วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

วัดประจำตัว





บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย
เราคือองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ผู้เป็นศูนย์กลางของมหาจักรวาล
เราเป็นทั้งผู้เริ่มต้นหรือผู้สร้าง
และเราเป็นทั้งผู้สิ้นสุดในทุกสรรพสิ่ง

เรากำลังกล่าวโอวาทต่อบุตรทั้งหลาย
บนดาวเคราะห์โลกซึ่งเป็นดาวแห่งทางเลือกเสรีนี้
ผ่านบุตรเอกแห่งบิดา...มายังพวกเจ้าด้วยความรัก

บิดามีข่าวสารจะบอกต่อพวกเจ้าว่า
ทุกวันนี้ดาวเคราะห์โลก
ได้สูญเสียความสมดุลโดยสิ้นเชิงแล้ว
เพราะบุตรมนุษย์ทั้งหลายขาดการใส่ใจในพระโอวาท
เพราะบุตรมนุษย์ส่วนใหญ่ยังขาดความสามารถ
ที่จะคนตนเองให้เป็นมนุษย์

เพราะบุตรส่วนใหญ่ไม่เคยถามตนเองเพื่อ
ค้นหาคำตอบกันเลยว่า....

จิตวิญญาณแก่นแท้ของเจ้าเป็นใคร
มาจากไหน ใครอนุญาตให้มาเกิด
มาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม
มีหน้าที่ต้องทำสิ่งใดบ้าง

เมื่อพวกเจ้าไม่รู้ความจริงในสิ่งที่ต้องรู้เหล่านี้
การประพฤติตนขณะดำรงอยู่บนโลกนี้ของพวกเจ้า
จึงเกิดการผิดพลาด บกพร่อง วิปริต ผิดปกติ
จนยังผลให้สังคมพวกเจ้าซึ่งสมควรที่จะเป็นหนึ่งเดียวกัน
ต้องเกิดการแบ่งแยก แตกร้าว ก้าวล่วงกัน
อีกทั้งยังหมุนกรรมจักรร่วมกัน แทนการหมุนธรรมจักร
เสียอีกต่างหากด้วย.....

ใครบางคนที่เข้าถึงจุดของความเบื่อหน่ายก่อน
ก็มักจะหันหน้าหาวัด หาพระ หาโบสถ์ หาเจ้า
หาสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนแม้แต่ภูติผี
ค้นหาสิ่งที่ตนเองคิดว่าจะสามารถเป็นที่พึ่งทางใจได้บ้าง
โดยลืมไปว่า....บิดาแห่งเจ้า
ได้ประทานความศักดิ์สิทธิ์ไว้ในตนเองของพวกเจ้า
เพื่อให้เจ้าเป็นที่พึ่งของตนเองได้โดยมิพักต้องพึ่งพา
ความศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่นๆเลยก็ได้

แต่ทว่าเจ้าจะสามารถค้นพบความศักดิ์สิทธิ์ในตนเองได้
ก็ต่อเมื่อตัวเจ้าเองจักต้องสั่นสะเทือนมันเท่านั้น
เพราะบิดากำหนดสร้าง เครื่องยนต์แห่งกรรมของเจ้า
ให้เป็น "วัดประจำตัว" ของพวกเจ้าแต่ละคน
โดยมีตัวเจ้าเองเป็นทั้งเจ้าอาวาสหรือเจ้าวัด
และยังเป็นผู้จำวัดแห่งนี้ตราบสิ้นอายุขัยเลย

ความศักดิ์สิทธิ์ของวัดคือตัวเจ้า
จะต้องเกิดได้จากการสั่นสะเทือน 6 ประการร่วมกัน
กล่าวคือ....

1.ทำให้โลกสั่นสะเทือน
เพราะโลกเป็นดั่งลูกนิมิต

ทำได้โดย ตัวเจ้าเพียงแค่สั่นสะเทือนจิตสำนึกของตนทางด้านบวก
ด้วยการรักให้ได้ ให้ให้เป็น
และไม่กระทำก้าวล่วงต่อผู้อื่นทั้งกาย วาจา และจิตใจ
ตลอดทุกวันเวลาเท่านั้นเอง
ดาวเคราะห์โลกก็จะสั่นสะเทือน
ไปตามจิตสำนึกด้านบวกของเจ้าแล้ว

เมื่อทำได้สำเร็จ
ตัวเจ้าเองกับโลกก็จะเข้าถึงซึ่ง
การเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างลงตัว
อำนาจในการเป็นคนสองมิติของเจ้า
ก็จักบังเกิดขึ้นมาโดยพลัน

2.ทำให้จิตสั่นสะเทือนด้านบวก
เพราะจิตของเจ้าเป็นดั่งมหาวิหาร

นอกจากเจ้าจะสั่นสะเทือนจิตสำนึกเป็นความรักโลกแล้ว
ในชีวิตประจำวันเจ้าก็จักต้องเรียนรู้ที่จะสั่นสะเทือน
จิตสำนึกด้านบวกต่อเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆให้จงได้
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะทำดีพูดดีต่อเจ้า....หรือ....
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะทำชั่วพูดชั่วต่อตัวเจ้าก็ตาม
เจ้าก็จักต้องเรียนรู้ที่จะรักให้ได้ ให้ให้เป็น
และไม่กระทำก้าวล่วงเขากลับคืนอีกด้วย

ในชีวิตประจำวัน ตัวเจ้าจักต้องเรียนรู้ที่จะ
สั่นสะเทือนจิตใจตนเองเป็นความรักไว้มอบให้ผู้อื่น
สั่นสะเทือนทางปัญญาเป็นการคิดด้านบวก
เพื่อการแสดงออกหรือกระทำด้านบวกต่อผู้อื่นเสมอ

ความประพฤติของจิตเป็นกิจวัตรเยี่ยงนี้เอง
จึงไม่ต่างจากการปฏิบัติธรรมภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์เลย
เมื่อเจ้าปฏิบัติธรรมด้วยจิตของเจ้า
กรรมดีๆนั้นบังเกิดขึ้นจากการกระทำที่จิตของเจ้า
ดังนั้น.....
จิตของเจ้าจึงไม่ต่างไปจาก
มหาวิหารสถานธรรมศักดิ์สิทธิ์โดยทั่วไปนั่นเอง

3.มีแก่นแท้เป็นประธาน

ในที่นี้หมายถึง การปฏิบัติจิตของเจ้าในมหาวิหารนั้น
เจ้าจักต้องรู้ว่าตัวเจ้าเองยังมีจิตวิญญาณแก่นแท้
ประทับอยู่อย่างนิ่งสงบภายในมหาวิหารนั้นด้วย

การสั่นสะเทือนใดๆที่ดีงามของเจ้าภายในมหาวิหารนั้น
พระประธานคือแก่นแท้ของตัวเจ้าเอง
ล้วนรับรู้ดูเห็นในกรรมดีๆนั้นอยู่ตลอดเวลา
แต่เนื่องจาก จิตหยาบของเจ้าเป็นตัวแทนของแก่นแท้
ดังนั้น เมื่อเจ้าสั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านบวกขึ้นมาได้
จิตวิญญาณแก่นแท้ของเจ้า มีหรือที่จะไม่ปิติยินดีในกุศลนั้น

4.ทำให้สั่นสะเทือนทางปัญญาเป็นการคิด
เพราะปัญญาญาณของเจ้าเป็นเสมือนเจดีย์วัดนั่นเอง

ในชีวิตประจำวัน เจ้าจึงต้องเรียนรู้ที่จะเข้าถึงการใช้สติปัญญา
และปัญญาญาณของตนเองให้ได้
ด้วยการฝึกคิด แทนการได้แต่นึกด้วยจิตไปวันๆ
เจ้าจะต้องเรียนรู้ให้ได้ว่า จะใช้ความฉลาดทางปัญญา
ของสมองสองซีกที่ตนเองมีอยู่อย่างมีประสิทธิผลได้อย่างไร
ถ้ายังคิดแบบจิตมนุษย์ คลื่นการคิดของเจ้า
มันก็จะยังคงวนเวียนอยู่แต่ภายในกระโหลกเท่านั้น
ผลการคิดก็จะได้แต่บทสรุปจากการวิเคราะห์ด้วยเหตุผล
ซึ่งมันเกิดขึ้นอยู่ภายในกระโหลกศีรษะของเจ้านั่นแหละ

แต่ถ้าเจ้าเรียนรู้ที่จะใช้ปัญญาญาณของสมองซีกขวาบ้าง
เจ้าก็จะต้องรู้วิธีกดปุ่มมัน เรื่องการฝึกทักษะเช่นว่านี้

บุตรเอกแห่งบิดานั้นเชี่ยวชาญในการช่วยฝึกฝนพวกเจ้า
ให้แคล่วคล่องในการใช้มันมานานแล้ว
เพียงแค่พวกเจ้าเฝ้าฟังพระโอวาท
แล้วหมั่นคิดตามและตอบคำถามไปเรื่อยๆ
และการที่พวกเจ้าเข้าร่วมฝึกอบรมบ่มจิตปัญญา
กับค่ายปฏิบัติธรรมยุวจิตจักรวาลสัญจร
ตลอดทุกครั้งที่ผ่านมาและตลอดไปเรื่อยๆ
เจ้าก็จะสามารถเปลี่ยนระบบการคิดรู้ไปเป็นล่วงรู้
ด้วยพลังอำนาจแห่งปัญญาญาณของตนเองได้
ภายในไม่ช้านาน

ปัญญาญาณ คือ คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก
ซึ่งอยู่ในรูปของคลื่นความคิด อันเกิดจาก
การสั่นสะเทือนของจิตร่วมกับสมองซีกขวานำซีกซ้าย
ที่มันสามารถขับเคลื่อนออกมาภายนอกกระโหลกศีรษะ
ของพวกเจ้าได้ เพื่อทำการดูดซับรับเอาคำตอบที่เจ้าต้องการ
อันเป็นข้อมูลที่สั่งสมอยู่บนระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
อยู่แล้ว ให้แก่เจ้าเป็นรางวัลในทันทีที่เจ้ายกระดับคลื่นการคิด
เป็นการใช้ปัญญาญาณได้
ความรู้ใหม่ๆที่เจ้าคิดเองได้ด้วยวิธีคิดสร้างสรรค์นั้น
ล้วนเป็นกระบวนการใช้ปัญญาญาณระบบนี้ทั้งสิ้น

เจ้าจักต้องรู้ว่า
ปัญญาที่เจ้าสามารถหยิบมาใช้นิพพานทุกสิ่งได้
ก็คือ "ปัญญาญาณ" นี่เอง

5.สั่นสะเทือนกายสังขารของเจ้าทางด้านบวกเสมอ
เพราะสังขารของเจ้าเปรียบดั่งอารามนั่นเอง

อารามนั้นเป็นอาณาเขตคามของวัดสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม
กายสังขารของเจ้า ซึ่งมีจิตเป็นมหาวิหารก็อยู่ในอาราม
จิตวิญญาณของเจ้า ซึ่งเป็นดั่งพระประธานก็อยู่ในอาราม
ปัญญาญาณของเจ้า ซึ่งเป็นดั่งเจดีย์ก็มีอยู่ในอาราม

ถ้าเจ้าจดจำคำว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าวได้
เจ้าก็คงจะเข้าใจได้เป็นอันดีว่า
พฤติกรรมใดๆที่เจ้าแสดงออกมาภายนอก
ทั้งกายกรรมและวจีกรรมคำพูดใดๆก็ตาม
มันจักต้องสงบ สำรวม และมีมหาสติ ดั่งผู้ทรงศีล
มันจักต้องงดงาม สง่างามในทุกอิริยาบถโดยแท้
จะทำตนกระโดกกระเดกไม่งามไม่สำรวมย่อมมิได้

6.สั่นสะเทือนองค์ความรู้ที่บิดาแห่งเจ้าถ่ายทอดมาให้
เพราะองค์ความรู้ทั้งหลาย คือ พระคัมภีร์ที่เจ้าวัดจักต้องถือปฏิบัติ
อย่างเคร่งครัดกันนั่นแหละ

ทั้งการสื่อถ่ายทอดพระโอวาทด้วยการกล่าวสดๆ
หรือสื่อถ่ายทอดผ่านตัวอักษร
หลากล้วนเป็นดั่งพระคัมภีร์ ซึ่งจะศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อ
ตัวเจ้าต้องหมั่นอ่าน หมั่นฟัง หมั่นคิดพิจารณา
และหมั่นนำเอาออกมาใช้ในชีวิตประจำวันให้จงได้

การสั่นสะเทือนของเจ้าดังกล่าวนี้
จะยังผลให้พระโอวาทแห่งบิดา
เกิดพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้

ขอพวกเจ้าจงเร่งหันมาบูรณะวัดของตนเองเถิด
อย่าปล่อยให้เป็นที่สิงอยู่ของสิ่งสกปรกรกรุงรัง
เช่น กิเลส ตัณหา ราคะ อุปาทาน
และความงมงายอยู่ต่อไปอีกเลยนะ

มัวแต่ไปพึ่งพาวัดคนอื่นมามากแล้ว
หันกลับมาทำวัดของตนให้สะอาดก่อนเถิด
วัดไหนๆก็ไม่สำคัญเท่าวัดของตนหรอก
บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย....

ถ่ายทอดคลื่นการคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย: อ.ปริญญา ตันสกุล
9-09-2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น