#ตอบคำถาม
คุณAnothai Bunjong
Question:
ถ้ามนุษย์ทุกคนล้วนมีพันธะส
แต่ทำไมตอนบรรลุผล
จึงมีทั้งพุทธะ อริยะ ปราชญ์เมธี มากมาย
แท้จริงแล้วการลุล่วงพันธะส
คือการบรรลุอะไรค่ะ?
จุดสิ้นสุดโดยสมบูรณ์อยู่ที
ขออาจารย์ช่วยเปิดปัญญา...ด
กราบขอบพระคุณค่ะ
Answer:
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท
1."พันธะสัญญา 6" เป็นข้อผูกพันซึ่ง
ดวงจิตวิญญาณแก่นแท้ของมนุษ
ได้ให้เป็นสัจจะไว้กับองค์จ
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิ
ผู้อนุญาตให้จิตวิญญาณทั้งห
เดินทางข้ามมิติเข้ามาเกิดเ
บนดาวโลกเสรีดวงนี้
โดยให้สัญญาต่อพระองค์ว่า
ตนจะเข้ามาทำหน้าที่ทั้ง 6 ประการ
ในบทบาทแห่งการเป็นมนุษย์
ซึ่งเป็นคน 2 มิติ
ให้สำเร็จลุล่วงให้จงได้
ภายใน 6 หมื่นปีโลก
ก่อนจบสิ้นยุคพลังงานเก่า
โดยจะไม่เหลวไหล ละเลย หรือหลงลืม
2.ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดที่ได้รั
สามารถบรรลุภารกิจตามพันธะส
ภายในเงื่อนเวลาไม่เกิน 6 หมื่นปีที่กำหนดไว้
แก่นแท้ของท่านผู้นั้นก็จัก
กลับสู่บ้านเกิดทางจิตวิญญา
เพราะว่า "หมดภาระหน้าที่" ของตนแล้วได้ทันที
ดังนั้น
การลุล่วงพันธะสัญญา 6 อย่างแท้จริง
ที่ื่ท่านถามเราว่า คือ การบรรลุอะไร
คำตอบที่ถูกต้องก็คือ
ท่านจักต้องปฏิบัติตามสัจจะ
ที่ให้ไว้ต่อพระบิดาให้เป็น
โดยไม่มีข้อแม้หรือเงื่อนไข
ซึ่งก็มีทางให้ท่านเลือกเดิ
#เส้นทางนักรบแห่งแสงสว่าง
อันเป็นเส้นทางของนักบวช นักพรต
กับผู้ทรงศีลทั้งหลายเส้นทา
กับอีกทางเลือกหนึ่ง คือ
#เส้นทางนักสู้เพื่อการรู้แ
อันเป็นเส้นทางของชาวบ้านหร
ซึ่งเป็นผู้ครองเรือนทั้งหล
โดยไม่ว่าท่านจะเลือกเดินใน
มรรคผลสุดท้ายที่แท้จริงก็ค
จะต้องบรรลุผลในพันธะสัญญา 6 กันทั้งสิ้น
3.ท่านจักต้องรู้ว่า
การบรรลุในพันธะสัญญา 6 ที่ว่านี้
เป็นการทำหน้าที่ในมิติแห่ง
เป็นการทำหน้าที่ในด้านของแ
โดยจิตหยาบจักต้องรับผิดชอบ
ให้ครบถ้วน สมบูรณ์ มิให้ขาดตกบกพร่อง
ซึ่งตัวชี้วัดความสำเร็จของ
ต่อภารกิจในพันธะสัญญา6 นี้ก็คือ
3.1 พวกท่านช่วยให้ดาวโลกดวงนี้
สามารถเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง
ด้วยอัตราเร็วของการเหวี่ยง
เพื่อสร้างสมดุลของระบบตนเอ
เพราะพลังจิตด้านบวกของพวกท
เป็นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กบร
ที่ท่านช่วยกันผลิตออกมามอบ
จากการปฏิบัติตามพันธะสัญญา
ถ้าในสัปดาห์เดียวกัน
ระยะเวลาของกลางวันกับกลางค
บางวันมืดช้า บางวันมืดเร็ว
บางวันร้อนมาก บางวันร้อนน้อยกว่า
บางวันวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ใจสั่น
หรือเกิดอาการเครียดทางประส
โดยไม่ทราบสาเหตุ
อาการเหล่านี้เป็นตัวชี้วัด
แกนหมุนของโลกแกว่งหรือส่าย
เพราะพลังการบิดตัวของแกนแม
เกิดอาการไม่คงที่เพราะมีแร
3.2 พวกท่านช่วยให้ดาวโลกดวงนี้
มีขั้วเหนือใต้ของเข็มทิศแม
เพราะพลังจิตด้านบวกของพวกท
ซึ่งเป็นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล
ที่ท่านช่วยกันผลิตออกมาให้
มันจะช่วยให้ #โครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
มีความสมดุลหรือคงที่ได้ตลอ
แต่ถ้าพวกท่านล้มเหลวในพันธ
ก็จะมีปรากฏการณ์ "นกหลงฟ้า-ปลาหลงน้ำ"
ปรากฏเป็นข่าวให้ท่านได้ยิน
เพราะทั้งฝูงนกฝูงปลาจะเกิด
ที่เห็นบ่อยที่สุด คือ ฝูงปลาโลมา-วาฬ
จะพากันมาเกยหาดตื้นๆตายอย่
ขณะที่ฝูงนก ฝูงผึ้ง มันก็จะพากันกลับรังไม่ถูก
ทั้งนี้เป็นเพราะว่า
เส้นแรงสนามแม่เหล็กโลกเกิด
จึงยังผลให้ "เข็มทิศแม่เหล็ก" หรือ #ดิจิตัลลิส
ซึ่งติดตั้งอยู่ที่สมองของน
มีการทำงานผิดพลาดเกิดขึ้น
เพราะเกิดอาการสับสนงุนงงจึ
3.3 พวกท่านช่วยให้ดาวโลกดวงนี้
สามารถผลิตก๊าซออกซิเจน
ออกมาจากโรงงานภายในแกนโลก
อย่างเพียงพอกับความต้องการ
ถ้าพวกท่านล้มเหลวในพันธะสั
มันก็จะมีปรากฏการณ์อีกอย่า
นั่นคือปรากฏการณ์ที่ "นกตกลงมาตาย"
และ ฝูงปลานับหมื่นๆตัวในทะเล
จะพากันลอยมาเกยหาดตื้นๆตาย
ด้วยเหตุผลเดียวกันก็คือ
พวกเขา "ขาดอากาศหายใจ" เฉียบพลัน!!!
4.ความรู้ใหม่สำหรับท่านทั้
จึงเป็น "คำตอบ" ในข้อที่ท่านถามเราว่า
"การลุล่วงพันธะสัญญา 6 อย่างแท้จริงนั้น
คือการบรรลุอะไรค่ะ?"
ซึ่งแท้แล้วเป็นการทำหน้าที
ทางจิตวิญญาณของมนุษย์
เพื่อให้มีผลปรากฏสูงสุด
ในมิติทางกายภาพของระบบโลกน
5.ดังนั้น
การเข้าถึงความเป็นพุทธะ อริยะ
หรือ ปราชญเมธีตามที่ท่านกล่าวนำ
มันจึงมิได้หมายความว่า "วิญญูชน" เหล่านี้
เป็นผู้บรรลุมรรคผลสูงสุดได
แต่สภานภาพทั้ง 3 แบบดังกล่าว
มันเป็นเพียงแค่สิ่งสมมติที
วิญญูชนที่มีความสามารถในกา
ซึ่งมีความพิเศษกว่าปุถุชนท
สถานภาพเหล่านี้มันมิได้เป็
พวกเขา "บรรลุมรรคผล" หลุดพ้นนิพพาน
อย่างที่ท่านคิดเข้าใจกันแต
เพียงแต่พวกเขากำลังอยู่ในเ
"หยิบปัญญามานิพพาน" กันเท่านั้น
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมต
ประทานคำตอบเหล่านี้แก่ลูกเ
เอเมน สาธุ
21-3-2017
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"
จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น