วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ธรรมวิถีแห่งจิตจักรวาล: ความรู้เรื่องของ "กฎแห่งกรรม" ยุคพลังงานใหม่




ธรรมวิถีแห่งจิตจักรวาล:
ความรู้เรื่องของ "กฎแห่งกรรม" ยุคพลังงานใหม่
************************************************
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เรื่องของกฎแห่งกรรมที่จะกล่าวต่อไปนี้นั้น
ท่านทั้งหลายควรรับทราบไว้เป็นอย่างยิ่ง
เพราะเรามีคำตอบในเชิง Meta-physics (อภิปรัชญา)
ต่อคำถามยอดฮิทในหมู่มนุษย์โลกเสรีที่ว่า....
"การเกี่ยวกรรมกับผู้อื่นนั้น
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?"
1.การเกี่ยวกรรม หมายถึง
การที่คนอย่างน้อยสองคนขึ้นไป
ก่อ "กรรมสัมพันธ์กัน" เกิดขึ้น
โดยมีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้สร้างเงื่อนไขลบ
ด้วยการแสดงออกหรือกระทำไม่ถูกต้อง
ต่ออีกคนหนึ่งก่อน
(ในภาพประกอบนี้ผู้เริ่มก่อน คือ เบอร์ 2)
ทั้งนี้ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
2.เมื่อผู้ถูกกระทำหรือได้รับผลกระทบ คือ เบอร์ 1
สัมผัสรู้ดูเห็นหรือได้ยินได้ฟังเข้า
ก็จะเกิดอาการเสียสมดุลทางจิตใจขึ้นมาทันที
เพราะสาวเบอร์ 1 เป็นคนอ่อนไหวต่อการยั่วยุง่าย
เป็นคนที่ไม่มีมหาสติเป็นคุณสมบัติ
เธอจะสั่นสะเทือนจิตใจอย่างรุนแรง
เกิดเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบต่อการถูกยั่วยุนั้น
ด้วยอาการโกรธ เกลียด เคียด แค้น และอื่นๆ
โดยที่จิตใจเธอจะสั่นสะเทือนเป็นด้านลบ
ต่อหนุ่มเบอร์ 2 เกือบจะทันทีนั้นเช่นกัน
3.แม้ในทางโลก
สาวเบอร์ 1 อาจเก็บงำอำพราง
พฤติกรรมไม่พอใจของเธอเอาไว้ได้
หรืออดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ไหว
แล้วแสดงออกหรือกระทำด้านลบ
ตอบโต้หนุ่มเบอร์ 2 เข้าให้บ้างก็ตาม
กระบวนการที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
ในมิติทางพลังงานด้านจิตใจของคนทั้งคู่
มันได้เกิด "กรรมสัมพันธ์" ขึ้นมาแล้ว
หรืออาจเรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่า
"การเกี่ยวกรรม" เกิดขึ้นแล้วนั่นเอง
4.ในศาสตร์ด้านอภิปรัชญาขององค์จิตจักรวาล
เราสามารถอธิบายได้ด้วยมายาสมมติดังภาพ
กล่าวคือ หนุ่มเบอร์ 2 ได้สั่นสะเทือนจิตใจตนเอง
จนเกิดกลุ่มมวลคลื่นพลังงานกรรมด้านลบขึ้นมา
โดยมีเป้าหมายที่จิตจดจ่ออยู่คือสาวเบอร์ 1
พร้อมๆกับการกระทำพฤติกรรมด้านลบบางอย่าง
ในมิติที่สาวเบอร์ 1 สามารถสัมผัสรู้ดูเห็นได้
ด้วยกลไกอายตนะภายนอกทั้ง 5
ทั้งนี้ไม่ว่าจะตั้งใจหรือมิได้ตั้งใจก็ตาม
ทันใดนั้นคลื่นพลังงานกรรมของเขาอันเกิดจากจิต
ซึ่งอยู่ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก
ที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าเป็นลบที่โลกไม่ต้องการ
ก็จะถูกเหวี่ยงออกมาภายนอกร่างกายเขา
โดยเป้าหมายอยู่ที่สาวเบอร์ 1 ด้วยเช่นเดียวกัน
5.ปรากฏว่าสาวเบอร์ 1
เมื่อได้รับรู้ว่าตนถูกหนุ่มเบอร์ 2
กระทำพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ต่อตัวเธอเข้า
สภาวะจิตของเธอเมื่อถูกยั่วยุเข้า
ก็จะเกิดอาการเสียสมดุลทันที
จนสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์ขยะรายวันขึ้นมา
จิตของเธอก็จะผลิตสร้างมวลพลังงานกรรม
เป็นคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบที่รุนแรง
แล้วเหวี่ยงมันออกมาอย่างต่อเนื่อง
ตราบเท่าที่สภาวะจิตเธอขณะนั้นยังเสียสมดุลอยู่
ส่วนปรากฏการณ์ในด้านมิติทางพลังงาน
ซึ่งเป็นมิติคู่ขนานกับมิติโลกทางกายภาพ
ก็จะปรากฏเป็นมวลของคลื่นพลังงานกรรมด้านลบ
เหวี่ยงกระจายตัวออกมาจากสาวเบอร์ 1 ทุกทิศทาง
โดยริ้วคลื่นแต่ละระลอกที่ถูกเหวี่ยงออกมานั้น
จะพากันทะยอยพุ่งตรงไปยังหนุ่มเบอร์ 2 ทันที
6.ถ้าพินิจจากภาพจะเห็นว่า
คลื่นพลังงานกรรมของสาวเบอร์ 1 นั้น
เป็นคลื่นที่มีความรุนแรงมาก
เมื่อมีการปะทะกันกับ
คลื่นพลังงานกรรมของหนุ่มเบอร์ 2 เข้า
จึงยังผลให้สภาวะจิตของหนุ่มเบอร์ 2
เกิดอาการเสียสมดุลทางด้านลบตามไปด้วย
ขณะที่ระลอกคลื่นพลังงานกรรมที่เกิดขึ้นนี้
เมื่อมีการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างเบอร์ 1 กับ 2 แล้ว
ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นก็จะเคลื่อนตัวต่อไป
จนถึงสุดขอบเขตของจักรวาล คือ เอกภพ
เมื่อสุดเขตแล้วก็จะวกกลับคืนมาหาเจ้าของมันต่อไป
ซึ่งเจ้าของคลื่นพลังงานกรรมด้านลบ
ที่ย้อนกลับคืนมาดังว่านี้ก็คือ
ทั้งเบอร์ 1 และเบอร์ 2
จักต้องร่วมกันรับผิดชอบมันทั้งคู่
ใครคนใดคนหนึ่งจะมาโทษเถียงกัน
ด้วยการคิดแบบจิตมนุษย์ว่า
ใครหาเรื่องใครก่อน....มิได้
ใครทำร้ายใครก่อน....ก็มิได้
7.นี่ถ้า.....
เบอร์ 2 ไม่กระทำผิดบาปต่อเบอร์ 1 ก่อน
ผลกรรมที่จักต้องมาเกี่ยวกรรมดังว่านี้ก็ไม่เกิดขึ้น
นี่ถ้า...
เบอร์ 1 สามารถรักได้แม้เบอร์ 2 จะทำตัวไม่น่ารักต่อเธอ
เบอร์ 1 สามารถให้อภัยเบอร์ 2 ได้แม้ว่าเขาไม่น่าให้อภัย
ผลกรรมที่จักต้องมาเกี่ยวกรรมกันก็จะไม่เกิดขึ้น
8.ท่านเห็นว่าการรักได้ ให้เป็น ไม่ก้าวล่วงกัน
ระหว่างท่านทั้งหลายนั้นสำคัญมั้ยล่ะ?
ถ้าจะทำได้ก็ต้องครองมหาสติไว้ให้ได้
ต้องฝึกฝนการมีมหาสติให้ชำนาญไว้ใช่มั้ยล่ะ?
9.คลื่นพลังงานกรรมหมู่ของทั้งสองคน
เมื่อมันย้อนคืนมาถึงทั้งคู่ในภพชาติต่อไปนั้น
มันจะนำเอาเหตุการณ์ เรื่องราว
หรือสถานการณ์แบบเดิมๆที่เกิดขึ้นในภพชาตินี้
มาให้ทั้งคู่ได้ทดสอบจิตปัญญาว่า
เบอร์ 2 จะประมาทหรือขาดสติ
โดยทำอะไรให้เป็นเงื่อนไขด้านลบ
ต่อ เบอร์ 1 เหมือนภพชาติที่ผ่านมาอีกหรือเปล่า
ถ้าเบอร์ 2 กระทำผิดบาปอีกก็ถือว่า "สอบตก"
ต้องเรียนซ้ำชั้น คือ มีภพชาติหน้าต่อไปอีก
ในขณะเดียวกัน เบอร์ 1 ก็ต้องสอบให้ผ่านว่า
ถ้าเบอร์ 2 กระทำยั่วยุอีก
ตนจะรักได้ ให้เป็น
และใช้ปัญญากระทำตอบได้หรือไม่
ถ้ารักไม่ได้ ให้อภัยไม่เป็น ขาดมหาสติ
การเกี่ยวกรรมนี้ก็ยังจะคงอยู่ต่อไป
แปลว่าคนทั้งคู่ยังจะต้องมีชาติหน้าต่อไปอีกนั่นเอง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
18-11-2015

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น