหาองค์ความรู้ที่ท่
โดยคัดเขี่ยเอาความรู้จากปร
ที่รู้แล้วก็ไม่เกิดประโยชน
ไก่จะทำการคัดเขี่ยกรวดหินด
เพื่อจะค้นหาเมล็ดธัญพืชและ
ซึ่งจะขยันคุ้ยเขี่ยไปเรื่อ
โดยที่ไก่จักต้องหูไวตาไวฉล
โลกียธรรมก็เปรียบได้ดั่งอา
ซึ่งท่านจะค้นพบได้ก็ต้องฉล
ออกมาจากความจริงที่อยู่แวด
ในทุกประสบการณ์และทุกสถานก
โดยท่านต้องมองทุกสิ่งไปตาม
ต้องมองหาที่มาที่ไปของสิ่ง
ต้องมองให้เห็นทั้งต้นสายไป
ต้องมองให้ชัดเจนในรายละเอี
ต้องมองด้วยหัวใจที่เป็นกลา
คือ ไม่มองอย่างลำเอียงไปตามอาร
และความเชื่อของตัวเองเด็ดข
การเรียนรู้ในแบบบทที่ว่ามา
เป็นการเรียนรู้เพื่อค้นหาค
อะไรเป็นอะไรและเป็นอย่างไร
อะไรเป็นบาปบุญคุณโทษ
อะไรถูกต้องเหมาะสมดีงาม
อะไรไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมไม
แล้วเก็บจำความรู้นั้นไว้ใช
เช่น การมองเห็นคนเดินตากฝน
ในขณะที่ฝนกำลังตกแล้วเปียก
นี่ก็คือ "ข้อมูล" ที่ได้จากการใช้ตามอง
ร่วมกับการใช้จิตปัญญาของสม
จนสามารถรู้ความจริงว่า "เห็นอะไร"
แล้วจากนั้นก็พิจารณาด้วยปั
ที่ตนเห็นอยู่นั้นเป็นพฤติก
ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่อย่าง
เพื่อจดจำไว้เป็นแบบอย่างต่
ดังนั้น
ความรู้ทั้งหลายที่สัมผัสรู
ด้วยกลไกอายตนะกับจิตตปัญญา
เป็นความจริงในระดับโลกียะท
โดยความรู้เหล่านี้ทุกคนต้อ
ไม่เรียนรู้ไม่ได้
เพราะเหตุว่า
สัจธรรมขั้นสูงกว่า คือ โลกุตรธรรมนั้น
มนุษย์จะต้องเรียนรู้จากโลก
อันเป็นการต่อยอดองค์ความรู
ในลักษณะของการเจียระไนโลกี
ให้มีหลายเหลี่ยมมุมนั่นเอง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-10-2017
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"
จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น