#สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหล าย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท ั้งหลายว่า
มนุษย์ส่วนใหญ่
ชอบโทษผู้อื่นที่ทำร้ายตน
แต่ไม่เคยโทษตนเอง
ที่เป็นเหตุให้เขาทำร้ายเลย
มนุษย์ส่วนใหญ่
ไม่ยอมเรียนรู้ว่าทำไมเขาจึ งทำร้ายตน
ไม่ยอมเรียนรู้ว่าเขาทำร้าย ตนได้อย่างไร
เพื่อจะได้รู้วิธีป้องกันตน เองไว้
มิให้ถูกทำร้ายอีกในครั้งต่ อๆไป
แต่กลับเสียเวลาให้กับการก่ อกรรมใหม่
ด้วยการคิดหาหนทางทำร้ายเขา กลับคืน
ซึ่งเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ร ้าย
แทนการใช้ความรักกับปัญญา
จัดการปัญหาระหว่างกันและกั น
เพื่อรักษาสัมพันธ์ระหว่างก ันเอาไว้
จึงทำให้ความเลวของทั้งสองฝ ่าย
ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
ทั้งยังไม่ทำให้ใครฉลาดขึ้น มาได้
เพราะการเรียนรู้กันเลยสักน ิดเดียว
จิตมนุษย์จึงไม่ใสใจมิอาจสว ยขึ้นมาได้
เพราะต่างคนต่างฝ่ายขาดมหาส ติ
จิตใจจึงถูกไฟโทสะเผาสุมรุม เร้า
จึงคิดแต่จะหนามยอกต้องเอาห นามบ่ง
คิดนึกอย่างอื่นไม่เป็นเห็น ธรรมไม่ได้
แม้จะปฏิบัติบำเพ็ญธรรมมานา น
ก็นำพาจิตวิญญาณไปถึงแดนสุญ ตามิได้
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เมื่อท่านจะออกจากบ้านไปทำธ ุระข้างนอก
ถ้ารู้ว่าฝนจะตกท่านยังรู้จ ักพกพาร่มไปด้วย
เพราะท่านไม่ต้องการเปียกฝน ใช่หรือไม่
แต่ถ้าท่านไม่ต้องการเปียกฝ น
ท่านก็คงจะต้องเก็บตัวอยู่ก ับบ้าน
ส่วนเรื่องธุระนั้นก็เก็บเอ าไว้ก่อน
มันจึงไม่ต่างจากการออกไปใช ้ชีวิตในสังคม
ซึ่งมีผู้คนทั้งดีและร้ายปะ ปนกันอยู่มากมาย
เมื่ออยู่ในสังคมย่อมพบเจอท ั้งคนดีที่เราชอบ
และต้องพบเจอคนไม่ดีที่เราไ ม่ชอบด้วย
ดังนั้น
เมื่ออยู่ในสังคมท่านจึงต้อ งมีสติระวังตน
เพราะท่านรู้ดีว่าต้องพบเจอ คนชั่วแน่ๆ
ไม่ต่างจากการถือร่มไว้กันฝ น
เมื่อท่านต้องออกนอกบ้าน
เพราะท่านรู้ดีว่าฝนจะต้องต กแน่ๆ
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
เมื่อท่านมีปัญหากับใครหรือ สิ่งใดก็ตาม
มันมีสองทางเลือกให้ท่านทำ
หนึ่ง เลือกทำที่ตัวเอง
เพื่อให้ปัญหานั้นลุล่วง
สอง เลือกทำที่คนอื่นสิ่งอื่น
เพื่อให้ปัญหานั้นลุล่วง
ตรึกตรองเถิดว่า
ถ้าทุกปัญหาจะสิ้นสุดยุติได ้
ควรจะจัดการแก้ไขที่ใครง่าย กว่ากัน
ระหว่างตัวท่านเองกับคนอื่น ๆ
ด้วยเหตุนี้เอง
ท่านจึงเลือกจัดการที่ตนเอง
ด้วยการพกพาร่มออกจากบ้านไป ด้วย
แทนที่จะไปจัดการห้ามฝนมิให ้ตก
เพราะท่านรู้ดีว่ามันเป็นไป ไม่ได้
มันจึงไม่ต่างอะไรกันกับการ ใช้ชีวิตในสังคม
ที่ท่านจักต้องจัดการแก้ไขป ้องกันที่ตนเอง
โดยครองสติเอาไว้ให้มั่นคงต ลอดเวลา
เมื่อได้เผชิญหน้ากันกับคนช ั่ว
ก็จักไม่พลาดท่าเสียทีถูกทำ ร้ายง่ายนัก
ซึ่งท่านไม่เลือกใช้วิธีไปเ ที่ยวบังคับคนชั่ว
มิให้มายั่วยุทำร้ายท่าน
เพราะมันมิใช่เรื่องง่ายดาย เลย
ดังนั้น
เมื่อใดที่ท่านตกเป็นฝ่ายถู กก้าวล่วงทำร้าย
ท่านจึงไม่ควรติโทษคนอื่นอย ู่ฝ่ายเดียว
เพราะตัวท่านเองซึ่งมีหน้าท ี่ปกป้องระวังตน
ก็บกพร่องจนเปิดช่องให้เขาท ำร้ายเอาได้
หากท่านยอมรับสัจธรรมความจร ิงนี้ได้
จิตใจของท่านก็จักใสสวยสงบเ ย็นทันที
ความอาฆาตพยาบาทก็จะไม่บังเ กิด
ให้ต้องเสียเวลาทำใจเพื่อให ้อภัยในภายหลัง
ซึ่งแค้นฝังใจมันมิอาจถอนแค ้นกันได้ง่ายนัก
มนุษย์ส่วนใหญ่พยายามแก้ไขป ัญหา
ด้วยการพยายามจะจัดการที่คน อื่นตลอดมา
แต่ทั้งชีวิตก็ยังเต็มไปด้ว ยปัญหา
เพราะว่าไม่เคยจัดการใครได้ สำเร็จเลยสักราย
มนุษย์ส่วนใหญ่เหล่านี้
จึงต้องเลือกใช้วิธีบำเพ็ญธ รรม
ด้วยการนำพาตนเองขึ้นเขาเข้ าป่า
เพื่อแสวงหาวิธีดับทุกข์แบบ แปลกๆ
วิธีที่มักนิยมใช้เป็นเครื่ องมือดับทุกข์กัน
คือการฝึกเท็คนิกสมาธิแบบ "ไม้ทับหญ้า"
ด้วยการใช้จิตข่มจิตเอาไว้ม ิให้พลุ่งพล่าน
เพื่อสัมผัสถึงอาการเบาสบาย เมื่อจิตสงบ
ซึ่งเป็นการพบความสุขสงบแค่ ชั่วคราว
เมื่อออกจากสมาธิไปใช้ชีวิต ปกติในสังคม
แรงอาฆาตพยาบาทก็ยังคงอยู่
นิสัยการดำเนินชีวิตแบบเข้า ข้างตัวก็ยังอยู่
เพราะมัวแต่ไปนั่งสมาธิอย่า งคร่ำเคร่ง
แต่ยังมิได้จัดการแก้ไขที่จ ิตใจตนเองเลย
พอมีคนชั่วคนใหม่มายั่วยุยี ยวนกวนใจอีก
พลันก็ปรี๊ดแตก! สติแตก! อยู่ซ้ำซาก
เนื่องจากแก้ปัญหาไม่ถูกจุด
เพราะหนทางดับทุกข์ใจจากไฟพ ยาบาทนั้น
แท้จริงแล้วต้องหยิบปัญญามา ดับมัน
มิใช่เอาอะไรมากลบๆไฟนั้นไว ้
เพราะเชื้อไฟนั้นมันยังอยู่
มันพร้อมจะลุกพรึบขึ้นมาใหม ่ได้เสมอ
หากถูกยั่วยุยียวนเหมือนถูก ราดด้วยน้ำมัน
มรรควิถีจิตจักรวาล
จึงเน้นให้ท่านปฏิบัติธรรมช าติสมาธิ
ด้วยการครองมหาสติในชีวิตปร ะจำวัน
และช่วยติดอาวุธทางปัญญาให้ ท่าน
เพื่อสามารถหยิบปัญญามาดับท ุกข์ได้
เพราะเรามั่นใจว่า
ความฉลาดทางปัญญาเท่านั้น
ที่จะช่วยท่านดับการเกิดดับ ได้อย่างสิ้นเชิง
ลองเปลี่ยนแปลงวิธีคิด
ลดละทิฐิของท่านลงเสียบ้าง
วิถีชีวิตของท่านทั้งหลายจะ เปลี่ยนไป
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
30-09-2017
พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหล
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท
มนุษย์ส่วนใหญ่
ชอบโทษผู้อื่นที่ทำร้ายตน
แต่ไม่เคยโทษตนเอง
ที่เป็นเหตุให้เขาทำร้ายเลย
มนุษย์ส่วนใหญ่
ไม่ยอมเรียนรู้ว่าทำไมเขาจึ
ไม่ยอมเรียนรู้ว่าเขาทำร้าย
เพื่อจะได้รู้วิธีป้องกันตน
มิให้ถูกทำร้ายอีกในครั้งต่
แต่กลับเสียเวลาให้กับการก่
ด้วยการคิดหาหนทางทำร้ายเขา
ซึ่งเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ร
แทนการใช้ความรักกับปัญญา
จัดการปัญหาระหว่างกันและกั
เพื่อรักษาสัมพันธ์ระหว่างก
จึงทำให้ความเลวของทั้งสองฝ
ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย
ทั้งยังไม่ทำให้ใครฉลาดขึ้น
เพราะการเรียนรู้กันเลยสักน
จิตมนุษย์จึงไม่ใสใจมิอาจสว
เพราะต่างคนต่างฝ่ายขาดมหาส
จิตใจจึงถูกไฟโทสะเผาสุมรุม
จึงคิดแต่จะหนามยอกต้องเอาห
คิดนึกอย่างอื่นไม่เป็นเห็น
แม้จะปฏิบัติบำเพ็ญธรรมมานา
ก็นำพาจิตวิญญาณไปถึงแดนสุญ
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เมื่อท่านจะออกจากบ้านไปทำธ
ถ้ารู้ว่าฝนจะตกท่านยังรู้จ
เพราะท่านไม่ต้องการเปียกฝน
แต่ถ้าท่านไม่ต้องการเปียกฝ
ท่านก็คงจะต้องเก็บตัวอยู่ก
ส่วนเรื่องธุระนั้นก็เก็บเอ
มันจึงไม่ต่างจากการออกไปใช
ซึ่งมีผู้คนทั้งดีและร้ายปะ
เมื่ออยู่ในสังคมย่อมพบเจอท
และต้องพบเจอคนไม่ดีที่เราไ
ดังนั้น
เมื่ออยู่ในสังคมท่านจึงต้อ
เพราะท่านรู้ดีว่าต้องพบเจอ
ไม่ต่างจากการถือร่มไว้กันฝ
เมื่อท่านต้องออกนอกบ้าน
เพราะท่านรู้ดีว่าฝนจะต้องต
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
เมื่อท่านมีปัญหากับใครหรือ
มันมีสองทางเลือกให้ท่านทำ
หนึ่ง เลือกทำที่ตัวเอง
เพื่อให้ปัญหานั้นลุล่วง
สอง เลือกทำที่คนอื่นสิ่งอื่น
เพื่อให้ปัญหานั้นลุล่วง
ตรึกตรองเถิดว่า
ถ้าทุกปัญหาจะสิ้นสุดยุติได
ควรจะจัดการแก้ไขที่ใครง่าย
ระหว่างตัวท่านเองกับคนอื่น
ด้วยเหตุนี้เอง
ท่านจึงเลือกจัดการที่ตนเอง
ด้วยการพกพาร่มออกจากบ้านไป
แทนที่จะไปจัดการห้ามฝนมิให
เพราะท่านรู้ดีว่ามันเป็นไป
มันจึงไม่ต่างอะไรกันกับการ
ที่ท่านจักต้องจัดการแก้ไขป
โดยครองสติเอาไว้ให้มั่นคงต
เมื่อได้เผชิญหน้ากันกับคนช
ก็จักไม่พลาดท่าเสียทีถูกทำ
ซึ่งท่านไม่เลือกใช้วิธีไปเ
มิให้มายั่วยุทำร้ายท่าน
เพราะมันมิใช่เรื่องง่ายดาย
ดังนั้น
เมื่อใดที่ท่านตกเป็นฝ่ายถู
ท่านจึงไม่ควรติโทษคนอื่นอย
เพราะตัวท่านเองซึ่งมีหน้าท
ก็บกพร่องจนเปิดช่องให้เขาท
หากท่านยอมรับสัจธรรมความจร
จิตใจของท่านก็จักใสสวยสงบเ
ความอาฆาตพยาบาทก็จะไม่บังเ
ให้ต้องเสียเวลาทำใจเพื่อให
ซึ่งแค้นฝังใจมันมิอาจถอนแค
มนุษย์ส่วนใหญ่พยายามแก้ไขป
ด้วยการพยายามจะจัดการที่คน
แต่ทั้งชีวิตก็ยังเต็มไปด้ว
เพราะว่าไม่เคยจัดการใครได้
มนุษย์ส่วนใหญ่เหล่านี้
จึงต้องเลือกใช้วิธีบำเพ็ญธ
ด้วยการนำพาตนเองขึ้นเขาเข้
เพื่อแสวงหาวิธีดับทุกข์แบบ
วิธีที่มักนิยมใช้เป็นเครื่
คือการฝึกเท็คนิกสมาธิแบบ "ไม้ทับหญ้า"
ด้วยการใช้จิตข่มจิตเอาไว้ม
เพื่อสัมผัสถึงอาการเบาสบาย
ซึ่งเป็นการพบความสุขสงบแค่
เมื่อออกจากสมาธิไปใช้ชีวิต
แรงอาฆาตพยาบาทก็ยังคงอยู่
นิสัยการดำเนินชีวิตแบบเข้า
เพราะมัวแต่ไปนั่งสมาธิอย่า
แต่ยังมิได้จัดการแก้ไขที่จ
พอมีคนชั่วคนใหม่มายั่วยุยี
พลันก็ปรี๊ดแตก! สติแตก! อยู่ซ้ำซาก
เนื่องจากแก้ปัญหาไม่ถูกจุด
เพราะหนทางดับทุกข์ใจจากไฟพ
แท้จริงแล้วต้องหยิบปัญญามา
มิใช่เอาอะไรมากลบๆไฟนั้นไว
เพราะเชื้อไฟนั้นมันยังอยู่
มันพร้อมจะลุกพรึบขึ้นมาใหม
หากถูกยั่วยุยียวนเหมือนถูก
มรรควิถีจิตจักรวาล
จึงเน้นให้ท่านปฏิบัติธรรมช
ด้วยการครองมหาสติในชีวิตปร
และช่วยติดอาวุธทางปัญญาให้
เพื่อสามารถหยิบปัญญามาดับท
เพราะเรามั่นใจว่า
ความฉลาดทางปัญญาเท่านั้น
ที่จะช่วยท่านดับการเกิดดับ
ลองเปลี่ยนแปลงวิธีคิด
ลดละทิฐิของท่านลงเสียบ้าง
วิถีชีวิตของท่านทั้งหลายจะ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
30-09-2017
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"
จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น