วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การยกระดับจิตหยาบให้เป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ





เส้นทางสู่การหลุดพ้นนั้น
คูณสมบัติแรกที่ท่านทั้งหลายจักต้องเติมเต็ม
ในการเป็นคนสองมิติของตนเองก็คือ

การยกระดับจิตหยาบหรือจิตมนุษย์
ให้สั่นสะเทือนจนเป็นหนึ่งเดียวกันกับแก่นแท้
หรือจิตวิญญาณของตัวท่านเองให้จงได้
โดยให้มันสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวตลอดไป

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
การที่พระบิดาทรงกำหนดให้พวกท่าน
กล่าวถึงแก่นแท้
ในการเป็นมนุษย์ของท่านเองว่า "จิตใจ"
ก็เพราะสาเหตุว่าท่านเป็นคน 2 มิติ

มิติแรกเป็นมิติทางกายภาพ
เป็นด้านของ "จิตหยาบ" กับ "กายสังขาร"

มิติที่สองเป็นมิติทางพลังงาน
เป็นด้านของแก่นแท้ คือ "จิตวิญญาณ" หรือ "ใจ"

เพราะเหตุว่ากายสังขารของท่าน
ถูกผลิตสร้างขึ้นไว้รองรับจิตวิญญาณผู้มาเกิด
ด้วยโลหิตในครรภ์ของมารดา
พระบิดาจึงทรงต้องกำหนดให้
กายสังขารของท่าน
ซึ่งพระองค์ทรงเรียกว่า "เครื่องยนต์แห่งกรรม"
มีจิตหยาบหรือจิตมนุษย์
เป็นผู้ควบคุมและปฏิบัติการแทน

เมื่อจิตหยาบเป็นผู้ทำหน้าที่แทนใคร
จิตหยาบก็ต้องทำตามความต้องการของผู้นั้น
จะทำอะไรๆตามใจตนเองโดยพละการไม่ได้

ซึ่งในที่นี้ผู้มอบอำนาจให้จิตหยาบ
ทำหน้าที่แทนตนเองก็คือ
จิตวิญญาณหรือเรียกกันสั้นๆว่า "ใจ" นั่นเอง

ดังนั้น
จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของท่าน
จึงต้องรู้ว่า "ใจ" ของท่าน
เขาต้องการให้ท่านทำอะไรแทนเขาบ้าง

นี่แหละ....เราจึงต้องกลับมาตามสัญญา
มาเพื่อการปิดยุคพลังงานเก่า
มาเพื่อเอาข่าวสารการชำระโลกมาฝากท่าน
มาเพื่อการเฉลยความจริงอีกเรื่องหนึ่งว่า

ถ้าจะพาแก่นแท้ของท่าน
นิพพานในชาตินี้ได้
จิตกับใจของท่าน
ต้องสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกันให้สำเร็จ
ซึ่งท่านจักต้องฝึกฝนตนเอง
จากบททดสอบต่างๆในชีวิตประจำวัน
ทั้งด้านดีๆและด้านร้ายที่ท่านไม่พึงประสงค์

วิธีการปฏิบัติทำอย่างไร
เราได้เปิดเผยไว้ในสไลด์นี้แล้ว

จงอย่าเหลวไหลหลบหลับล้อเล่นอยู่อีกเลย
จิตของท่านต้องการเวลาฝึกฝนนานเอาการอยู่
เวลาโลกกับนาฬิกาชีวิตของท่าน
มันเดินเร็วขึ้นทุกที
เหลือน้อยลงทุกวันแล้ว

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
11-12-2015

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น