วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ธรรมมะ มีไว้ใช่แค่ท่อง



บางคนท่องธรรมะเสียจนขึ้นใจ
ต้องมีสตินะ
ต้องไม่มีตัวเรา ไม่มีของเรานะ
ต้องอยู่กับปัจจุบันนะ
ต้องวางทุกข์และสุขนะ
ต้องละกิเลสตัณหานะ
ฯลฯ
มันล้วนคำพูดหรูๆ ฟังแล้วดูดีจัง
ซึ่งใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้น
แต่ปัญหา คือ รู้มาก...บวชนาน...
แล้วยังนิพพานกันไม่ได้
นี่แน่ะ....เราจะบอกให้
1.เพราะรู้แค่ว่าต้องทำอะไรบ้าง
จึงจะสร้างทางถึงนิพพานได้
2.ได้แค่รู้ว่าต้องทำอะไรตามข้อ 1.นั่น
แต่ไม่คิดต่อว่า...ตนต้องทำอะไรๆที่รู้นั้น
ให้มันสำเร็จเป็นรูปธรรมได้อย่างไร
ผลลัพธ์จึงไม่เกิด
จิตปัญญาจึงมิได้ยกระดับ
จึงทำได้เพียงสะสมเสบียงความรู้ไว้มากมาย
แต่ก้าวหน้าทางจิตวิญญาณไม่ได้
(ความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด)
จึงดีแต่พูด ได้แต่คุย
3.บางเรื่องที่รู้ก็รู้ผิด
เพราะคิดเองเออเองบ้าง
เพราะเชื่อตามที่เขาเชื่อกันมาบ้าง
พอรู้ผิดก็เลยติดขัด ก็เลยสะดุด
มีชีวิตที่สับสน
ไปต่อข้างหน้าไม่ได้
เช่น งงๆกับตนเองว่า
เกิดมาเป็นมนุษย์ทำไม...
บ้างก็คิดว่า
ตนเกิดมาเพื่อ....
ละวางกิเลสตัณหา
เกิดมาเพื่อนิพพาน
โดยเอาพันธะสัญญาข้อ๖
มาเพียรทำอยู่เรื่องเดียว
แถมเอาวิธีนักบวช คือ ถนัดทำอยู่คนเดียว
ถนัดนั่งหลับตาอยู่คนเดียว
อีกต่างหากด้วย
นี่แหละเหตุแท้ที่ปฏิบัติธรรมมานาน
คุยธรรมะเก่ง...แต่ทำไมนิพพานไม่ได้
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-11-2015

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น