วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560

พุทธะ อริยะ ปราชญ์เมธี







#ตอบคำถาม
คุณAnothai Bunjong

Question:
ถ้ามนุษย์ทุกคนล้วนมีพันธะสัญญา 6 มาดั้งเดิม 
แต่ทำไมตอนบรรลุผล 
จึงมีทั้งพุทธะ อริยะ ปราชญ์เมธี มากมาย 
แท้จริงแล้วการลุล่วงพันธะสัญญา 6 อย่างแท้จริง 
คือการบรรลุอะไรค่ะ?

จุดสิ้นสุดโดยสมบูรณ์อยู่ที่ไหน? 

ขออาจารย์ช่วยเปิดปัญญา...ด้วยค่ะ...
กราบขอบพระคุณค่ะ

Answer:

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

1."พันธะสัญญา 6" เป็นข้อผูกพันซึ่ง
ดวงจิตวิญญาณแก่นแท้ของมนุษย์ทุกคน
ได้ให้เป็นสัจจะไว้กับองค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ผู้อนุญาตให้จิตวิญญาณทั้งหลาย
เดินทางข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
บนดาวโลกเสรีดวงนี้

โดยให้สัญญาต่อพระองค์ว่า
ตนจะเข้ามาทำหน้าที่ทั้ง 6 ประการ
ในบทบาทแห่งการเป็นมนุษย์
ซึ่งเป็นคน 2 มิติ
ให้สำเร็จลุล่วงให้จงได้
ภายใน 6 หมื่นปีโลก
ก่อนจบสิ้นยุคพลังงานเก่า
โดยจะไม่เหลวไหล ละเลย หรือหลงลืม

2.ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดที่ได้รับโอกาสให้มาเกิด
สามารถบรรลุภารกิจตามพันธะสัญญา 6 นี้ได้
ภายในเงื่อนเวลาไม่เกิน 6 หมื่นปีที่กำหนดไว้
แก่นแท้ของท่านผู้นั้นก็จักสามารถ "ย้อนคืน" 
กลับสู่บ้านเกิดทางจิตวิญญาณที่ตนจากมา
เพราะว่า "หมดภาระหน้าที่" ของตนแล้วได้ทันที

ดังนั้น
การลุล่วงพันธะสัญญา 6 อย่างแท้จริง
ที่ื่ท่านถามเราว่า คือ การบรรลุอะไร
คำตอบที่ถูกต้องก็คือ

ท่านจักต้องปฏิบัติตามสัจจะทั้ง 6 ข้อ
ที่ให้ไว้ต่อพระบิดาให้เป็นผลสำเร็จให้จงได้
โดยไม่มีข้อแม้หรือเงื่อนไขเป็นอย่างอื่น

ซึ่งก็มีทางให้ท่านเลือกเดิน 2 ทาง คือ
#เส้นทางนักรบแห่งแสงสว่าง
อันเป็นเส้นทางของนักบวช นักพรต
กับผู้ทรงศีลทั้งหลายเส้นทางหนึ่ง

กับอีกทางเลือกหนึ่ง คือ
#เส้นทางนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
อันเป็นเส้นทางของชาวบ้านหรือฆราวาส
ซึ่งเป็นผู้ครองเรือนทั้งหลาย

โดยไม่ว่าท่านจะเลือกเดินในเส้นทางใด
มรรคผลสุดท้ายที่แท้จริงก็คือ
จะต้องบรรลุผลในพันธะสัญญา 6 กันทั้งสิ้น

3.ท่านจักต้องรู้ว่า
การบรรลุในพันธะสัญญา 6 ที่ว่านี้
เป็นการทำหน้าที่ในมิติแห่งจิตวิญญาณ
เป็นการทำหน้าที่ในด้านของแก่นแท้
โดยจิตหยาบจักต้องรับผิดชอบปฏิบัติ
ให้ครบถ้วน สมบูรณ์ มิให้ขาดตกบกพร่อง

ซึ่งตัวชี้วัดความสำเร็จของมนุษย์โลก
ต่อภารกิจในพันธะสัญญา6 นี้ก็คือ

3.1 พวกท่านช่วยให้ดาวโลกดวงนี้
สามารถเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ด้วยอัตราเร็วของการเหวี่ยงหมุนคงที่
เพื่อสร้างสมดุลของระบบตนเองได้หรือไม่

เพราะพลังจิตด้านบวกของพวกท่าน
เป็นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กบริสุทธิ์
ที่ท่านช่วยกันผลิตออกมามอบให้โลกทุกนาที
จากการปฏิบัติตามพันธะสัญญาทั้ง 6 นั่นเอง

ถ้าในสัปดาห์เดียวกัน
ระยะเวลาของกลางวันกับกลางคืนไม่เท่ากัน
บางวันมืดช้า บางวันมืดเร็ว
บางวันร้อนมาก บางวันร้อนน้อยกว่า

บางวันวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ใจสั่น
หรือเกิดอาการเครียดทางประสาท
โดยไม่ทราบสาเหตุ

อาการเหล่านี้เป็นตัวชี้วัดว่า
แกนหมุนของโลกแกว่งหรือส่าย
เพราะพลังการบิดตัวของแกนแม่เหล็กโลก
เกิดอาการไม่คงที่เพราะมีแรงบิดน้อยลง

3.2 พวกท่านช่วยให้ดาวโลกดวงนี้
มีขั้วเหนือใต้ของเข็มทิศแม่เหล็กคงที่หรือไม่
เพราะพลังจิตด้านบวกของพวกท่าน
ซึ่งเป็นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กบริสุทธิ์
ที่ท่านช่วยกันผลิตออกมาให้โลกทุกนาทีนั้น
มันจะช่วยให้ #โครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
มีความสมดุลหรือคงที่ได้ตลอ

แต่ถ้าพวกท่านล้มเหลวในพันธะสัญญา 6
ก็จะมีปรากฏการณ์ "นกหลงฟ้า-ปลาหลงน้ำ"
ปรากฏเป็นข่าวให้ท่านได้ยินได้ฟังเป็นประจำ
เพราะทั้งฝูงนกฝูงปลาจะเกิดการสับสนทิศ

ที่เห็นบ่อยที่สุด คือ ฝูงปลาโลมา-วาฬ
จะพากันมาเกยหาดตื้นๆตายอย่างน่าสงสาร
ขณะที่ฝูงนก ฝูงผึ้ง มันก็จะพากันกลับรังไม่ถูก

ทั้งนี้เป็นเพราะว่า
เส้นแรงสนามแม่เหล็กโลกเกิดการแกว่ง-ส่าย
จึงยังผลให้ "เข็มทิศแม่เหล็ก" หรือ #ดิจิตัลลิส
ซึ่งติดตั้งอยู่ที่สมองของนกและปลาใหญ่น้ำลึก
มีการทำงานผิดพลาดเกิดขึ้น
เพราะเกิดอาการสับสนงุนงงจึงหลงทิศนั่นแหละ

3.3 พวกท่านช่วยให้ดาวโลกดวงนี้
สามารถผลิตก๊าซออกซิเจน
ออกมาจากโรงงานภายในแกนโลก
อย่างเพียงพอกับความต้องการของระบบหรือไม่

ถ้าพวกท่านล้มเหลวในพันธะสัญญา 6
มันก็จะมีปรากฏการณ์อีกอย่างหนึ่งให้ท่านเห็น
นั่นคือปรากฏการณ์ที่ "นกตกลงมาตาย"
และ ฝูงปลานับหมื่นๆตัวในทะเล
จะพากันลอยมาเกยหาดตื้นๆตาย
ด้วยเหตุผลเดียวกันก็คือ 
พวกเขา "ขาดอากาศหายใจ" เฉียบพลัน!!!

4.ความรู้ใหม่สำหรับท่านทั้งหลายในข้อ 3.
จึงเป็น "คำตอบ" ในข้อที่ท่านถามเราว่า

"การลุล่วงพันธะสัญญา 6 อย่างแท้จริงนั้น
คือการบรรลุอะไรค่ะ?"

ซึ่งแท้แล้วเป็นการทำหน้าที
ทางจิตวิญญาณของมนุษย์
เพื่อให้มีผลปรากฏสูงสุด
ในมิติทางกายภาพของระบบโลกนั่นเอง

5.ดังนั้น
การเข้าถึงความเป็นพุทธะ อริยะ
หรือ ปราชญเมธีตามที่ท่านกล่าวนำคำถามไว้
มันจึงมิได้หมายความว่า "วิญญูชน" เหล่านี้
เป็นผู้บรรลุมรรคผลสูงสุดได้ถึงนิพพานแล้ว

แต่สภานภาพทั้ง 3 แบบดังกล่าว
มันเป็นเพียงแค่สิ่งสมมติที่ใช้เรียกขาน
วิญญูชนที่มีความสามารถในการใช้ปัญญา
ซึ่งมีความพิเศษกว่าปุถุชนทั่วไปเท่านั้น

สถานภาพเหล่านี้มันมิได้เป็นตัวชี้วัดว่า
พวกเขา "บรรลุมรรคผล" หลุดพ้นนิพพาน
อย่างที่ท่านคิดเข้าใจกันแต่อย่างใด
เพียงแต่พวกเขากำลังอยู่ในเส้นทาง
"หยิบปัญญามานิพพาน" กันเท่านั้น

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
ประทานคำตอบเหล่านี้แก่ลูกเพื่อโลก

เอเมน สาธุ
21-3-2017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น