วันพุธที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จุดเริ่มต้น ของทุกสรรพสิ่ง





พี่ๆน้องๆที่ ♥ แห่งเราทั้งหลาย
ถ้าท่านโยนหินหนึ่งก้อนลงไปในสระน้ำ
ท่านจะพบว่าจุดที่หินกระทบน้ำนั้น
จะเกิดคลื่นน้ำเป็นรูปวงกลม
กระจายตัวออกมาภายนอกเป็นวงกว้าง
กระจายออกมาเป็นระลอกๆอย่างต่อเนื่อง
ทั้งๆที่ก่อนหน้าจะมีหินตกกระทบน้ำนั้น
พื้นน้ำในสระจะสงบนิ่งผิวน้ำจะราบเรียบ
เราจึงสามารถกล่าวได้ว่า
เมื่อพื้นน้ำในสระที่เคยราบเรียบ
ถูกทำให้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น
ณ จุดที่หินตกกระทบนั้น
ก็จะก่อให้เกิด #ระลอกคลื่น ปรากฏออกมา
ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้น
จึงเป็นผลลัพธ์หรือผลกรรมที่เกิดจาก
การสั่นสะเทือนตรงจุดที่หินกระทบน้ำนั่น
ระลอกคลื่นจึงเป็นสิ่งที่ "เกิดใหม่"
จากการสร้างใหม่
ดังนั้น
#ระลอกคลื่น จึงเป็น #ผลผลิต จากการสร้างใหม่
โดยมี #ก้อนหิน ที่กล่าวนี้เป็น #ผู้สร้าง
ผู้สร้างก็มี #พื้นน้ำ" อันเรียบสงบเป็น #ที่สร้าง
ด้วยเหตุนี้เอง
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
#ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลอันไพศาลนี้
ล้วนเป็นผลผลิตอันเกิดจากการสร้างใหม่
ที่มี #องค์จิตจักรวาล ทรงเป็น #พระผู้สร้าง
โดยสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมาใหม่
ก็คือทุกสรรพสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน
ซึ่งในที่นี้หมายรวมถึงท่านทั้งหลาย
ที่เป็นทั้งกายสังขารและจิตวิญญาณด้วย
การที่สรรพสิ่งที่ท่านเห็นรายรอบตัวท่าน
อันเกิดจากการสร้างใหม่ของ #พระผู้สร้าง
กลับเป็นแต่ของแข็ง ของเหลว ของไหลนั้น
สิ่งเหล่านี้เป็นเงามายารูปลักษณ์ภายนอก
แต่สิ่งใหม่แท้จริงในรูปของ "คลื่นพลังงาน"
ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมาใหม่นั้น
จะเร้นตนเองเป็นแก่นแท้อยู่ข้างใน
ดังนั้น
พระผู้สร้างจึงทรงเป็นพระผู้ให้กำเนิด
หมายถึงทรงเป็นพระผู้ทำให้เกิด
นั่นคือทรงเป็น #พระบิดา ของสรรพสิ่ง
ในมิติทางพลังงานนั่นเอง
เพราะเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
มีสองตาเนื้อของกายหยาบ
ถูกสร้างขึ้นให้มองเห็นแต่สิ่งหยาบๆ
ไม่อาจมองเห็นรูปธรรมทางพลังงาน
ที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของสรรพสิ่งนั้นๆได้
พระองค์จึงทรงกำหนดสร้างให้บางสรรพสิ่ง
มีเปลือกนอกเป็นมวลหยาบๆห่อหุ้มแก่นแท้ไว้
เพื่อให้บุตรมนุษย์ของพระองค์
สามารถแลเห็นตัวตนที่เป็นมายาภายนอกได้
จักได้รู้ทันทีว่าตัวตนแก่นแท้ที่เป็นพลังงาน
เร้นตนเองอยู่ข้างในมายาที่เห็นนั้น
คือแก่นแท้ที่เป็นพลังงานที่มีอยู่จริงๆ
ส่วนสถานที่สร้างสรรพสิ่งใหม่ๆของพระองค์
ก็คือ #สนามพลังงานแห่งจักรวาล
ซึ่งท่านทั้งหลายเรียกกันว่า #เอกภพ นี่แหละ
ด้วยเหตุนี้เอง
ตั้งแต่อดีตกาลที่ผ่านมา
ใครๆจึงถวายพระเกียรติแก่พระผู้สร้างว่า
#พระเจ้า และ #พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
แต่สำหรับยุคแห่งเรานี้เราจักถวายพระเกียรติ
โดยเทอดพระนามพระองค์ว่า #จิตจักรวาล
เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้เริ่มต้น
แห่งการถือกำเนิดเกิดขึ้นของทุกสรรพสิ่ง
ภายในจักรวาลอันไพศาลนี้
ในพระฐานะแห่ง #ผู้สร้าง
พระองค์จึงทรงเป็น #จิตแห่งจักรวาล
คือจิตที่เป็นศูนย์กลางของการสั่นสะเทือน
ในการอุบัติขึ้นของทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้
นี่คือที่มาแห่งพระนามว่า #จิตจักรวาล โดยแท้
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
7-06-2017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น