วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ความมืดบอดทางจิตตปัญญา






เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เมื่อใดที่จิตมืดด้วยกิเลสตัณหาราคะ
ปัญญาของคนนั้นก็จักบอด หรือ ไม่สว่าง
เมื่อจิตมืดปัญญาบอดเสียแล้ว
ท่านจะนำความฉลาดแม้เพียงน้อยนิด
สักแค่แสงหิ่งห้อยมาใช้เพื่อ "ฉุกคิด"
ให้เกิดการ "ตื่นรู้" ในชีวิตกันได้อย่างไร
เพราะชาวโลกเสรี
มีความบกพร่องในการใช้จิตตปัญญา
จึงค้นหาแสงสว่างบนเส้นทางหลุดพ้นไม่พบ
ยิ่งเวียนว่ายตายเกิดมากภพชาติเท่าใด
ก็ยิ่งเหวี่ยงหมุนตนเองห่างออกไป
จากจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดคือหลุดพ้น
การหลงทางดั่งลูกแกะที่พลัดหลงฝูง
กับการเป็นเจ้าสาวที่ยืนหลับใหล
ขณะถือตะเกียงที่ไร้น้ำมัน
เพื่อรอคอยเจ้าบ่าวที่จะย้อนกลับมา
ช่วยนำพาเข้าเรือนหอ ณ ด่านนภาลัย
จึงเป็นเหตุการณ์ที่ยังดำเนินอยู่
นี่ไงล่ะ...เหตุผลที่ว่า
ทำไมพระบิดาจึงทรงเมตตา
เลื่อนกำหนดการชำระโลกคาบสุดท้ายออกมา
กว่า 800 ปีโลกถึงบัดนี้แล้ว
เพราะทรงเห็นว่า
การแก้ไขความมืดบอดทางจิตตปัญญามนุษย์
เพียงเวลาสั้นๆนั้นมันเป็นไปไม่ได้
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ยิ่งอัตตาสูงเพราะเรียนมากรู้มาก
ยิ่งผ่านการเกิดมาแล้วมากภพชาติ
ก็จะยิ่งยากแก่การแก้ไขเยียวยา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
20-2-2017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น