#สนทนาประสาจิตจักรวาล
(ทบทวนบทเรียน)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้ง หลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านท ั้งหลายว่า
1.คำว่า #สมาธิ นั้นสำหรับพระนักบวช
เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้อ งหมั่นฝึกฝน
เพราะจิตที่เป็นสมาธิเท่านั ้น
ที่มันจะช่วยให้พระหรือนักบ วช
สามารถจดจ่ออยู่กับปฏิบัติก ารฝึกจิต
ในระดับต้น คือ #สมถะกรรมฐาน
อย่างต่อเนื่องยาวนานได้
2.นอกจากนั้นพระหรือนักบวช
ยังต้องอาศัยจิตที่สงบเป็นส มาธิอีกเช่นกัน
เพื่อปฏิบัติการทางเท็คนิกใ นระดับปลาย
คือ #วิปัสสนากรรมฐาน
อย่างต่อเนื่องยาวนานได้
3.การปฏิบัติสมถะกรรมฐานของ พระนักบวช
เป็นการฝึกฝนพัฒนาจิตให้มีพ ลังอำนาจ
ในระดับที่สามารถควบคุมจิตต นเองได้
ถ้าสามารถควบคุมมันได้มากเท ่าไหร่
ก็จะมีพลังอำนาจทางจิตสูงมา กเท่านั้น
ระดับพลังอำนาจของจิตเรียกว ่า #ฌาน
พระนักบวชจะใช้อำนาจพลังจิต ที่ฝึกได้นี้
ไปใช้เป็นเครื่องมือสร้างกร ะบวนการทางปัญญา
เพื่อการขบคิดด้วยกลไกสมองต ่อไป
ถ้าหากจิตไร้พลังคือไม่เป็น สมถะ
พระก็เข้าถึงพลังอำนาจทางปั ญญาไม่ได้
ดังนั้น
ผู้ที่สามารถเข้าถึงระดับ "ฌาน" สูงได้
จึงจะเข้าถึงระดับพลังอำนาจ ทางปัญญาได้
โดยระดับพลังอำนาจทางปัญญา
อันเกิดจากการฝึกทักษะทางเท ็คนิก
ที่เรียกว่า "วิปัสนากรรมฐาน" นั้น
เรียกขานกันว่า #ญาณ นั่นเอง
4.การปฏิบัติกรรมฐานสมาธิทั ้ง 2 ระดับ
เป็นเพียงปฏิบัติการทางเท็ค นิก
เพื่อให้เข้าถึงอำนาจทางจิต ตปัญญาได้เท่านั้น
เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะเข ้าถึงได้
เนื่องจากพระนักบวชทั้งหลาย ปลีกวิเวก
ครองสมถะอยู่กับตนเองแต่เพี ยงลำพัง
ทำให้การยกระดับจิตกับปัญญา ของพระ
จึงต้องฝึกฝนกันด้วยตนเอง
การฝึกฝนด้วยตนเองแต่เพียงล ำพังนี่แหละ
เป็นที่มาของคำว่า #กรรมฐาน
แต่สำหรับฆราวาสผู้ครองเรือ นนั้น
การพัฒนาความเข้มแข็งของจิต
กับการยกระดับความฉลาดทางปั ญญานั้น
ไม่จำเป็นต้องนั่งหลับตาผ่า นกรรมฐานเลย
เพราะมีเพื่อนมนุษย์แวดล้อม ในสังคม
จะเรียงรายกันมาหยิบยื่นเงื ่อนไขหลากหลาย
ให้แต่ละคนได้เผชิญได้ฝึกฝน กันทุกวัน
ด้วยการสร้างปัญหาทางอารมณ์ ให้
เพื่อให้ฝึกฝนการใช้ความอดท น
อดกลั้น และการให้อภัย
ฝึกฝนจิตใจให้มีเมตตา กรุณา มุทิตา
จนถึงขั้นเป็นอุเบกขาต่อสิ่ งเร้าทั้งปวงเลย
ด้วยการหยิบยื่นปัญหาน้อยให ญ่มาให้
เพื่อให้ท่านได้สั่นสะเทือน ทางปัญญา
เพื่อการคิดพิจารณาหาทางแก้ ไขปัญหานั้นๆ
ให้สำเร็จลุล่วง
บททดสอบจิตกับปัญญาจากปัญหา รายวัน
เป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมอย่ างยิ่ง
ในการพัฒนาจิตตปัญญาของพวกท ่านแต่ละคน
คนที่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา
คนที่ไม่เกลียดกลัวปัญหา
คนที่ไม่ใช้อารมณ์นำปัญญา
จะเป็นผู้ที่ประสบความก้าวห น้า
ในการพัฒนาจิตปัญญาได้อย่าง ดียิ่ง
เพียงแค่เป็นคนเอาสังคม
เพียงแค่ไม่เป็นคนชอบโดดเดี ่ยว
ปฏิบัติการทางเท็คนิกแบบพระ นักบวชใช้
ฆราวาสก็ไม่จำเป็นต้องหยิบย ืมมาใช้เลย
เพราะท่านสามารถใช้วิธีธรรม ชาติ
ยกระดับพลังจิตฟิตพลังปัญญา ของสมอง
ด้วยการลืมตาทำหน้าที่ของตน ให้ดีที่สุด
ก็ถึงเป้าหมายกันได้แล้ว
5.การปฏิบัติกรรมฐานสมาธิเล ียนแบบพระ
สำหรับหมู่ฆราวาสทั้งหลายนั ้น
มีประโยชน์ที่จะปฏิบัติอยู่ อย่างหนึ่งก็คือ
เป็นวิธีที่จะช่วยให้จิตมนุ ษย์ของท่าน
มันได้พักผ่อนเสียบ้างเมื่อ อ่อนล้ามากแล้ว
6.ที่ท่านทั้งหลายเห็นว่า
มีแต่พระนักบวชเท่านั้นที่เ น้นกรรมฐานสมาธิ
โดยในศาสนาอื่นไม่มีการสอนจ ริงจังนั้น
เราขอกล่าวความจริงให้รู้ว่ า
ศาสนาอื่นศาสดาพระองค์อื่นๆ นั้น
ทรงแนะเน้นให้มนุษย์ทั้งหลา ย
ไม่แยกตนเองออกจากสังคม
หรือไม่ปลีกวิเวกเพื่อถือสั นโดด
โดยให้ปฏิบัติธรรมกันในชีวิ ตประจำวัน
ทุกท่านจึงสามารถฝึกทักษะด้ านจิตปัญญา
โดยอาศัยการผลัดกันยื่นบททด สอบ
ผลัดกันมอบบทเรียนโลกให้แก่ กันและกัน
ในทุกชีวิตประจำวันตามกาลโอ กาสได้
โดยไม่จำเป็นต้องกระทำที่ตน เอง
ด้วยการฝึกคิดเอง ถามเอง ตอบเอง
เพื่อให้ฉลาดขึ้นในแบบ "กรรมฐาน"
แต่อย่างใดต่างหากล่ะ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
(ทบทวนบทเรียน)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้ง
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านท
1.คำว่า #สมาธิ นั้นสำหรับพระนักบวช
เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้อ
เพราะจิตที่เป็นสมาธิเท่านั
ที่มันจะช่วยให้พระหรือนักบ
สามารถจดจ่ออยู่กับปฏิบัติก
ในระดับต้น คือ #สมถะกรรมฐาน
อย่างต่อเนื่องยาวนานได้
2.นอกจากนั้นพระหรือนักบวช
ยังต้องอาศัยจิตที่สงบเป็นส
เพื่อปฏิบัติการทางเท็คนิกใ
คือ #วิปัสสนากรรมฐาน
อย่างต่อเนื่องยาวนานได้
3.การปฏิบัติสมถะกรรมฐานของ
เป็นการฝึกฝนพัฒนาจิตให้มีพ
ในระดับที่สามารถควบคุมจิตต
ถ้าสามารถควบคุมมันได้มากเท
ก็จะมีพลังอำนาจทางจิตสูงมา
ระดับพลังอำนาจของจิตเรียกว
พระนักบวชจะใช้อำนาจพลังจิต
ไปใช้เป็นเครื่องมือสร้างกร
เพื่อการขบคิดด้วยกลไกสมองต
ถ้าหากจิตไร้พลังคือไม่เป็น
พระก็เข้าถึงพลังอำนาจทางปั
ดังนั้น
ผู้ที่สามารถเข้าถึงระดับ "ฌาน" สูงได้
จึงจะเข้าถึงระดับพลังอำนาจ
โดยระดับพลังอำนาจทางปัญญา
อันเกิดจากการฝึกทักษะทางเท
ที่เรียกว่า "วิปัสนากรรมฐาน" นั้น
เรียกขานกันว่า #ญาณ นั่นเอง
4.การปฏิบัติกรรมฐานสมาธิทั
เป็นเพียงปฏิบัติการทางเท็ค
เพื่อให้เข้าถึงอำนาจทางจิต
เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะเข
เนื่องจากพระนักบวชทั้งหลาย
ครองสมถะอยู่กับตนเองแต่เพี
ทำให้การยกระดับจิตกับปัญญา
จึงต้องฝึกฝนกันด้วยตนเอง
การฝึกฝนด้วยตนเองแต่เพียงล
เป็นที่มาของคำว่า #กรรมฐาน
แต่สำหรับฆราวาสผู้ครองเรือ
การพัฒนาความเข้มแข็งของจิต
กับการยกระดับความฉลาดทางปั
ไม่จำเป็นต้องนั่งหลับตาผ่า
เพราะมีเพื่อนมนุษย์แวดล้อม
จะเรียงรายกันมาหยิบยื่นเงื
ให้แต่ละคนได้เผชิญได้ฝึกฝน
ด้วยการสร้างปัญหาทางอารมณ์
เพื่อให้ฝึกฝนการใช้ความอดท
อดกลั้น และการให้อภัย
ฝึกฝนจิตใจให้มีเมตตา กรุณา มุทิตา
จนถึงขั้นเป็นอุเบกขาต่อสิ่
ด้วยการหยิบยื่นปัญหาน้อยให
เพื่อให้ท่านได้สั่นสะเทือน
เพื่อการคิดพิจารณาหาทางแก้
ให้สำเร็จลุล่วง
บททดสอบจิตกับปัญญาจากปัญหา
เป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมอย่
ในการพัฒนาจิตตปัญญาของพวกท
คนที่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา
คนที่ไม่เกลียดกลัวปัญหา
คนที่ไม่ใช้อารมณ์นำปัญญา
จะเป็นผู้ที่ประสบความก้าวห
ในการพัฒนาจิตปัญญาได้อย่าง
เพียงแค่เป็นคนเอาสังคม
เพียงแค่ไม่เป็นคนชอบโดดเดี
ปฏิบัติการทางเท็คนิกแบบพระ
ฆราวาสก็ไม่จำเป็นต้องหยิบย
เพราะท่านสามารถใช้วิธีธรรม
ยกระดับพลังจิตฟิตพลังปัญญา
ด้วยการลืมตาทำหน้าที่ของตน
ก็ถึงเป้าหมายกันได้แล้ว
5.การปฏิบัติกรรมฐานสมาธิเล
สำหรับหมู่ฆราวาสทั้งหลายนั
มีประโยชน์ที่จะปฏิบัติอยู่
เป็นวิธีที่จะช่วยให้จิตมนุ
มันได้พักผ่อนเสียบ้างเมื่อ
6.ที่ท่านทั้งหลายเห็นว่า
มีแต่พระนักบวชเท่านั้นที่เ
โดยในศาสนาอื่นไม่มีการสอนจ
เราขอกล่าวความจริงให้รู้ว่
ศาสนาอื่นศาสดาพระองค์อื่นๆ
ทรงแนะเน้นให้มนุษย์ทั้งหลา
ไม่แยกตนเองออกจากสังคม
หรือไม่ปลีกวิเวกเพื่อถือสั
โดยให้ปฏิบัติธรรมกันในชีวิ
ทุกท่านจึงสามารถฝึกทักษะด้
โดยอาศัยการผลัดกันยื่นบททด
ผลัดกันมอบบทเรียนโลกให้แก่
ในทุกชีวิตประจำวันตามกาลโอ
โดยไม่จำเป็นต้องกระทำที่ตน
ด้วยการฝึกคิดเอง ถามเอง ตอบเอง
เพื่อให้ฉลาดขึ้นในแบบ "กรรมฐาน"
แต่อย่างใดต่างหากล่ะ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"
จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น